ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 418

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 418 : อำนาจพลังจิต
ราชันเร้นลับ 418 : อำนาจพลังจิต
โดย
Ink Stone_Fantasy
ออเดรย์ทราบดีว่าเธอกำลังถูกครอบงำโดยพลังสะกดจิตบางชนิด แต่ตนมีเทวทูตของเดอะฟูลช่วยปกป้องคุ้มครองให้รอดพ้นจากสถานะดังกล่าว

ด้วยเหตุนี้ เด็กสาวจึงจงใจเผยความลับบางส่วนของตัวเองเพื่อแลกกับความเชื่อใจ และยังเป็นการปกปิดความลับใหญ่กว่านั้นไว้

ออเดรย์มิได้กระทำไปเพราะไม่เชื่อใจในเทวทูตของเดอะฟูล เพียงแต่วิธีนี้จะช่วยให้เธอสามารถใช้พลัง ‘ผู้ชม’ ได้อย่างอิสระในอนาคต โดยไม่ต้องกลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้

ถึงแม้ว่าเด็กสาวจะเชี่ยวชาญการปกปิดตัวตนจนยากจะมีใครจับได้ว่าเป็นผู้วิเศษ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า ประสบการณ์โลกผู้วิเศษของเธอยังน้อยมากหากเทียบกับคนอื่น ไม่มีสิ่งใดรับประกันว่าในอนาคตจะไม่เผลอก่อความผิดพลาดขึ้น

ในเมื่อมีโอกาสเกิดความผิดพลาดข้างต้น แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่เด็กสาวก็ไม่คิดเสี่ยง เธอตัดสินใจชิงเป็นฝ่าย ‘สารภาพ’ ก่อน เพื่อคลายความกดดันของตัวเองและขจัดความเคลือบแคลงทางฝั่งสมาคมแปรจิต

ขณะเดียวกัน สมองออเดรย์กำลังจินตนาการถึงฉากการใช้ปีกโอบกอดของเทวทูตอย่างมีความสุข

เมื่อได้ยินคำตอบของเด็กสาว ทั้งเอสลันด์และฮันเพรสต่างแสดงสีหน้าประหลาดใจ พวกมันไม่อยากจะเชื่อว่า อีกฝ่ายสามารถเล็ดลอดสายตาของตนมาได้จนถึงตอนนี้

ในส่วนของฮิลเบิร์ต มันยกมุมปากเล็กน้อยโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า ก่อนจะผงกศีรษะรับอย่างพึงพอใจและกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน

“ความซื่อตรงของคุณช่างน่ายกย่อง แล้วยังมีอะไรอยากจะพูดอีกไหม”

ออเดรย์แสร้งส่ายหัวอย่างเชื่องช้าราวกับยังคงตกอยู่ในภวังค์ล่องลอย

“ไม่มีค่ะ”

ฮิลเบิร์ตเว้นวรรคเพื่อไตร่ตรองสักพัก ตามด้วยคำถามอีกสองสามประโยค

“คุณซื้อสูตรโอสถผู้ชมมาจากชุมนุมลับแห่งใด ใครเป็นผู้ขาย และหาวัตถุดิบหลักจากแหล่งไหน”

ออเดรย์กลอกตาดำถี่ เพื่อให้มีภาษากายเหมือนกับกำลังเค้นสมองนึก

“ดิฉันไม่สามารถบอกชื่อชุมนุมลับได้ ผู้ขายสูตรโอสถไม่เปิดเผยตัวตน แต่ฟังจากสำเนียงและวิธีการพูด ดิฉันบอกได้ว่าเขาเป็นสาวกของโบสถ์วายุสลาตัน”

เมื่อได้ยินคำตอบ ฮิลเบิร์ตพยักหน้ารับอย่างเชื่องช้าคล้ายกับเข้าใจในบางสิ่ง

ออเดรย์เล่าต่อ

“วัตถุดิบโอสถส่วนใหญ่มาจากคลังสมบัติของตระกูล ถ้าขาดสิ่งใดก็จะหาซื้อหรือแลกเปลี่ยนกับเพื่อนฝูงในกลุ่ม”

จนสามารถปรุงเป็นโอสถได้สองขวด…

ออเดรย์เสริมเงียบ

ส่วนใหญ่หาได้จากคลังสมบัติตระกูล…?

ฮิลเบิร์ต เอสลันด์ และฮันเพรสทวนคำซ้ำในใจอย่างหมดคำจะกล่าว

ผ่านไปราวสองสามวินาที ฮิลเบิร์ตหันไปพยักหน้าให้เอสลันด์และฮันเพรสเป็นนัยว่า เรื่องราวค่อนข้างสมเหตุสมผล

เมื่ออีกสองคนตอบกลับในเชิงเห็นพ้อง แสงสีทองในดวงตาฮิลเบิร์ตเริ่มลดทอนความสว่าง ภาพมายาของดวงตาแนวตั้งเลือนรางลงทีละนิด

ฮิลเบิร์ตใช้มือเปล่าถูไส้เทียนโดยไม่เกรงกลัวความร้อน ส่งผลให้เปลวเทียนเริ่มวูบวาบและสลับติดดับนานหลายวินาที

ท่ามกลางบรรยากาศเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง ออเดรย์ตระหนักว่าพลังพิเศษซึ่งเคยครอบงำตนจนถึงเมื่อครู่ ได้อันตรธานหายไปแล้ว

เด็กสาวบรรจงควบคุมสีหน้าล่องลอยในตอนต้น ให้แปรเปลี่ยนเป็นความฉงนและสับสนทีละนิดอย่างสมจริง

“ไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะครับ ว่าคุณจะเป็น ‘ผู้ชม’ มานานแล้ว” ฮิลเบิร์ตยิ้ม

“เอ๋…?” ออเดรย์รีบทำหน้าประหลาดใจแกมตื่นตระหนก ปากอ้ากว้าง ดวงตาลุกวาว

ในฐานะ ‘นักอ่านใจ’ มากประสบการณ์ เธอเคยสังเกตกลุ่มเป้าหมายหลากหลายประเภท จึงทราบว่าภายใต้อาการตกใจ การแสดงสีหน้าเช่นไรจึงจะแนบเนียน

ฮิลเบิร์ตยังคงยิ้ม

“ไม่ต้องกังวล พวกเรามิได้ถือสา และการทดสอบขอบเราจบลงแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วย คุณผ่านการทดสอบทั้งหมดและกลายเป็นสมาชิกของสมาคมแปรจิตเต็มตัวแล้ว”

“ง…งั้นหรือคะ…” ออเดรย์ยังคงไม่หายจากอาการสับสน “เหมือนกับฝันไปเลย”

คล้ายกับเพิ่งนึกได้ เธอรีบลุกขึ้นพร้อมกับใช้สองมือจับชายกระโปรงสองข้าง ก้มศีรษะเล็กน้อยเพื่อเป็นการแสดงความเคารพอย่างสง่างาม :

“เราเป็นพวกเดียวกันแล้วสินะคะ”

เอลลันด์และคนอื่นรีบลุกยืนตาม เพื่อทำท่าคารวะตอบให้สมกับความสุภาพนอบน้อมของบุตรีตระกูลขุนนางตรงหน้า

เมื่อทุกฝ่ายกลับมานั่งลง ฮิลเบิร์ตเรียบเรียงคำพูดและเกริ่น

“มิสออเดรย์ ผมจะอธิบายสถานการณ์ปัจจุบันของสมาคมแปรจิตให้ฟัง”

“ได้ค่ะ” เด็กสาวยิ้ม “เรียกออเดรย์ก็พอ”

ฮิลเบิร์ตพยักหน้า เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ขยับขาขวาไขว้ทับขาซ้าย ประสานสองมือไว้ข้างหน้า

“เดิมที สมาคมแปรจิตถูกก่อตั้งในรูปแบบของกลุ่มสัมมนา ซึ่งเชื่อว่าพลังจิตของสิ่งมีชีวิตนั้นไร้ขอบเขตและเต็มไปด้วยความพิศวง ในเวลาถัดมา กลุ่มสัมมนาดังกล่าวได้รับลายแทงสมบัติ จนกระทั่งค้นพบมรดกตกทอดเก่าแก่ของเฮอร์มิส”

“เฮอร์มิสจากภาษาเฮอร์มิส…?” ออเดรย์ซักถามอย่างตื่นเต้น

“ถูกต้อง กล่าวกันว่าเขาคือเจ้าแห่งศาสตร์เร้นลับในยุคแรกของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ภาษาเฮอร์มิสโบราณถูกประดิษฐ์ให้สอดประสานกับพลังธรรมชาติอย่างลงตัว จนมีประสิทธิภาพทัดเทียมภาษาเอลฟ์ มังกร และคนยักษ์ เฮอร์มิสรุ่งเรืองอย่างมาในช่วงยุคสมัยที่สอง ยุคแห่งความมืด โดยในขณะนั้น มนุษย์ยังเป็นทาสและบริวารของคนยักษ์อยู่”

ฮิลเบิร์ตเล่าด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ