ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 1352

สรุปบท ราชันเร้นลับ 1352 : บริวารเร้นลับ: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

สรุปเนื้อหา ราชันเร้นลับ 1352 : บริวารเร้นลับ – ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ โดย Internet

บท ราชันเร้นลับ 1352 : บริวารเร้นลับ ของ ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

เมื่อโอสถบริวารเร้นลับไหลเข้าสู่หลอดอาหาร ไคลน์รู้สึกคล้ายกับร่างกายกำลังพองออก

ทันใดนั้น ชายหนุ่มมิอาจสัมผัสถึงร่างกายและหนอนวิญญาณของตนได้อีกต่อไป ทำได้เพียงเฝ้ามองพวกมันสลายตัวและกระจัดกระจายไปทุกทิศ ผสานเข้ากับโลกวิญญาณซึ่งยากจะอธิบายด้วยคำพูดปรกติหรือสามัญสำนึก ประหนึ่งคนทั้งคนกำลังจะกลายเป็นเพียงข้อมูลนามธรรม

ในวินาทีนี้ ไคลน์ยังคงรักษาจิตใต้สำนึกไว้อย่างเต็มกลืน ยังคงตระหนักรู้ในตัวเอง

ชายหนุ่มกำลังล่องลอยไปในโลกวิญญาณซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดจำนวนมาก หลังจากมิอาจสัมผัสได้ถึงร่างกายและตะกอนพลังของตน มันถูกความคิด ข้อมูล ความรู้ สัญลักษณ์ และอักขระจากสภาพแวดล้อม ชักนำให้หลงทางอย่างไร้จุดหมาย ค่อยๆ หลอมละลายกลายเป็นหนึ่งเดียวกับโลกวิญญาณ

หากปล่อยเอาไว้ ไคลน์จะต้องหลงทางที่นี่ไปตลอดกาล แต่ทันใดนั้นเอง มีบางจุดของโลกวิญญาณเริ่มเชื่อมโยงเข้ากับจิตใต้สำนึกของตน

สถานที่แห่งนี้คือเมืองซึ่งผู้คนใช้ชีวิตกันตามปรกติ ทุกคนมีชื่อ เรื่องราว และชะตากรรมเป็นของตัวเอง ต่างคนต่างมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันจนเกิดเป็นข้อมูลสมบูรณ์บนโลกวิญญาณ เป็นแนวคิดเชิงนามธรรมที่เข้มข้นและมีความหมาย

ในท้ายที่สุด เมืองดังกล่าวถูกทำลายด้วยภัยธรรมชาติอันน่าสะพรึง ถูกฝังอยู่ในผงธุลีแห่งประวัติศาสตร์

ไคลน์ซึ่งร่างกายสลายไปราวกับละอองหมอก และเกือบจะผสานเข้ากับโลกวิญญาณโดยสมบูรณ์ ภายใต้การนำทางของชะตากรรม ชายหนุ่มได้หลวมรวมเข้ากับภาพฉายของหุ่นเชิดยูโทเปียบนโลกวิญญาณ และค่อยๆ กลับคืนสู่ร่างจริง

บายัม ใต้ดินของมหาวิหารคลื่นสมุทร ภายในห้องที่ปราศจากผนึกโดยสิ้นเชิง

อัลเจอร์เหยียดแขนออก กดลงบนประตูตรงหน้า

ผิวประตูมีสีคราม สลักลวดลายลึกลับและแปลกประหลาดแบบนูนต่ำ

มันกำลังเปิดอ้าอยู่ครึ่งหนึ่ง ด้านหลังมืดสนิทปราศจากแสง ไม่มีใครทราบว่าปลายทางเชื่อมต่อกับโลกแบบใด

คล้ายกับความมืดมีชีวิตและความคิดเป็นของตัวเอง ในวินาทีนี้ พวกมันค่อยๆ เอ่อล้นออกมาราวกับน้ำทะเลที่กัดเซาะตลิ่ง

โครม!

อัลเจอร์ใช้เท้ากระทืบพื้น ส่งผลให้มีแมกมาสีแดงอ่อนไหลทะลัก

นี่คือภัยธรรมชาติที่มันสร้าง จุดประสงค์เพื่อขัดขวางมิให้ความมืดบุกรุกเข้ามามากกว่าเดิม

ทว่า หลังจากแมกมาปะทุและหลั่งไหลเข้าสู่ความมืด มันกลับเลือนหายไปโดยสมบูรณ์

ความมืดชะงักงันไปเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มลงมือกัดเซาะต่อ

โครม!

อัลเจอร์สร้างเฮอร์ริเคน พายุฝน และพายุสายฟ้า พยายามสกัดกั้นการรุกคืบจากความมืดหนแล้วหนเล่า

สองมือของมันช่วยกันดันประตูสีครามสุดแรง ป้องกันมิให้เปิดออกไปมากกว่านี้

หากมันต้องเผชิญหน้ากับสมบัติปิดผนึกลำดับ 1 เพียงหนึ่งชิ้น นั่นคงไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด และอาจเหลือพลังสำหรับการผนึกไว้ชั่วคราว แต่ในวินาทีนี้ มีวัตถุที่อันตรายทัดเทียมกับอยู่ตรงหน้ามันถึงสองชิ้น

อัลเจอร์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องร้องเพลงเสียงดัง อาศัยอิทธิพลของท่วงทำนองแห่งความตายเพื่อสยบสภาพแวดล้อม ขัดขวางการทำงานของสมบัติปิดผนึกในระดับหนึ่ง จากนั้นก็สร้างกำแพงน้ำทะเลสีฟ้าขึ้นด้านข้าง

ทว่า ผนังห้องค่อยๆ ถูกย้อมด้วยสีเทาอ่อน คล้ายกับอาการแข็งเป็นหิน

เมื่อมิอาจยับยั้งผลกระทบดังกล่าว สีเทาอ่อนจึงค่อยๆ เริ่มลามมายังร่างกายอัลเจอร์

เราทนได้แค่สามสิบวินาที… แต่เทพวายุสลาตันไม่ยอมตอบสนอง… จิตใจอัลเจอร์พลันดำดิ่ง ก่อนจะสลัดความลังเลและไม่เต็มใจทุกชนิดออกไป คิดไวทำไวและรีบลงมือ

โดยปราศจากความลังเล มันเสกให้ผลึกเกล็ดหิมะหกเหลี่ยมสว่างขึ้นบนหลังมือ

นี่คือรอยสักซึ่งเกิดขึ้นหลังจากเข้าร่วมชุมนุมทาโรต์เป็นครั้งแรก สามารถใช้แทนการท่องพระนามเต็มของมิสเตอร์ฟูล เป็นการเรียกให้อีกฝ่ายทอดสายตามาทางตนในยามจนตรอก

เกาะภูเขาคราม ในป่าธรรมชาติ

ณ บานประตูเลือดเนื้อ ลูกบอลแสงกำลังยุบพองตัวและควบแน่น คล้ายกับเตรียมเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ ประหนึ่งกำลังจะก่อตัวเป็นร่างที่เกิดจากการซ้อนทับของบานประตูหลายชั้น ร่างที่สวมคลื่นทะเลสีแดงประหนึ่งผ้าคลุม บริเวณลำตัวบิดเบี้ยวและเลือนหาย สลับเป็นฉากของสถานที่ต่างๆ บนเคราะห์อย่างต่อเนื่อง

ทันใดนั้นเอง แสงแดดสว่างจ้าสาดพลันลงมาจากโลกดารา ละลายทุกสิ่งที่ขวางทาง

นอกเหนือจากแสงแดด ความมืดมิดที่มองไม่เห็นกำลังพรั่งพรูเข้ามาจากทุกทิศ หวังกลืนกินมิสเตอร์ประตู เบเทล·อับราฮัมซึ่งกำลังแสวงหาโอกาสเลื่อนเป็นลำดับ 0

ผืนดินใต้แท่นบูชาพลันสั่นสะเทือนอย่างหนัก เกิดรอยแยกเป็นช่องว่างขนาดใหญ่เพื่อให้ ‘บานประตูเนื้อหนัง’ และเบเทล·อับราฮัมตกลงไปยังแกนโลก เผชิญหน้ากับทะเลแห่งความโกลาหลซึ่งอันแน่นไปด้วยทุกสีสันและทุกความเป็นไปได้

ทันทีหลังจากนั้น แสงสลัวปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าและปกคลุมผืนป่า มันพยายามฟื้นฟูต้นไม้ ดิน และแท่นบูชาให้กลับไปอยู่ในสภาพเดิมของโครงสร้างอนุภาคพื้นฐาน

และภายในช่องว่างเพียงแห่งเดียวท่ามกลางแสงระยิบระยับ ดวงตาสีทองเหลืองคู่หนึ่งปรากฏขึ้น

พวกมันจ้องมองไปยังบานประตูเลือดเนื้อและเบเทล·อับราฮัม พยายามสะท้อนรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายลงบนรูม่านตา

มิสเตอร์ประตูส่งเสียงคำรามต่ำ เสื้อคลุมสีเลือดที่สวมอยู่พลันพัดกระพือ

เสื้อคลุมดังกล่าวเชื่อมโยงกับกระแสน้ำชั่วร้ายที่ไหลอยู่ภายในบานประตูเลือดเนื้อ ด้านในมีแสงจันทร์สีแดงเข้มแผ่ออกมา

ทันทีที่สัมผัสกับแสงจันทร์ ค่ำคืนอันมืดมิดพลันจับตัวเป็นกลุ่มก้อน จากนั้นก็เหยียดแขนขาและหัวออก กลายเป็นมนุษย์เงาดำเพศหญิง

ทันใดนั้นเอง สภาพแวดล้อมรอบตัวไคลน์เริ่มมืดมิด ดวงดาวมายาทยอยปรากฏขึ้นทีละหนึ่ง พวกมันรายล้อมรอบบานประตูแห่งแสงพิสดาร ราวกับต้องการจะผสานเข้าด้วยกัน

จากบรรดาดาวทั้งหมด สองดวงที่ใหญ่ที่สุด ซ้อนทับกันในบางตำแหน่งซึ่งสอดคล้องกับโลกความจริง

ดาวซึ่งมีขนาดใหญ่รองลงมาเป็นอันดับสาม สี่ ห้า และหก ต่างแยกย้ายกันไปยังตำแหน่งอื่น

ผ่านดวงดาวมายา ไคลน์มองเห็นมิสเตอร์ประตูและอามุนด์บนเกาะแห่งหนึ่ง เห็นอันทีโกนัสอยู่ในซากวัง เห็นซาราธซ่อนตัวอยู่ในสถานที่ซึ่งตนไม่รู้จัก เห็นพาลีส·โซโรอาสเตอร์ในร่างเลียวนาร์ด และเห็นหมาป่าอสูรทมิฬโคทาร์

อาศัยพลังจากการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ ซึ่งเกิดจากการเป็นเจ้าของปราสาทต้นกำเนิดในเชิงลึก ไคลน์พบตำแหน่งของราชาเทวทูตและเทวทูตซึ่งอยู่เส้นทางราชันเร้นลับทั้งสาม

แน่นอน วิสัยทัศน์ดังกล่าวดำรงอยู่เพียงช่วงเวลาแสนสั้น เมื่ออามุนด์และซาราธตอบสนองพร้อมกับอำพรางตัวเอง ไคลน์ก็มิอาจล็อกเป้าร่างต้นของพวกมันได้อีก

โดยปราศจากความลังเล ไคลน์ยกมือขวาขึ้นดีดนิ้ว

ไม้เท้าดวงดาวซึ่งแต่เดิมถูกวางทิ้งไว้บนปราสาทต้นกำเนิด ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือชายหนุ่มอย่างน่าฉงน นอกจากนั้น ไคลน์ยังสามารถแบ่งหนอนวิญญาณบางส่วนขึ้นไปยังปราสาทต้นกำเนิดได้ทันที เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน และคอยตอบสนองต่อคำวิงวอนของสาวก

หลังจากกลายเป็นบริวารเร้นลับ ไคลน์สามารถควบคุมปราสาทต้นกำเนิดได้ในเชิงลึก ช่วยให้นำวัตถุภายในออกมาได้ตามใจนึก

วินาทีถัดมา อัญมณีจำนวนมากบนไม้เท้าดวงดาวสว่างวาบ ร่างไคลน์เลือนหายไปจากโลกวิญญาณและ ‘ท่องมิติ’ ไปยังหนองน้ำแห่งหนึ่งเพื่อปรากฏกายเบื้องหน้าซาราธ

แต่งกายในชุดคลุมสีดำ ซาราธเจ้าของเคราสีขาวมิได้ตื่นตระหนก ขณะใช้พลังของบริวารเร้นลับเพื่อสร้างการเชื่อมโยงจำนวนมาก มันทำการเหยียดแขนซ้ายเพื่อคว้าความว่างเปล่าตรงหน้า

ร่างอัลเจอร์ค่อยๆ ถูกย้อมเป็นสีเทาอ่อน ใกล้จะกลายเป็นหินโดยสมบูรณ์

เป็นเพราะเราล้มเหลวในการจับตามองเวอร์ดู มิสเตอร์ฟูลจึงละทิ้งเราแล้ว? อัลเจอร์ขมวดคิ้ว ใจจริงมันอยากจะยอมแพ้ แต่สุดท้ายก็ยังปักหลักอยู่ในตำแหน่งเดิม

ทันใดนั้นเอง หมอกสีเทาปรากฏขึ้นเบื้องหน้า พร้อมกับสะกดสมบัติปิดผนึกโดยรอบให้แน่นิ่ง

หลังจากมิสเตอร์ประตู เบเทล·อับราฮัมถูกประตูเลือดเนื้อห่อหุ้มร่างกาย เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นข้างหู

“คิดจะนำภัยพิบัติมายังโลกความจริงหรือไง?”

ความเคลื่อนไหวของเบเทล·อับราฮัมช้าลงทันที

“จงยอมแพ้เสีย ข้ามีวิธีจัดการกับปัญหา ข้าจะให้เจ้าได้หลับพักผ่อนอย่างสงบตามใจปรารถนา” เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นอีกครั้ง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ