โถงสวดมนต์ของวิหารรัตติกาลมีบรรยากาศสลัวเหมือนกันทุกแห่ง แสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวส่องลงมาจากช่องวางด้านบนกำแพงสูงจนดูคล้ายดวงดาวในยามค่ำคืน
ไคลน์นั่งตรงมุมซึ่งไม่เด่นสะดุดตา ถอดหมวกทรงสูงออกพร้อมกับเริ่มสวดวิงวอนประหนึ่งผู้ศรัทธาเคร่งศาสนา
มันเล่าถึงข้อเท็จจริงอย่างกระชับโดยมีใจความว่า โรซายล์คืนชีพในสุสานสุดท้าย แต่ยังคงถูกเล่นงานโดยการกัดกร่อนจากดวงจันทร์บรรพกาล และกำชับว่ามหาจักรพรรดิรายนี้ตัดสินใจยับยั้งมิให้พระจันทร์สีแดงภายในร่างกายถือกำเนิดบนโลกความจริง ถึงขั้นยอมตัดกระบวนการที่ ‘เอกลักษณ์’ และตะกอนพลังลำดับ 1 ทั้งสามก้อนจะย้อนกลับมาอยู่ในมือ
ในช่วงท้ายของการสวดวิงวอน ไคลน์เล่าถึงอันตรายของไพ่เย้ยเทพ และแสดงความกังวลต่อไพ่มารดากับไพ่จันทรา
อันที่จริง โรซายล์บอกเพียงให้ระวังไพ่มารดาเท่านั้น มิได้เอ่ยถึงไพ่จันทรา แต่ไคลน์ทราบดี เส้นทางธรณีและจันทราล้วนเป็นของมารดาเทพธิดาแห่งความเสื่อมทราม การเสริมไพ่จันทราจึงไม่ใช่เรื่องผิด
และนั่นทำให้มันกังวลเกี่ยวกับพระแม่ธรณีลิลิธเป็นพิเศษ
จากบรรดาทั้งยี่สิบสองเส้นทาง ผู้วิเศษลำดับสูงของเส้นทางทางจันทราและนักเพาะปลูกนั้นมีข้อได้เปรียบอย่างมาก เพราะพวกมันไม่ต้องกังวลว่าจะมีมหาต้นกำเนิดลืมตาตื่นขึ้นในร่าง ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดบุคลิกภาพแตกแยกขณะเข้าใกล้ใต้ดิน เนื่องจากตะกอนพลังของพวกมันมิได้มาจากมหาต้นกำเนิดโดยตรง จึงไม่มีตราประทับทางจิตแฝงมาด้วย อย่างไรก็ดี หากพวกมันบ้าบิ่นบุกเข้าไปยังใต้ดินหรือทะเลแห่งโกลาหลโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นใครก็หลีกหนีการถูกกัดกร่อนไม่ได้ เพียงแต่ความรุนแรงอาจไม่เท่าเส้นทางอื่น
ความได้เปรียบดังกล่าวทำให้ลิลิธถือไพ่เหนือกว่าเทพบรรพกาลตนอื่นในอดีต เพราะเธอไม่ต้องแบ่งพลังบางส่วนไปคอยสยบเจตจำนงของมหาต้นกำเนิดที่ลืมตาตื่นขึ้น และในสมัยโบราณ บาเรียคุ้มกันโลกยังคงแข็งแรงแน่นหนา เพียงพอที่จะกีดกันอิทธิพลจากอวกาศอย่างมารดาเทพธิดาแห่งความเสื่อมทรามจนแทบมิอาจแทรกแซงสถานการณ์ภายในโลก
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความได้เปรียบนั้นเริ่มกลายมาเป็นปัญหา
เมื่อการกัดกร่อนจากใต้ดินเริ่มอ่อนกำลังลง บาเรียคุ้มกันโลกก็อ่อนแอลงไปด้วย ถึงขั้นเกิดรอยร้าวหลายจุด ในสถานการณ์ดังกล่าว พระแม่ธรณีลิลิธมีแต่จะยิ่งเผชิญความยากลำบาก นั่นเพราะเธอต้องรับมือกับการคุกคามที่แข็งแกร่งขึ้นของมารดาเทพธิดาแห่งความเสื่อมทราม – ในแง่ดังกล่าว มหาต้นกำเนิดหรือพระผู้สร้างต้นกำเนิดผู้ร่วงหล่นไปนานแล้ว ย่อมสร้างการคุกคามได้ไม่มากเท่ามารดาเทพธิดาแห่งความเสื่อมทรามซึ่งยังมีชีวิตอยู่
เมื่อพิจารณาว่าเทพภายนอกซึ่งเป็นตัวตน ‘เหนือลำดับ’ สามารถสร้างอิทธิพลกับตัวตนลำดับต่ำในเส้นทางตัวเองได้ ไคลน์เชื่อว่าในกรณีของพระแม่ธรณีเองก็ไม่น่าจะมีข้อยกเว้น
สวดวิงวอนเสร็จ ไคลน์รอเกือบห้านาที เมื่อยืนยันจนแน่ใจว่าไม่มีการตอบสนอง มันยืนขึ้น สวดหมวกทรงสูงของนักมายากลพเนจร เดินออกจากวิหารของรัตติกาล
สำหรับไคลน์ งานของมันมีเพียงแจ้งให้เทพธิดารัตติกาลรับทราบ ส่วนอีกฝ่ายจะจัดการเช่นไร จะส่งคำเตือนมาหรือไม่ ไคลน์ควบคุมไม่ได้
สรุปโดยสั้น ไคลน์ทำได้เพียงเชื่อว่า ตอนนี้เทพธิดารัตติกาลทราบถึงปัญหาซึ่งค่อนข้างร้ายแรงแล้ว
…
กรุงเบ็คลันด์ ย่านทิศใต้ของสะพาน วิหารฤดูเก็บเกี่ยว
เอ็มลิน·ไวท์ลงจากรถม้า ชำเลืองแสงแดดที่ถูกก้อนเมฆและหมอกควันบดบังเล็กน้อย ก่อนจะนำหมวกผ้าไหมทรงสูงขึ้นมาสวม
ระหว่างทางก่อนถึงประตูวิหาร มันบรรจงหมุนแหวนที่มือซ้ายคล้ายกับกำลังโอ้อวดฐานะ
แหวนมีลักษณะโปร่งแสง คล้ายกับทำจากอำพันสีแดงอ่อน ด้านบนแหวนเลี่ยมด้วยอัญมณีสีแดงเลือด สิ่งนี้คือรางวัลที่เอ็มลินได้รับเมื่อนานมาแล้ว: แหวนลิลิธ
หลังจากกลายเป็นครึ่งเทพ เอ็มลินสามารถระงับ ‘ความกระหาย’ ซึ่งเป็นผลข้างเคียงของแหวนได้ในระดับหนึ่ง ตลอดทั้งวัน มันต้องการดื่มเลือดมนุษย์เพียงสามขวดเพื่อมิให้ต้องทุกข์ทรมานกับอาการด้านลบ ดังนั้น เพื่อเปิดเผยสถานะความเป็นคนโปรดของบรรพชน เอ็มลินเริ่มสวมแหวนวงนี้ติดตัวตลอดเวลา
หลังจากเข้าไปในวิหารฤดูเก็บเกี่ยว เอ็มลินถอดหมวกทรงสูงอย่างเป็นธรรมชาติ
ทันใดนั้น คาซีมี เออร์เนส และผีดูดเลือดตนอื่นภายในกรุงเบ็คลันด์ซึ่งกำลังรอฟังเทศนาจากบิชอปยูทรอฟสกี้ ต่างทยอยลุกขึ้นยืนและก้มมองพื้นทางเดิน ปากเปล่งเสียงแผ่วเบา:
“อรุณสวัสดิ์ ท่านเอิร์ล”
เอ็มลินมองตรงไปข้างหน้า ผงกศีรษะเล็กน้อยจนเกือบมองไม่เห็น
“มิสทราลยังมาไม่ถึงอีกหรือ?”
“ท่านเอิร์ลมิสทราลสร้างวิหารภายในบ้าน” เออร์เนสอธิบายสั้นกระชับ
เอ็มลินมิได้แสดงความเห็น เพียงเดินตรงไปข้างหน้าและกล่าวอย่างเป็นกันเอง
“แต่ถ้ามีมิสซา ทุกคนก็ต้องเข้าร่วม”
มันมองไปรอบตัวก่อนจะถาม
“บิชอปยูทรอฟสกี้ไปไหน?”.ไอรีนโนเวล.
“ท่านบิชอปกำลังรอท่านเอิร์ลอยู่ด้านใน ทูตของศาสนจักรมารอนานแล้ว” เออร์เนสควบคุมสีหน้าขณะตอบคำถามของเอ็มลินด้วยท่าทีสุภาพ
ทูตของศาสนจักร… เอ็มลินหมุดแหวนสีแดงสว่างบนมือซ้ายก่อนจะเดินเข้าไปด้านในวิหาร
ในไม่ช้า มันได้พบหลวงพ่อยูทรอฟสกี้และทูตของศาสนจักรรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีดำ ดวงตาลุ่มลึก
“นี่คือท่านเจ้าคุณลอเรโต้ เป็นอาร์ชบิชอป” หลวงพ่อยูทรอฟสกี้แนะนำให้เอ็มลินรู้จักกับทูต
มันกำลังยืนริมหน้าต่าง บดบังแสงสว่างเกือบทั้งหมด
“อรุณสวัสดิ์ ท่านเจ้าคุณลอเรโต้” เอ็มลินตอบรับตามมารยาทของศาสนจักร
ลอเรโต้ยิ้ม ตามด้วยกล่าวเป็นภาษาโลเอ็นที่ไม่ชำนาญ
“คุณไม่จำเป็นต้องเรียกผมว่าท่านเจ้าคุณ แม้คุณจะไม่ใช่อาร์ชบิชอป แต่ก็มีสถานะเทียบเท่า นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณจะถือเป็นนักบวชผู้มีสมณศักดิ์เป็นอาวุโสใหญ่ของโบสถ์ ได้รับมอบหมายให้ดูแลเกี่ยวกับผีดูดเลือดทั้งหมดภายในกรุงเบ็คลันด์”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ