ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 447

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 447 : ภาพวาด
ราชันเร้นลับ 447 : ภาพวาด
โดย
Ink Stone_Fantasy
เมื่อกลับมายังทางเดิน จิตแห่งจักรกลได้พบกับช่องทางลับสำหรับตรงไปยังอีกหนึ่งห้องขนาดใหญ่

ยุทธการเดิมถูกนำมาใช้อีกครั้ง เปิดฉากด้วยการยิงถล่มด้วยอาวุธหนัก ใส่ทางเดินยาวตรงหน้าซึ่งยังเป็นปริศนา

เพียงไม่นาน พื้นดินได้เต็มไปด้วยเศษหินและซากปรักหักพัง ขณะเดียวกันก็พบตะกอนพลังรูปเพชรสะท้อนใบหน้ามนุษย์ตกอยู่ตรงมุมทางเดินฝั่งขวา ใกล้กับจุดดังกล่าวยังมีตะกอนพลังส่องแสงอีกสองสามชิ้นตกอยู่

ท่ามกลางทางเดินยาว พื้นผิวทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นผนังหรือเพดานล้วนเต็มไปด้วยหลุมบ่อของกระสุนปืนใหญ่ แต่มีหนึ่งสิ่งบนทางเดินกลับไม่เปลี่ยนไปเลย แม้จะถูกเก็บกวาดอย่างหนักหน่วงด้วยวิธีการแข็งกร้าว

กรอบรูปภาพ

ห่างออกไปด้านหน้าราวเจ็ดแปดเมตรจะมีกรอบรูปภาพสีน้ำตาลลวดลายโดดเด่นแขวนอยู่ด้านบน จากมุมปัจจุบันของไคลน์จะมองเห็นได้เพียงครึ่งเดียว

โดยไม่ต้องรอให้ใครกล่าวสิ่งใด ผู้วิเศษทุกคนล้วนเข้าใจตรงกันทันทีว่ามีความผิดปรกติบางอย่างเกี่ยวกับกรอบรูปดังกล่าว

ทันใดนั้น อาร์ชบิชอปประจำโบสถ์เทพจักรกลไอน้ำ ฮารามิค·ไฮเดิน ทำการก้าวขาออกไปด้านหน้าและเปล่งเสียงอ่อนโยน

“นี่คงเป็น ‘กรอบรูปวิญญาณ’ ของตระกูลอามุนด์ตามข้อมูลในบันทึก หากอยู่ในระยะแสดงผล ร่างวิญญาณจะถูกบังคับให้แยกออกจากร่างเนื้อและนำไปขังไว้ในกรอบรูป หากมีร่างวิญญาณของเหยื่อรายใหม่ถูกดึงเข้าไปแทน เหยื่อรายเก่าจะหายไปจากโลกเป็นการถาวร ไม่มีทางช่วยเหลือกลับมาได้อีก หากเหยื่อในภาพถูกขังไว้เป็นเวลานานเกินไป ร่างเนื้อด้านนอกก็จะเสื่อมสภาพจนใช้การไม่ได้ และถ้าใครพยายามทำลายผนึกของกรอบรูป วิญญาณด้านในจะเริ่มสลายตัวด้วยความเร็วสูงกว่าปรกติ”

ขณะกล่าว ฮารามิคเดินตรงไปหากรอบรูปทีละก้าวโดยไม่ยำเกรง

ไคลน์พลันตื่นตัว มันรีบเบือนหน้าหนีเพราะกังวลว่าการต่อสู้ระหว่างครึ่งเทพกับสมบัติปิดผนึกจะทำให้ตนพลอยโดยลูกหลงไปด้วย แต่เพียงไม่กี่อึดใจเริ่มตระหนักว่า ตนกำลังรับชม ‘วิดีโอบันทึกเหตุการณ์’ จากกระจกวิเศษอาโรเดสอยู่ จึงไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวอันตรายใดในนิมิตความฝัน

คงเหมือนกับการดูหนังผี หรือไม่ก็กำลังเล่นเกมน่ากลัว… ไคลน์เรียกสติกลับมาพร้อมกับเร่งฝีเท้าเดินตามหลังฮารามิค·ไฮเดินให้ทัน

ขณะอาร์ชบิชอปครึ่งเทพย่างกรายเข้าใกล้วัตถุซึ่งควรถูกผนึกด้วยวิธีพิเศษ รูปพรรณสัณฐานของฮารามิคเริ่มปรากฏบนผิวกระจกกรอบรูปในลักษณะเลือนราง เป็นภาพนักบวชสวมหมวกใบเล็กสีขาวและเสื้อคลุมสีขาว

กระจก… กระจกในยุคสมัยที่สี่เนี่ยนะ?

ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น… แต่จากตำราทางประวัติศาสตร์ กระจกจะปรากฏครั้งแรกในยุคสมัยที่ห้าโดยไม่มีการระบุชื่อของนักประดิษฐ์…

ไคลน์กำลังเฝ้ารอ ‘การต่อสู้’ ระหว่างครึ่งเทพและสมบัติปิดผนึกด้วยใจจดจ่อ

ทันใดนั้น ภาพครึ่งลำตัวบนของฮารามิคได้ปรากฏบนกรอบรูปวิญญาณอย่างคมชัด แต่ดวงตาของอาร์ชบิชอปครึ่งเทพกลับมิไม่สูญเสียความแวววาวตามทฤษฎี

ฮารามิคยังคงย่างกรายเข้าใกล้กรอบรูปอย่างใจเย็นทีละก้าวโดยปราศจากอาการสั่นคลอน

ถึงแม้ภาพของอาร์ชบิชอปในกรอบรูปจะสมบูรณ์แล้วก็ตาม แต่มันไม่อยู่นิ่ง กรอบภาพยังคงสั่นคล้ายกับขั้นตอนของมันยังไม่เสร็จ

ฮารามิคหยุดยืนหน้ากรอบรูปวิญญาณและนำผ้าสีดำผืนใหญ่ซึ่งเตรียมไว้ล่วงหน้าออกมาคลุมกรอบรูป

กรอบรูปวิญญาณเริ่มพยศอย่างรุนแรงอยู่นานคล้ายกับต้องการดิ้นรนขัดขืน แต่จนแล้วจนรอด เพียงไม่นานมันก็หยุดนิ่งและถูกผ้าสีดำห่อไว้อย่างมิดชิด

ฮารามิคผู้ปราศจากรอยขีดข่วนทำการปลดกรอบรูปวิญญาณในผ้าดำลงมาอย่างง่ายดาย ก่อนจะยื่นมาทางไอคานส์

นี่มัน… ผิดหลักศาสตร์เร้นลับ… เขาเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือ ว่าร่างวิญญาณของเหยื่อจะถูกดึงเข้าไปขังในกรอบรูป แล้วทำไมอาร์ชบิชอปถึงยังสบายดี? เป็นความพิเศษของครึ่งเทพ? หรือเป็นเพราะเหตุผลอื่น?

ไคลน์สำรวจฮารามิคหัวจรดเท้า แต่ก็ไม่พบความผิดปรกติใดเลย

ดวงตายังคงมีชีวิตชีวา ใบหน้าอบอุ่นและอ่อนโยน ผิวหนังเปล่งปลั่ง… น่าเสียดาย เราไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์จริง ไม่อย่างนั้นเนตรวิญญาณคงพอจะบอกอะไรได้บ้าง…

ไคลน์เบือนสายตาออกจากฮารามิค หันมาจ้องสมาชิกจิตแห่งจักรกลคนอื่นซึ่งกำลังทยอยเดิมตามเข้ามา

ฮารามิคยื่นห่อผ้าสีดำบรรจุกรอบรูปวิญญาณให้กับสมาชิกในทีมคนหนึ่ง ก่อนจะเดินตรงต่อไปทางห้องหลักแท้จริงของสุสาน

สุดทางเดินเป็นบานประตูหินสีดำ ผิวหินมีลวดลายการขูดอย่างหยาบด้วยดาบและขวาน กึ่งกลางบานประตูเป็นสัญลักษณ์คล้ายแผ่นจานสีเทา

ผิวจานถูกแบ่งออกเป็นสิบสองส่วนในลักษณะไม่เท่ากัน เข็มยาวขนาดเล็กพาดออกมายังขอบแผ่นจาน มองผิวเผินจะคล้ายกับนาฬิกาแขวนผนังอย่างมาก

แต่จุดต่างคือ ส่วนหน้าปัดซึ่งควรจะถูกแบ่งสิบสองส่วนอย่างเท่าเทียมกลับไม่เท่าเทียม ขนาดแต่ละส่วนแตกต่างกันอย่างไม่มีแบบแผน เล็กบ้างใหญ่บ้าง แถมแต่ละช่องก็ยังถูกบดบังด้วยเงาไปแล้วครึ่งหนึ่ง

“ตราประจำตระกูลอามุนด์” ฮารามิคอธิบายอย่างคร่าว

มันไม่สามารถเจาะลึกถึงรายละเอียดเชิงความหมายของตราดังกล่าว เพราะนอกจากอาวุโสไอคานส์·เบอร์นาร์ด สมาชิกคนอื่นในทีมยังไม่มีสิทธิ์รับรู้

ในทางกลับกัน ไคลน์กำลังอาศัยข้อมูลมากมายในหัวตัวเพื่อพยายามถอดรหัส

แผ่นจาน สิบสองส่วน และเข็มยาว เมื่อนำมารวมกันแล้วจะหมายถึงเวลา หรือไม่ก็กาลเวลา นับว่าสอดคล้องกับหนอนกาลเวลาของอามุนด์ซึ่งปรากฏขึ้นหลังจากร่างแยกของอามุนด์ถูกทำลายสิบสองส่วนอันควรจะเท่าเทียมแต่กลับไม่เท่ากัน รวมถึงเงาสีดำปกคลุมทุกส่วนอย่างละครึ่ง แปลว่าตระกูลอามุนด์คือด้านมือแห่งกาลเวลา? แล้วทำไมถึงไม่มีสัญลักษณ์เกี่ยวข้องกับฉายา ‘ตระกูลเย้ยเทพ’ เลยสักนิด?

ขณะไคลน์เค้นสมอง ฮารามิค·ไฮเดินใช้มือผลักประตูหินของห้องหลักเข้าไปโดยไม่คิดป้องกันตัว

เมื่อบานหินลักษณะเหมือนจะหนักเลื่อนเปิดออก ภาพของห้องกว้างโอ่โถงด้านในได้ปรากฏสู่สายตาไคลน์

ใจกลางห้องเป็นพื้นยกระดับ มีขั้นบันไดสำหรับเดินขึ้น ด้านบนพื้นยกระดับมีโลงศพสีดำวางอยู่

ผนังห้องทุกทิศล้วนมีเชิงเทียนเหล็กวางเรียงราย ยอดเชิงเทียนทุกก้านยังมีเทียนไขสีขาวกำลังลุกไหม้อย่างอ่อนโยน

เปลวไฟไม่วูบวาบ ทั้งสงบนิ่งและเงียบงันจนน่าเหลือเชื่อ คล้ายกับไคลน์กำลังมองเข้าไปในภาพถ่ายไร้ชีวิต บรรยากาศเหมือนกับไม่เคยถูกใครรบกวนตลอดสองพันปี

เมื่อกวาดสายตาไปรอบห้อง ชายหนุ่มพบว่าระหว่างทางเดินไปยังโลงศพสีดำ มีศพจำนวนมากนอนเรียงกันบนพื้นอยู่ก่อนแล้ว เครื่องแต่งกายประกอบด้วยเสื้อโค้ทขนสัตว์ หมวกทรงกึ่งสูง ไปจนถึงชุดคนงานและหมวกแก๊ปราคาถูก เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าพวกมันเพิ่งตกอยู่ในชะตากรรมเช่นนี้ได้ไม่นาน

หนึ่งในนี้คือเพื่อนมาริค? กลุ่มสำรวจจากชุมนุมลับดังกล่าว? พวกเขาผ่านด่านข้างหน้ามาได้ยังไง? โดยเฉพาะกรอบรูปวิญญาณนั่น… แถมบรรดาสัตว์ประหลาดและเงามืดหนังมนุษย์ก็ยังมีชีวิตอยู่จนกระทั่งเมื่อครู่…

ขณะครุ่นคิดหาคำตอบ ชายหนุ่มตัดสินใจเพ่งมองศพเพื่อสำรวจหาเบาะแส

ทันใดนั้น ฉากตรงหน้าทำให้มันแทบหยุดหายใจ

ศพทั้งหมดมีสีผมขาวโพลน ผิวหนังเหยี่ยวย่นและเต็มไปด้วยริ้วรอยหยาบกร้าน ลักษณะคล้ายกับคนอายุแปดสิบถึงเก้าสิบปี

ไม่มีบาดแผลภายนอกแม้แต่แห่งเดียว ราวกับเสียชีวิตจากอายุขัยตามธรรมชาติ และเหนือสิ่งอื่นใจ การตรวจสอบเบื้องต้นระบุศพเพิ่งตายไม่ได้นาน เพราะยังไม่แสดงอาการเน่าเปื่อยให้เห็น

โดยทั่วไปแล้ว ผู้วิเศษอายุมากขนาดนี้มักไม่คิดสำรวจสุสานเองแน่ หรือต่อให้หวังรวยทางลัด แต่ก็คงเลือกจ้างหนุ่มสาวแข็งแรงให้มาเป็นผู้ช่วยสักคนสองคนอยู่ดี ไม่ใช่แก่ล้วนเช่นนี้…

เป็นความตายอันไม่ปรกติเลยสักนิด!

ไคลน์ขมวดคิ้วและพยายามวิเคราะห์

มันหวนนึกถึงหนอนกาลเวลาซึ่งปรากฏขึ้นหลังจากร่างแยกอามุนด์ถูกทำลาย รวมถึงตราประจำตระกูลอามุนด์อันมีลักษณะคล้ายนาฬิกาแขวนบนประตูหิน

หนึ่งในพลังของตระกูลอามุนด์คือการเร่งอายุขัยเป้าหมาย? ด้านมืดของกาลเวลา… หรือจะเป็นการช่วงชิงอายุขัยของเหยื่อมาเพิ่มให้กับผู้ใช้พลัง? ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า เจ้าของสุสานจงใจปล่อยให้คนเหล่านี้หลุดมาจนถึงห้องหลัก เพราะหวังช่วงชิงอายุขัยมาเป็นของตัวเอง…

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ