ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 1283

0-02… ไคลน์ทวนรหัสภายในใจ พบว่าปัญหาอาจร้ายแรงกว่าที่ตนคิด

แม้จะยังสรุปไม่ได้ว่า 0-02 ทรงพลังกว่า 0-05 เพราะแก่นแท้ของ ‘ตะเกียงวิเศษประทานพร’ คือ ‘เทพภายนอก’ ซึ่งแข็งแกร่งยิ่งกว่าเทพแท้จริงในปัจจุบันทั้งหมด หากไม่ติดว่าโลกนี้มีบาเรียคุ้มกันจากมหาต้นกำเนิด ตัวตนระดับดังกล่าวสามารถทำลายโลกได้ง่าย หรืออาจรวมถึงทั้งระบบสุริยะ อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่ 0-02 มีรหัสต่ำกว่า ย่อมความว่ามีอันตรายสูงกว่าและผนึกได้ยากกว่า 0-05

โบสถ์เจ็ดเทพจารีตเพิ่งเริ่มตั้งรหัสสองหลักให้สมบัติปิดผนึกระดับ 0 ในช่วงปลายยุคสมัยที่สี่ หมายความว่า การที่มันเป็นรองเพียง 0-01 คือเครื่องยืนยันว่าสิ่งนี้น่าสะพรึงจนเหนือจินตนาการ… แต่ดูเหมือนว่าเทพสงครามจะไม่ได้ใช้มันในศึกระหว่างทวยเทพ… เป็นประเภทที่ไม่เหมาะกับการประจันหน้าหรือไม่ก็อันตรายเกินไป? หรือไม่แบ่งแยกมิตรศัตรู? ความคิดมากมายแล่นผ่านสมองไคลน์

สีหน้าชายหนุ่มทวีความเคร่งขรึม

“มาดาม คุณมีข้อมูลเกี่ยวกับ 0-02 บ้างไหม”

อาเรียนน่าส่ายศีรษะ

“ในตอนที่โบสถ์หลักแบ่งปันข้อมูลของสมบัติปิดผนึกระดับ 0 และ 1 พวกเขาจะแจ้งเพียงรหัส”

นั่นสินะ สำหรับโบสถ์หนัก ข้อมูลของสมบัติปิดผนึกระดับ 0 ถือเป็นความลับสำคัญ ต่อให้เป็นบุคลากรระดับสูง กว่าจะได้ทราบข้อมูลก็ต้องถึงคราวที่ตนถูกมอบหมายให้ใช้งาน… แถมใช้เสร็จก็อาจถูกลบความทรงจำด้วย… ในแง่หนึ่ง มาตรการนี้ทำไปเพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล ในอีกแง่หนึ่ง ทางโบสถ์ป้องกันความปลอดภัยของตัวสมาชิกเอง เพราะสำหรับบางสิ่ง แค่ ‘เข้าใจ’ ก็อาจทำให้เกิดปัญหาหรืออาจทำให้ผนึกเสื่อมสภาพ… ไคลน์ถามด้วยสีหน้าครุ่นคิด

“ไม่ใช่ว่าทางศาสนจักรเข้ายึดครองโบสถ์เทพสงครามแล้วหรือ”

ก็น่าจะมีข้อมูลของ 0-02 สิ

อาเรียนน่าชำเลืองรอยและคนที่เหลือซึ่งกำลังยืนไม่ห่าง

“ลาร์เรี่ยนทำลายข้อมูลของสมบัติปิดผนึกระดับ 0 ทั้งหมดก่อนที่จะหลบหนี”

ให้ตายสิ… พวกขี้ระแวงนี่น่ารำคาญชะมัด… ไคลน์ไตร่ตรองและพูด

“เทพธิดากล่าวถึง 0-02 ไว้ว่าอย่างไร”

จากมุมมองของชายหนุ่ม เทพธิดารัตติกาลและเทพสงครามคือตัวตนจากยุคสมัยเดียวกัน ไม่เพียงเท่านั้น พระองค์ยังถือครองอำนาจในขอบเขตการปกปิด เทพธิดาจึงน่าจะได้ทราบสถานการณ์ของเทพสงครามอยู่ไม่น้อย

และเป็นไปไม่ได้ที่สมบัติปิดผนึกระดับ 0-02 จะไม่เคยทิ้งร่องรอยใดไว้ในประวัติศาสตร์ มันอาจเคยเป็นต้นตอของหายนะบางอย่าง ตัวตนจากบรรพกาลจึงควรจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี

อาเรียนน่าทำท่าคล้ายกับนึกทบทวนสถานการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว เธอกล่าวโดยไม่รีรอ

“จากวิวรณ์ในอดีต เทพธิดาเคยเรียก 0-02 ว่า ‘หนังสือกฎหมายและข้อบังคับ’ ”

หนังสือกฎหมายและข้อบังคับ… นั่นยิ่งฟังดูน่ากลัวกว่าเดิม… ไคลน์หรี่ตาลงหลังจากครุ่นคิดในหลายสิ่ง

ในชีวิตก่อนหน้า ไคลน์ชอบเล่นเกมมาก แถมยังเคยเล่นมาแล้วเกือบทุกแนวทั้งที่ไม่ได้ติดเกมหนัก แต่ถึงอย่างนั้นกลับไม่เคยได้ยินวลี ‘หนังสือกฎหมายและข้อบังคับ’ ภายในเกมมาก่อน

ทันใดนั้นเอง อาเรียนน่าเสริม

“การที่คุณบังเอิญมาที่เมืองเบลดัน อาจเป็นผลพวงมาจากคุณลักษณะบางอย่างของ 0-02”

นั่นสินะ สำหรับมาดามอาเรียนน่าที่กำลังไล่ตามราชาคณะลาร์เรี่ยน คงเป็นเรื่องปรกติที่เธอจะถูกดึงดูดมายังเบลดัน แต่การที่เราบังเอิญมาอยู่ที่นี่ด้วยคงไม่ใช่เพราะเหตุผลธรรมดาแน่ ความบังเอิญที่มากเกินไปย่อมหมายถึงปัญหา…

ใครบางคนกำลัง ‘ชักใย’ อยู่เบื้องหลัง? หรือเป็นผลมาจากกฎการดึงดูดระหว่างตะกอนพลัง? แต่พิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน เราไม่น่าจะถูกใครชักใยได้ ในฐานะเจ้าของปราสาทต้นกำเนิด เราสามารถหยั่งถึงความผิดปรกติได้ทุกชนิดแม้จะปรากฏเพียงเล็กน้อย… ถ้าเป็นกฎการดึงดูดระหว่างตะกอนพลัง หากไม่นับมิสเตอร์ประตูที่ถูกเนรเทศและต้นตระกูลอันทีโกนัสที่ถูกผนึกไว้ในหมู่บ้านสายหมอก จะเหลือแค่ซาราธและอามุนด์ที่สามารถสร้างอิทธิพลกับเรา…..ไอรีนโนเวล

ทว่า เราจงใจหลีกเลี่ยงซาราธเป็นอย่างดี และร่างต้นของอามุนด์ก็กำลังถูกพระผู้สร้างแท้จริงไล่ล่า ลำพังร่างโคลนคงไม่สามารถทำให้เกิดการดึงดูดระหว่างตะกอนพลังได้… ใช่แล้ว ยังมีความเป็นไปได้อีกหนึ่งอย่าง… กฎการดึงดูดระหว่างแก่นแท้แห่งต้นกำเนิด… 0-02 สามารถดึงดูดปราสาทต้นกำเนิดจนเราบังเอิญมาที่นี่?

ถ้าเป็นกรณีนี้จริง ถึง 0-02 จะไม่ใช่แก่นแท้แห่งต้นกำเนิดโดยตรง แต่ก็น่าจะเกี่ยวข้องไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง… ไคลน์ที่ผุดข้อสันนิษฐานมากมาย เริ่มจับทาง 0-02 ได้อย่างคลุมเครือ

มันไตร่ตรองสักพัก

“พิจารณาจากความคืบหน้าของสถานการณ์ ดูเหมือนว่ากฎเกณฑ์ที่มันตั้งขึ้นจะยิ่งเข้มงวดและหลากหลายเมื่อเวลาผ่านไป หลักฐานที่ชัดเจนคือแผ่นกระดาษสีเหลือง หรือกล่าวได้ว่า สัญญาณชีพของ 0-02 จะถูกกระตุ้นจนใกล้เคียงกับสิ่งมีชีวิต หรือไม่ก็ระดับการตื่นของมันจะทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป?”

อาเรียนน่าผงกศีรษะเรียบง่าย

“ถูกต้อง เราต้องค้นหามันให้พบก่อนที่จะเกิดเหตุร้ายแรง จากนั้นก็พยายามผนึกมัน… วิธีที่ดีที่สุดคือการแยกกันค้นหาเพื่อขยายขอบเขต นั่นจะช่วยประหยัดเวลาได้มาก”

ไคลน์ไม่คัดค้าน เพียงครุ่นคิดสักพักก่อนจะกล่าว

“มาดาม คุณบอกข้อมูลกับผมมากขนาดนี้ ไม่ถือเป็นการแพร่งพรายความลับหรือ”

“ไม่” อาเรียนน่าตอบอย่างมั่นใจ “กฎการแพร่งพรายความลับหมายถึง การรายงานความผิดปรกติของเมืองเบลดันออกสู่โลกภายนอกไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง”

เป็นวิธีตัดการเชื่อมต่อกับโลกภายนอกโดยสมบูรณ์… แต่ก็ยังดี อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับบทสนทนาทั่วไป สรุปคือ สามารถพูดอะไรก็ได้ขอเพียงไม่ใช่การสบถ… ไคลน์ถอนหายใจโล่งอกก่อนจะถามต่อ

“เหยี่ยวราตรีและทูตพิพากษาของที่นี่ก็ต้องปฏิบัติตามกฎที่ถูกประกาศไว้ใช่ไหม?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ