ไคลน์ก้มมองหลุมบ่อบนถนนพลางกล่าวด้วยรอยยิ้มจืดชืด
“ไม่มีอะไร… แค่หวังว่าไลฟ์กับครอบครัวจะหลุดพ้นจากสถานการณ์ปัจจุบันได้โดยเร็ว”
ไคลน์เล่าความคิดของตนเสียงดังฟังชัด
ในฐานะชาวจักรวรรดิแห่งอาหารบนดาวเคราะห์โลก ชายหนุ่มย่อมมีแผนปฏิวัติและยึดครองโลกปัจจุบันมาไว้ในมือ เริ่มจากการซื้อใจคนหมู่มาก จากนั้นก็เปลี่ยนพวกเขาให้เป็นกองทัพส่วนตัว
แต่เมื่อไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน มันพบว่าเรื่องราวค่อนข้างซับซ้อนและไม่ง่ายดายขนาดนั้น ตนไม่สามารถปกครองโลกได้ด้วยกลุ่มคนจนนับแสนนับล้านเนื่องมาจากเหตุผลสำคัญคือ :
โลกนี้มีผู้วิเศษ
ด้วยจำนวนซึ่งมากกว่าและยุทโธปกรณ์ปืนไฟแบบธรรมดา ย่อมไม่มีประสิทธิภาพมากพอจะต่อกรกับกลุ่มผู้วิเศษไหว แถมในบางเส้นทางยังได้เปรียบอาวุธประเภทปืนโดยสมบูรณ์ เช่นลำดับ 5 วิญญาณอาฆาต แห่งเส้นทางมนุษย์กลายพันธุ์
นั่นไม่ใช่ปัญหาเพียงข้อเดียว ยังมีกฎอนุรักษ์พลังพิเศษในเส้นทางใกล้เคียงและความถาวรของพลังพิเศษอยู่ด้วย การเข้าถึงวัตถุดิบโอสถจึงมีจำกัด ส่งผลให้ไม่สามารถสร้างกองทัพผู้วิเศษจำนวนมากได้ หรือต่อให้หาวิธีทำจนสำเร็จ แต่ในเมื่อผู้วิเศษยังคงเผชิญปัญหาการคลุ้มคลั่ง สักวันก็คงเกิดหายนะขึ้นอยู่ดี
หากโลกนี้ไม่มีผู้วิเศษลำดับสูง หลายสิ่งก็คงจะง่ายขึ้นมาก เช่น แผนการปลุกระดมคนจนจะช่วยให้ไคลน์สามารถกุมอำนาจในมือได้พอสมควร
แต่ความจริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้น สำหรับโลกปัจจุบัน นอกจากจะมีตัวตนระดับครึ่งเทพเดินเพ่นพ่าน ยังมีสมบัติปิดผนึกทรงพลังชนิดฆ่าคนหมู่มากได้ในพริบตา โดยพวกเขาเหล่านั้นมิอาจทราบได้ว่าตัวเองเสียชีวิตได้อย่างไร และเหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด ตัวตนระดับทวยเทพมีอยู่จริง และครองพลังเป็นล้นพ้นสมชื่อ
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ กองทัพคนจนจะมีประโยชน์เพียงการรวมตัวประท้วงเพื่อเรียกร้องบางสิ่ง ไม่สามารถติดอาวุธได้ มิฉะนั้นจะถูกลงโทษด้วยมาตรการรุนแรง ตามมาด้วยความสูญเสียใหญ่หลวง อาจเลวร้ายถึงขั้นสลักความกลัวลงในใจประชาชนจนไม่กล้าออกมาทำสิ่งใดอีกเลย
ทางเดียวในการต่อกรกับหน่วยพิเศษของทางการคือองค์กรลับ แต่โดยส่วนมาก องค์กรลับจะนับถือเทพมาร ดังนั้น หากเข้าร่วมเป็นฝ่ายเดียวกับพวกมันเมื่อไร ความตายจะไม่ใช่จุดจบเลวร้ายอันดับหนึ่งอีกต่อไป
ด้วยเหตุนี้ หากต้องการปฏิวัติและเปลี่ยนแปลงโลก ตัวเลือกฉลาดคือการเข้าร่วมกับโบสถ์และได้รับการสนับสนุน
เหมือนกับโรซาย
เฮ่อ… กองทัพคนจนมีอำนาจในมือน้อยเกินไป การประท้วงตามท้องถนนไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้อยู่แล้ว ในเมื่อนักลงทุนรายใหญ่ยังคอยวิ่งเต้นติดสินบนข้าราชการอยู่เนืองนิจ… ถ้าอยากเปลี่ยนแปลงความเป็นอยู่ของคนจนจริง ลองติดสินบนข้าราชการแข่งกับพวกพ่อค้ายังพอมีโอกาสสำเร็จมากกว่า…
อย่างไรก็ตาม เราเริ่มมองเห็นความหวังหลังจากเหตุการณ์พระผู้สร้างแท้จริงพยายามส่งทายาทลงมาจุติในเบ็คลันด์… คดีสะเทือนขวัญของลาเนวุสทำให้โบสถ์รัตติกาลและขุนนางบางส่วนเริ่มตื่นตัวกับเรื่องนี้ สามารถยืนยันได้จากรายงานของไมค์·โยเซฟและข้อมูลของมิสจัสติส…
ไคลน์ครุ่นคิดถึงสถานการณ์เกี่ยวกับเขตตะวันออก ย่านท่าเรือและโรงงาน
ลงเอยด้วย มันหัวเราะกับตัวเองในใจ
จากบรรดาแผนปฏิวัติวิถีชีวิตคนจนทั้งหมดของเรา… ไม่มีแผนใดได้ผลเท่ากับการเกือบจะลงมาจุติของทายาทพระผู้สร้างแท้จริงเลยหรือ?
แต่เทพมารตนนั้นไม่มีทางจะเห็นคุณค่าของชีวิตมนุษย์ เพราะมันเคยสังเวยดวงวิญญาณมนุษย์เป็นว่าเล่นเมื่อใดอดีต หากปล่อยให้ทายาทของมันลงมาจุติสำเร็จ หายนะจะร้ายแรงยิ่งกว่าปัญหาอดอยากของคนจนเสียอีก
ขัดแย้งฉิบหาย…
…
เขตราชินี คฤหาสน์หรูของเคาต์ฮอลล์
เนื่องจากแพทย์หญิงเอสลันด์มีธุระในสัปดาห์หน้า ออเดรย์จึงต้องเรียนจิตวิทยาสองคาบรวดภายในวันเดียว
ซูซี่ตื่นเต้นกว่าใครทั้งหมด เธอรีบเข้ามานั่งเรียนโดยยอมทิ้งการเล่นคาบบอลซึ่งเคยเป็นกิจกรรมสุดโปรด
ออเดรย์จงใจแสดงความฉงนตลอดการเรียนการสอน คอยซักถามเอสลันด์เป็นระยะในกระเด็นคาบเกี่ยวระหว่างศาสตร์เร้นลับและจิตวิทยา
เมื่อจบคาบเรียน เอสลันด์ไตร่ตรองสักพักก่อนจะตัดสินใจกล่าว
“มิสออเดรย์ พวกเรามักจัดสัมมนาเกี่ยวกับหัวข้อดังกล่าวเป็นครั้งคราว สมาชิกผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่เชี่ยวชาญด้านคาบเกี่ยวระหว่างศาสตร์เร้นลับและจิตวิทยา คุณสนใจจะเข้าร่วมด้วยไหม?”
“แน่นอนค่ะ!” เด็กสาวพยักหน้าหนักแน่นโดยไม่ลังเลแม้แค่วินาทีเดียว พฤติกรรมเช่นนี้สอดคล้องกับนิสัยคุณหนูใจร้อนและอยากรู้อยากเห็น ซึ่งเธอพยายามสร้างขึ้นต่อหน้าทุกคนเป็นเวลานาน
เอสลันด์ยิ้มตอบ
“ช่วยเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับด้วยนะคะ โดยเฉพาะจากเหล่าอาวุโส พวกเขายังไม่เปิดใจยอมรับเรื่องเหนือธรรมชาติ ไว้จบคาบเรียนครั้งหน้า ฉันจะพาคุณเข้าร่วมสัมมนาด้วยกัน”
“ตกลงค่ะ!” ออเดรย์รับปากพลางพยักหน้าอย่างตื่นเต้น
หลังจากออเดรย์ส่งเอสลันด์ สาวสวยผู้มีผมยาวสลวยถึงเอว ออกจากห้องหนังสือ เธอปิดประตูพลางเดินกลับมาหยุดหน้ากระจกเงา และยืนจ้องอย่างเงียบงันเป็นเวลานาน
จนกระทั่ง เด็กสาวยกชายกระโปรงขึ้นเล็กน้อยและทำการหมุนตัวในท่ารำของชนชั้นสูง ก่อนจะหยุดยืนมองตัวเองในกระจกและกล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน
“ออเดรย์ เธอสุดยอดมาก!”
เด็กสาวทราบดีว่าตนกำลังจะได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของสมาคมแปรจิต แม้ว่าสัมมนาดังกล่าวจะเป็นกิจกรรมวงนอก และยังต้องผ่านขั้นตอนทดสอบอีกหลายชั้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอกำลังขยับเข้าใกล้สมาคมแปรจิตเต็มที
ในช่วงก่อนหน้า เธอไม่ได้หยิบยืมพลังจากภายนอกแม้แต่หนเดียว เลือกจะพึ่งพาความช่างสังเกตส่วนตัวและการเล่นละครตบตาอย่างสมบูรณ์แบบ จนสามารถปิดบังความจริงจากนักจิตวิทยา เอสลันด์ ได้โดยไม่ถูกอีกฝ่ายสงสัย จึงไม่แปลกหากออเดรย์จะรู้สึกภูมิใจมากมายเช่นนี้
“สัมนาหรือ… น่าสนใจมาก!” ซูซี่กล่าวพลางกระดิกหากระรัว “ออเดรย์ ฉันเข้าร่วมสัมมนาด้วยได้ไหม?”
เข้าร่วม?
ขณะจ้องมองเข้าไปในดวงตาเปล่งปลั่งของสุนัขขนทองฟู เด็กสาวก้มหน้าครุ่นคิดสักพักก่อนจะมอบคำตอบ
“ตอนนี้คงให้เข้าร่วมไม่ได้… ซูซี่ มันคงสะดุดตาเกินไปถ้าเธอเป็นหนึ่งในสมาชิก…”
ทันใดนั้น ออเดรย์พลันเปลี่ยนสีหน้าและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“แต่ฉันพาเธอไปได้ในฐานะอื่น”
…
วันเสาร์กลางคืน ไคลน์หยิบมาสเตอร์คีย์และไม้ค้ำสีดำ พร้อมกับเดินออกจากอาคารหมายเลข 15 บนถนนมินส์ มันเกรงว่าหากไม่มีอุปกรณ์อย่างหลัง คืนนี้ตนคงกลับไม่ถึงบ้านแน่นอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ