ตอน 429 จาก ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
429 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายInternet ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
เบ็คลันด์ตั้งอยู่ใจกลางอาณาจักรโลเอ็น ห่างจากทะเลโซเนียเพียงไม่กี่สิบกิโลเมตร ส่งผลให้มีฝนชุกตลอดทั้งปี อุณหภูมิสูงสุดในช่วงเดือนกรกฎาคมจะอยู่ราวยี่สิบแปดองศาเซลเซียส และต่ำสุดในฤดูหนาวคือสององศาเซลเซียส ถึงอุณหภูมิในเมืองจะลดต่ำกว่าศูนย์องศาไม่บ่อยครั้ง แต่ผู้คนก็มักได้ลิ้มรสอากาศเย็นจัดเกินทานทนอยู่เสมอ แม้กระทั่งชาวเหนือจากจักรวรรดิฟุซัค ผู้เคยชินกับสภาพอากาศอันเต็มไปด้วยน้ำแข็ง ในบางครั้งยังมิอาจทนต่อไอความเย็น ซึ่งทะลวงผ่านเสื้อผ้าอาภรณ์เข้ามากัดกร่อนจิตใจ
ไคลน์ยืนจ้องมองออกไปนอกมุขหน้าต่างอย่างเงียบงัน ภายในห้องมิได้จุดเตาผิงให้ความอบอุ่น ชายหนุ่มกำลังดื่มด่ำไปกับวิวทิวทัศน์อันปลอดโปร่งและสงบสุขด้านนอก ปล่อยให้ความผ่อนคลายแผ่ซาบซ่านเข้าไปในร่างกาย หัวใจ และวิญญาณ
หากรวบรวมวัตถุดิบครบและปรุงโอสถสำเร็จเมื่อไร ไคลน์ก็จะเลื่อนระดับกลายเป็นลำดับ 6 ผู้ไร้หน้า ในทันที
โอสถนักมายากลถูกย่อยสมบูรณ์แล้ว…ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายถูกเราจัดการโดยไม่มีโอกาสหลบหนี… ชุมนุมแสงเหนือยังคงตามหาเบาะแสของเดอะฟูลด้วยการพายเรือวนในอ่าง…นอกจากปัญหาการถูกตามล่าตัวของมิสเตอร์อะซิก และปัญหาในการรวบรวมวัตถุดิบโอสถของเรา เรื่องอื่นนับว่าดำเนินไปในทิศทางเหมาะสม…เราคงไม่ต้องเผชิญกับปัญหาไปอีกสักพัก…
ไคลน์เอนตัวไปข้างหน้าพลางสูดลมหายใจยาวอย่างมีความสุข สายตาจ้องมองหมอกหนาทึบด้านนอกด้วยจิตใจผ่องใส
สาเหตุให้ไคลน์ตัดสินใจเสี่ยงชีวิตลงไปจัดการกับผู้ปลดปล่อยแรงกระหายด้วยตัวเอง เพราะมันกังวลว่าอีกฝ่ายจะหลบหนีพ้นจากเงื้อมมือหน่วยพิเศษจากทางการ และถ้าเป็นเช่นนั้นจริง จะไม่มีใครสามารถรับประกันได้เลยว่า คนร้ายจะไม่กลับมาแก้แค้นผู้มอบเบาะแสสำคัญอย่างนักสืบเชอร์ล็อก จริงอยู่ มันอาจเป็นปีศาจเลือดเย็น สุขุม และไม่กล้าเสี่ยงชีวิตเพื่อแก้แค้นให้สัตว์เลี้ยง แต่การแก้แค้นให้ตัวเองนั้นเป็นคนละเรื่อง โดยเฉพาะกับนักสืบผู้ออกความเห็นสำคัญจนมันเกือบถูกต้อนจนมุม
ไม่ว่าจะมองมุมใด หากมีโอกาสปลิดชีพผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย เราก็ต้องลงมือโดยปราศจากความลังเล… ไม่แน่ว่า อาจมีคนของสภานักสิทธิ์สนธยากำลังรอให้ความช่วยเหลือด้านการหลบหนีอยู่ และถ้าปีศาจตนนั้นรอดชีวิตไปได้อย่างไรร่องรอย ต่อให้ตัวเรากลายเป็นผู้ไร้หน้าและเตรียมรับมือกับปีศาจลำดับ 5 อย่างรัดกุม แต่ก็ไม่มีสิ่งใดรับประกันว่า ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายจะไม่กลับมาแก้แค้นอีกครั้งในฐานะปีศาจลำดับ 4! ไพ่ ‘ปีศาจ’ ต้องมีอำนาจช่วยให้ผู้ถือเลื่อนลำดับอย่างรวดเร็วแน่…แค่คิดก็น่าขนลุกแล้ว… โชคดีว่าเราเชือดมันทิ้งโดยไม่ลังเล
ไคลน์ไตร่ตรองการกระทำในช่วงบ่ายของตนอย่างถี่ถ้วน ตามด้วยการสรุปผล และให้คะแนนตัวเองในใจ
หลังจากดื่มด่ำวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนสักพัก ชายหนุ่มกลับมานั่งลงบนโซฟาและวางแผนเกี่ยวกับอนาคต
ด้วยเงินรางวัลจากจิตแห่งจักรกล เราสามารถซื้อต่อมใต้สมองกลายพันธุ์และเลือดของนักล่าพันหน้าได้ทันที ทางด้านเส้นผมของนากาทะเลลึก สิ่งนี้หาได้ไม่ยากถ้ามีเงินมากพอ ในท้องทะเลย่อมมีอยู่มากมาย คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงมิสเตอร์แฮงแมนสักเท่าไร ดังนั้น ปัญหาใหญ่ในตอนนี้จึงเหลือเพียงตะกอนพลังของเงามืดหนังมนุษย์…
ถึงจะมีเบาะแส แต่เราก็ไม่มีเงินซื้ออยู่ดี…
หลังจากคิดมาถึงจุดนี้ ไคลน์ทำได้เพียงเผยรอยยิ้มจืดชืด
เราไม่ได้หน้าเงินสักหน่อย ค่อนข้างปรกติด้วยซ้ำ สมัยยังอยู่ทิงเก็น เรามักยุให้เมลิสซ่าใช้จ่ายมากกว่าเดิม และยุให้เธอกับเบ็นสันยอมจ้างสาวใช้ประจำบ้าน เราเคยคิดมาตลอด ไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างไร แต่มนุษย์ทุกคนก็ควรดูแลตัวเองในระดับพื้นฐาน ไม่เพียงเท่านั้น ในทุกภารกิจเสี่ยงตาย เราหมั่นเตือนตัวเองเสมอว่า ห้ามเห็นแก่เงินจนทำให้ชีวิตต้องตกอยู่ในอันตรายเด็ดขาด…
แต่เพื่อการแก้แค้น เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการเลื่อนลำดับ และการเลื่อนลำดับจำเป็นต้องใช้เงินมาก ดังนั้น ส่วนใดประหยัดได้ก็ควรทำ และส่วนใดหาเพิ่มได้ให้รีบทำ…
ทันใดนั้น ร่างกายไคลน์พลันเกิดอาการหนาวสั่นโดยมิอาจขัดขืน มันเริ่มตระหนักว่า สายลมเย็นเฉียบของเบ็คลันด์รุนแรงถึงขั้นทำให้นักมายากล ผู้ไม่ได้มีร่างกายแข็งแรงอะไรนัก ตกอยู่ในอาการสั่นเทาเฉกเช่นปุถุชน
โดยไม่รีรอ ชายหนุ่มตัดสินใจอาบน้ำและคลานเข้าไปนอนใต้ผ้าห่มผืนหนา อ่านหนังสือฆ่าเวลาไปเรื่อยเปื่อยจนกว่าจะง่วง
ยังเหลือเวลาอีกสามถึงสี่ชั่วโมงก่อนจะถึงเวลานอนตามปรกติ คงไม่ต้องสิ้นเปลืองโดยการจุดเตาผิงใหม่กระมัง…
ไคลน์ถอนหายใจ ลุกจากโซฟา และย่างกรายขึ้นไปยังชั้นสอง
…
ใต้มหาวิหารไอน้ำ
หลังจากอ่านบันทึกภารกิจของช่วงบ่ายจบ ไอคานส์หยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบ
บรรยากาศเงียบงันเข้าครอบงำสักพัก จนกระทั่งอาวุโสแห่งโบสถ์จักรกลไอน้ำ ทำการล้วงหยิบกระจกเงินนามอาโรเดสออกมาวาง
คาร์ลเซ่นชำเลือง ก่อนจะซักถามอย่างระมัดระวัง
“ท่านอาวุโส หากผมถามท่านอาโรเดสผู้ยิ่งใหญ่เกี่ยวกับสมการคณิตศาสตร์ซึ่งยังไม่มีใครพิสูจน์ได้ หรือปัญหาเชาวน์อย่างไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน ท่านอาโรเดสจะยอมบอกคำตอบหรือไม่?”
“ส่วนมากมักไม่ตอบ และถ้าท่านอาโรเดสสัมผัสถึงเจตนาไม่บริสุทธิ์ คุณอาจถูกฟ้าผ่ากลางวันแสก ๆ เอาได้ หรือไม่ก็คำสาปร้ายแรงชนิดขอตายยังดีเสียกว่า” ไอคานส์ถอนหายใจ “ท่านอาโรเดสเป็นสมบัติปิดผนึกมีชีวิต ไม่ใช่เครื่องจักรตอบคำถาม ท่านมีปัญญาลึกล้ำและรอบรู้กว่ามนุษย์เรามาก ดังนั้น อย่าได้พยายามหาช่องโหว่จากท่านขณะใช้งาน”
คาร์ลเซ่นมองไปรอบตัวซึ่งเต็มไปด้วยเพื่อนร่วมทีม พร้อมกับเสนอแนะไอคานส์
“ท่านอาวุโส ให้ผมถามแทนไหม ผมไม่มีความลับใดต้องปิดบัง”
มันเหยียดหลังตั้งตรงพลางกางแขนออกเป็นนัยว่าบริสุทธิ์ใจ
ไอคานส์ยิ้มแห้ง
“ไม่จำเป็น ทุกคนในนี้ต่างก็รู้ความลับของผมกันหมดแล้ว คำถามซ้ำเดิมไม่ได้ทำให้อับอายเพิ่มแต่อย่างใด แต่ปัญหาคือ ในบางครั้งท่านอาโรเดสก็ตั้งคำถามเชิงปรัชญา หากถูกลงโทษขึ้นมา ผมเกรงว่าสภาพร่างกายของคุณจะทนไม่ไหว”
เมื่อกล่าวจบ ไอคานส์คลายกำปั้นขวาและใช้ปลายนิ้วถูผิวกระจกอย่างแผ่วเบาสามครั้ง
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัด ไอคานส์เปล่งเสียงทุ้ม
“ถึงท่านอาโรเดสผู้ยิ่งใหญ่ กระผมต้องการทราบว่า ‘ใครหรือกลุ่มคนใด คือผู้อยู่เบื้องหลังภารกิจลอบสังหารดยุคนีแกนของผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย’”
กระจกเงินไม่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่นาน จนกระทั่งผ่านไปพักสัก ผิวกระจกจึงเริ่มส่องแสงกระเพื่อมในลักษณะคลื่นน้ำ ฉากด้านในเริ่มฉายออกมาเป็นบางสิ่ง ลักษณะคล้ายกับภาพวาดสีน้ำมัน
เป็นภาพของทุ่งกว้าง พระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า ทุ่งหญ้าถูกปกคลุมด้วยแสงสีทองอร่ามอย่างงดงาม
“หมายความว่ายังไง…” คาร์ลเซ่นและสมาชิกทีมคนอื่นต่างหันมองหน้ากันแต่ไม่มีใครพบคำตอบ ไม่เว้นแม้แต่สมาชิกเส้นทางผู้ส่องความลับ ซึ่งมักโดดเด่นในด้านการตีความผลทำนาย
“ยามสนธยา? หมายถึงจุดจบของทุกสรรพสิ่ง? องค์กรลับเกี่ยวกับมรณา? หรือพวกองค์กรเสียสติ เอาแต่เชื่อว่าวันสิ้นโลกมีจริง?” ผู้ส่องความลับพยายามตีความอย่างสุดฝีมือ
คาร์ลเซ่นพยักหน้ารับ
“ผมคิดว่าอย่างหลังสุด”
ไอคานส์ไม่สนใจการถกเถียงของลูกทีม เพียงเพ่งสมาธิอ่านคำถามของอาโรเดส
“เจ้าชอบกางเกงในสีอะไร”
ใบหน้าไอคานส์พลันแดงก่ำ และถ้าทุกคนไม่ได้ตาฝาดไป พวกมันมองเห็นควันจางลอยขึ้นจากศีรษะของอาวุโสแห่งโบสถ์
ไอคานส์พ่นคำตอบด้วยสีหน้าหนักใจ
“แดง”
บรรยากาศรอบห้องถูกความเงียบสงัดเข้าครอบงำจนไม่ต่างอะไรกับป่าช้า คาร์ลเซ่นและสมาชิกคนอื่นต่างรีบเบือนหน้าหนี แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อะไรทั้งนั้น
ไอคานส์ใช้มือสางเส้นผมแข็งกระด้างของตนด้วยสีหน้าอิดโรย ขณะกำลังจะเริ่มถามข้อถัดไป คาร์ลเซ่นชิงพูดแทรก
“ท่านอาวุโส ผมขอลองสักข้อ”
“…ทำยังไงก็ได้ให้ไม่ต้องรับโทษ” ไอคานส์ไม่ห้ามปราม เพียงกำชับหนักแน่น
คาร์ลเซ่นเลียนแบบพฤติกรรมของอาวุโสด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจ ฝ่ามือลูบไล้ไปบนผิวโลหะเงินแผ่วเบาสามหน ขณะเดียวกัน สมาชิกคนอื่นเริ่มกลับมามุงดูอีกครั้ง
“ถึงท่านอาโรเดสผู้ยิ่งใหญ่ กระผมอยากทราบว่า ‘ใครคือผู้สมรู้ร่วมคิดของผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย’”
แสงวารีกระเพื่อมอีกครั้ง ฉากบนผิวกระจกเริ่มแปรเปลี่ยน เผยให้เห็นแผ่นหลังของหญิงสาวคนหนึ่ง สัดส่วนของเธออยู่ในระดับสมบูรณ์แบบ
ถัดมาเป็นภาพอันพร่ามัวและยากจะระบุตัวตนได้ชัดเจน จากโครงสร้างทางร่างกายและเสื้อผ้า ทุกคนพอจะว่าเป็นมนุษย์เพศชาย แต่ไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น
“มีผู้สมรู้ร่วมคิดคนอื่นอยู่จริง! ต้องเป็นคนปล่อยข่าวการเดินทางของท่านดยุคให้กับคนร้ายแน่! น่าเสียดาย ตอนนี้พวกเราจับมือใครดมไม่ได้แล้ว…” เมื่อกล่าวจบ คาร์ลเซ่นมองไปรอบตัวพร้อมกับรอยยิ้ม
มันมั่นใจว่าตนไม่มีความลับ จึงมิได้เป็นกังวลกับคำถามของกระจกวิเศษสักเท่าไร
ข้อความบนกระจกให้เลือกระหว่างคำถาม ภารกิจ และบทลงโทษ
โดยไม่ลังเล คาร์ลเซ่นยืนกราน
เขตราชินี คฤหาสน์หรูของเคาต์ฮอลล์
ออเดรย์จ้องมองซูซี ผู้เปิดประตูห้องของเธออย่างชำนาญ พลางกระซิบถามเสียงค่อย
“ท่านพ่อกำลังพูดถึงเรื่องใด”
เมื่อพบว่าบิดาของตนกลับถึงบ้านด้วยใบหน้าอึมครึม เด็กสาวรีบส่งซูซีเข้าไปแอบฟัง
“ดยุคนีแกนถูกลอบสังหารสำเร็จ” ซูซีใช้ขาหลังปิดประตูห้องอย่างคล่องแคล่ว
“เอ๋…?” ออเดรย์ถึงกับผงะ เธอรีบขมวดคิ้วคล้ายกับไม่เชื่อหูตัวเอง
แม้ว่าเด็กสาวจะเคยอยู่ในเหตุการณ์ลอบสังหารดยุคนีแกนหนแรก แต่ก็ไม่ได้คิดมาก่อนว่าชายคนนั้นจะเสียชีวิตไปแล้ว
“เป็นความจริง” ซูซียืนกราน
สมองออเดรย์พลันขาวโพลน เธอยังคงไม่อยากเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง
ทำไมขุนนางทรงพลังระดับอาณาจักรถึง… ทำไมดยุคแสนใจดีผู้มอบดินแดนเกษตรกรรมส่วนหนึ่งให้ตน บุรุษอารมณ์ขันผู้หัวเราะอย่างสนุกสนาน ถึงจากโลกนี้ไปอย่างกะทันหันนัก?
เด็กสาวกำลังลิ้มรสโลกอันโหดร้ายและเย็นชาของผู้ใหญ่
“ฝีมือใคร?” ออเดรย์รีบเค้นถาม
“ลำดับ 5 ปีศาจ” ซูซีมอบคำตอบ “แต่ถูกปิดปากด้วยฝีมือของผู้ถูกเรียกว่าจอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืด”
“เอ๋…?” ออเดรย์ออกอาการมึนงงอีกครั้ง
ทำไมถึงเป็นจอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืดไปได้? เขาคือผู้รับใช้มิสเตอร์ฟูลไม่ใช่หรือ?
แถมยังเคยช่วยเราจัดการกับคีลิงเกอร์ ผู้พยายามลอบสังหารท่านดยุคในคราวก่อน!
ทำไมข้อมูลถึงได้ขัดแย้งกันนัก!
ออเดรย์รีบสั่งให้ซูซีกลับไปฟังเพิ่ม ส่วนตนรีบลงกลอนประตูห้องและนั่งบนขอบเตียง เตรียมสวดภาวนาถึงมิสเตอร์ฟูล
หลังจากเอ่ยพระนามเต็มอันศักดิ์สิทธิ์และอธิบายรายละเอียดคดีลอบสังหารดยุคนีแกนให้อีกฝ่ายฟัง เด็กสาวซักถามด้วยความเชื่อใจ
“ใช่ฝีมือผู้รับใช้ของท่านหรือไม่”
ผ่านไปสักพัก ออเดรย์มองเห็นสายหมอกสีเทาไร้ก้นบึ้งห้อมล้อมรอบตัว ตามด้วยเสียงทุ้มละมุนของเดอะฟูล
“ถูกต้อง เขากำลังสืบหาองค์กรเบื้องหลังผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย”
นึกแล้วเชียว! มิสเตอร์ฟูลมิได้เป็นผู้ชักใยการลอบสังหาร! หรือว่าเหตุผลให้ท่านส่งผู้รับใช้มายับยั้งคีลิงเกอร์ในคราวก่อน ก็เพราะมีองค์กรลับเดียวกันคอยชักใยอยู่เบื้องหลัง?
ออเดรย์เริ่มผ่อนคลาย ตามด้วยการซักถามอย่างร่าเริง
“องค์กรลับดังกล่าวชื่อว่าอะไรหรือคะ? ต้องไม่ธรรมดาแน่ ถึงกับทำให้ท่านเกิดความสนใจได้”
ไม่กี่วินาทีถัดมา เดอะฟูลตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบเจือความเย็นชา
“สภานักสิทธิ์สนธยา”
……………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ