แขนขวาออเดรย์ชะงักเล็กน้อยก่อนจะกลับเป็นปรกติ จากนั้นก็หยิบหน้ากากบุคลิกที่ชื่อ ‘ทระนง’ ขึ้นมา
“ความน่าจะเป็นสูงถึงห้าในสิบ” หญิงสาวตอบเพาลี·เดอราลอย่างคมคาย
กล่าวคือ การเลือกหน้ากากบุคลิกซ้ำกับเฮอร์วิน·แรมบิสไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ต้องตกใจ
กล่าวจบ ออเดรย์สวมหน้ากากสีเทาอ่อนบรรยากาศเยือกเย็นลงบนใบหน้า
แทบจะในทันที เธอรู้สึกว่ามี ‘บุคลิกเสมือน’ ปรากฏขึ้นบนเกาะแห่งจิตของตัวเอง
สิ่งนี้มิใช่อิทธิพลจากภายนอก หากแต่เป็นการขยายขอบเขตความเข้าใจของเธอจนถึงขีดจุด
“พวกเขามีการศึกษาต่ำมาก เราต้องคอยบงการให้พวกเขาเลือกเส้นทางที่ถูกต้อง… ไม่ใช่ทุกคนที่ฉลาดพอ ตรงกันข้าม คนส่วนมากมักสมองทึบ… คนงานเหล่านี้ทำตามสัญชาตญาณมากกว่าเหตุผล พวกเขาถูกจูงใจได้ง่ายด้วยผลประโยชน์เพียงเล็กน้อย ไม่มีวิสัยทัศน์เลยสักนิด… หากไม่มีการชี้นำจากเรา พวกเขาคงไม่มีทางมีอนาคตที่ดี… พวกเขาคู่ควรกับความเมตตา แต่ไม่คู่ควรที่จะสนทนาด้วย”
“…”
ความคิดดังกล่าวสะท้อนกังวานอยู่ภายในจิตใจออเดรย์ จนเธอเกือบเชื่อว่านั่นคือความคิดของเธอจริงๆ อย่างไรก็ดี ความคิดเหล่านี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของผลตอบรับซึ่งออเดรย์ได้จากการเฝ้าสังเกต มิได้ถูกกุขึ้นจากอากาศ
เพียงชำเลืองสายตา ออเดรย์มองเห็นใบหน้าตัวเองจากภาพสะท้อนบนผิวโต๊ะยาว
บนหน้ากากสีเทาซึ่งดูเยือกเย็น ดวงตาทั้งสองข้างกลอกขึ้นไปมองหน้าผาก ประหนึ่งจ้องมองเพียงเบื้องสูงโดยคิดไม่แยแสผู้อื่น อาจเป็นภาพที่ตลกขบขัน แต่ขณะเดียวกันก็มอบความรู้สึกประหลาดปนสยองขวัญ
ออเดรย์เงียบไปสักพัก จากนั้นก็กล่าวในอีกไม่กี่วินาที
“นี่คือทระนง?”
หากไม่ใช่เพราะเธอเคยปรึกษาและขจัดความเข้าใจผิดด้านอารมณ์ผ่านการสนทนากับเดอะเวิร์ล แฮงแมน มาดามเฮอร์มิท และคนอื่นๆ หญิงสาวอาจได้รับอิทธิพลจากบุคลิกเสมือนของหน้ากาก ‘ทระนง’ เข้าอย่างจัง
ส่วนคำถามที่ว่า ได้รับอิทธิพลแล้วจะเป็นเช่นไร ปัจจุบันยังไม่มีคำตอบ
“ฟื้นตัวเร็วกว่าที่ผมคาดไว้มาก… ดูเหมือนว่าคุณจะไม่สูญเสียตัวตนขณะ ‘บงการ’ ผู้อื่น” เดอราลกล่าวชม
ออเดรย์ตอบด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“ถึงว่าทำไม มิสเตอร์เฮอร์วิน·แรมบิสค่อนข้างทระนงตน…”
เดอราลกล่าวขณะประสานมือบนหน้าท้อง
“บอกได้เลยหรือ?”
“เป็นบางครั้งค่ะ บอกได้จากบางรายละเอียด” ออเดรย์ตอบกระชับสองประโยค
เดอราลถอนหายใจ ยิ้มพลางส่ายหน้า
“เฮอร์วิน·แรมบิสได้รับอิทธิพลจากหน้ากากรุนแรงกว่าที่ผมคิด… ตามปรกติแล้วเขาเป็นคนที่ปกปิดอารมณ์เก่งมาก… ภายใต้สมมติฐานดังกล่าว ผมเริ่มไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมเขาถึงหายตัวไป ความทระนงตนทำให้เขามองไม่เห็นทางเดินใต้ฝ่าเท้า และมักดูแคลนผู้วิเศษลำดับต่ำกว่า นั่นคือบ่อเกิดของอันตรายใหญ่หลวง”
ออเดรย์ยับยั้งความคิดมิให้นึกถึงการตายของเฮอร์วิน·แรมบิส จากนั้นก็ถามหลังจากเรียบเรียงคำพูด
“หน้ากากบุคลิกทั้งเจ็ดสามารถขยายขอบเขตความรู้และอารมณ์ที่เกี่ยวข้องให้กว้างขึ้น ช่วยให้ผู้สวมตระหนักถึงปัญหาของตัวและแก้ไขได้ถูกจุด แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ส่งผลเสียบางอย่าง และเปลี่ยนแปลงบุคลิกของผู้สวมโดยไม่รู้ตัว?”
เดอราลพยักหน้าแผ่วเบา
“ในขอบเขตของจิตใจ เป็นการยากที่จะได้รับความช่วยเหลือจากพลังภายนอกโดยไม่มีผลข้างเคียง ดังนั้น เราจึงควรมีพลังภายในที่เข้มแข็งเพื่อต่อต้านผลข้างเคียงดังกล่าว… หากตระหนักถึงสิ่งนี้ได้เอง แปลว่าคุณมาถูกทางแล้ว”
ขณะออเดรย์เตรียมถือโอกาสปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาในขอบเขตจิตใจ เธอพบว่าหน้ากากบุคลิกบนโต๊ะหายไปหนึ่งอัน
หญิงสาวหันศีรษะโดยไม่รู้ตัว มองไปยังทางเข้าวิหาร และได้เห็นร่างหนึ่งเดินผ่านประตูเข้ามา
ร่างดังกล่าวแต่งกายในชุดสูทสุภาพสามชิ้น ถือหมวกผ้าไหมทรงกึ่งสูง กำลังสวมหน้ากากอันที่เลือนหายไป
มุมปากของหน้ากากฉีกกว้างจนถึงโคนหู ปากอ้ากว้าง ราวกับจะกลืนกินทุกสิ่งที่ตาเห็น
“เขาคือหนึ่งในคณะกรรมการของสมาคมแปรจิต มิสเตอร์ตะกละ” เดอราลกล่าวแนะนำกับออเดรย์
ถัดมา คณะกรรมการคนอื่นทยอยเดินเข้ามาทีละคน ไล่จากมิสเตอร์ราคะ มาดามละโมบ มิสเกียจคร้าน และมิสเตอร์ริษยา
ในฐานะผู้ชมมากประสบการณ์ สิ่งแรกที่ออเดรย์สังเกตเห็นคือความแตกต่างของหน้ากากบุคลิก
‘ละโมบ’ คล้ายกับ ‘ตะกละ’ มุมปากฉีกถึงโคนหู แต่ไม่เปิดกว้าง และตาทั้งสองข้างปิดสนิท
‘ราคะ’ กับ ‘ทระนง’ คล้ายคลึงกัน แตกต่างกันที่ดวงตา ของราคะจะดิ่งลงประหนึ่งมองแต่เบื้องล่าง
ดวงตา หู ปาก และจมูกของหน้ากาก ‘ริษยา’ บิดเบี้ยวเล็กน้อย แฝงอารมณ์หม่นหมอง
ดวงตาของหน้ากาก ‘เกียจคร้าน’ ปิดสนิท มุมปากตก ดูคล้ายกับผู้สวมกำลังง่วงนอน
เมื่อเห็นว่าคณะกรรมการทั้งหมดมาถึงแล้ว เดอราลกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ