อากาศภายนอกมิอาจสอดแทรกเข้าไปในตัวอาคาร บรรยากาศด้านในตึกอบอุ่นประหนึ่งช่วงกลางฤดูใบไม้ผลิ เตาผิงทำงานของมันได้อย่างไม่มีจุดบกพร่อง
ออเดรย์กำลังถูกวัดตัวโดยมาดามจีเนียร์ นักออกแบบเสื้อผ้าส่วนตัว เพื่อเตรียมตัดชุดสำหรับฉลองปีใหม่ให้เข้ากับอารมณ์ความคิดและขนาดตัวปัจจุบัน
สาวใช้ส่วนตัว แอนนี เดินเข้ามาใกล้และกระซิบข้างหู
“มาดามเอสลันด์ขอพบ”
เร็วขนาดนี้เชียว…?
ออเดรย์พลันตื่นเต้น แต่เธอไม่แสดงออกทางสีหน้า เพียงเผยรอยยิ้มตามมารยาท
“บอกให้รอในห้องศิลป์ เอ่อ… ห้านาที”
“ห้องศิลป์?” แอนนีทำหน้างุนงง
“ถูกต้อง ฉันจะให้คุณครูติชมผลงานภาพวาดชิ้นใหม่ฝีมือตัวเอง เธอกล่าวว่า ผลงานทางศิลปะซึ่งเกิดจากจิตใจอันผ่อนคลาย จะบ่งบอกตัวตนของคนผู้นั้นได้อย่างละเอียด” ออเดรย์อธิบายอย่างใจเย็น
แอนนีพลันกระจ่าง
“ค่ะ คุณหนู”
ไม่ถึงห้านาทีถัดมา ออเดรย์เดินเข้าไปในห้องศิลป์และพบว่าเอสลันด์กำลังยืนชื่นชมภาพวาดบนผนัง
“นั่นคือ ‘รัตติกาลในฝัน’ ของเซนซี สุดยอดผลงานชิ้นเอกอันโด่งดังซึ่งจะมอบอารมณ์ปลอดโปร่งและสงบนิ่ง” เด็กสาวอมยิ้มพลางแนะนำภาพให้เอสลันด์ทราบ
“รัตติกาลในฝันของเซนซี? หนึ่งในสิบภาพวาดของปีก่อน และหนึ่งในร้อยภาพวาดประจำศตวรรษจากการลงคะแนนของหนังสือพิมพ์ทัสซอคหรือคะ?”
แน่นอน เอสลันด์เป็นคนประเภทอ่านหนังสือพิมพ์ทุกเช้า และในฐานะผู้วิเศษเส้นทางผู้ชม ความจำของเธอย่อมเป็นเลิศ
“ค่ะ” ออเดรย์ตอบกระชับราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งกับการได้ยลโฉมภาพวาดของจริงเต็มสองตาเช่นนี้…” เอสลันด์กล่าวพลางเงยหน้าจ้องภาพอีกครั้ง
เธอกลืนประโยคตามหลัง ‘ราคาเท่าคฤหาสน์เลยนะคะ’ ลงคอ เพราะกังวลว่าจะถูกมองเป็นพวกบ้านนอกเข้ากรุง
ออเดรย์ไม่เสียเวลากล่าวแนะนำภาพอื่น เด็กสาวหาข้ออ้างส่งแอนนีออกจากห้อง ตามด้วยการส่งสัญญาณบอกให้ซูซีออกไปอารักขาหน้าประตู
โกลเดนรีทรีเวอร์ขนฟูอ่านใจนายหญิงได้ทันทีและรีบตะกุยเท้า
เอสลันด์ช่วยปิดประตูและเดินกลับมานั่งข้างขาตั้งสำหรับวาดรูป เธอไม่ปล่อยให้เด็กสาวซักถามสิ่งใด ครูสอนวิชาจิตวิทยาสาวเริ่มเข้าประเด็นทันที
“พวกเรามีทั้งตะกอนพลังเงามืดหนังมนุษย์และสูตรโอสถผู้รับใช้วายุ เพียงแต่ สมาคมแปรจิตไม่ได้ร้อนเงิน จึงไม่คิดขายนอกเสียจากจะได้รับข้อเสนอยากปฏิเสธ”
ถ้ามีการเจรจา… แปลว่ายังมีหวัง!
ดวงตาเขียวมรกตของเด็กสาวพลันลุกวาวขณะตั้งคำถามกลับ
“ราคาเท่าไรบ้างคะ”
เอสลันด์ลูบไล้เส้นผมดำขลับและมอบคำตอบซึ่งเตรียมไว้ล่วงหน้า
“สองพันห้าร้อยปอนด์สำหรับตะกอนพลังเงามืดหนังมนุษย์ สามพันปอนด์สำหรับสูตรโอสถผู้รับใช้วายุ”
กะขายทีเดียวรวยเลยหรือ…
แม้ออเดรย์จะมองเป็นเพียงเศษเงิน แต่เธอก็ไม่ค่อยปลื้มนักเมื่อพบว่าสมาคมแปรจิตหวังฟันกำไรเกินกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์
จากคำอธิบายของมิสเตอร์แฮงแมน ภายใต้สถานการณ์ปรกติ สูตรโอสถลำดับ 6 จะมีมูลค่าไม่เกินสองพันปอนด์ แต่ยิ่งโอสถเข้าใกล้ลำดับสูงเพียงใด โอกาสหลุดมาในตลาดมืดก็ยิ่งน้อย เรียกว่ามีเงินอย่างเดียวซื้อไม่ได้ ส่งผลให้ราคาอาจดีดตัวขึ้นบ้าง ไม่เพียงเท่านั้น เนื่องจากเป็นสิ่งของมูลค่าสูง โอกาสถูกหลอกขายสูตรโอสถปลอมก็ยิ่งมาก ดังนั้น หากผู้ขายมีความน่าเชื่อถือ ราคาจะสูงขึ้นย่อมไม่แปลก แต่สามพันปอนด์ก็ออกจะ…
เอสลันด์รีบเสริม
“ถ้าอีกฝ่ายมีสมบัติวิเศษมูลค่าใกล้เคียงกันหรือต่ำกว่าเล็กน้อยมาแลกเปลี่ยน ทางเราก็ยินดีพิจารณา”
หรือก็คือ พวกคุณต้องการสมบัติวิเศษมากกว่าเงิน… สมาคมแปรจิตถือเป็นหน้าใหม่ในวงการ คงไม่แปลกหากจะมีจำนวนสมบัติวิเศษน้อยกว่าองค์กรลับอื่น…
ออเดรย์เม้มปากตอบ
“ดิฉันจะนำไปบอกพวกเขาให้ค่ะ แต่ไม่ขอรับประกันความสำเร็จ”
ออเดรย์ไม่กังวลเลยสักนิดว่า สมาคมแปรจิตจะเคลือบแคลงว่าเธอเอาเวลาตอนไหนไปเข้าร่วมชุมนุมลับอื่น ในฐานะบุตรสาวแห่งตระกูลเคาต์ ตารางชีวิตของเด็กสาวย่อมต้องยุ่งวุ่นวาย
มีทั้งงานเลี้ยงน้ำชารอบบ่าย งานเลี้ยงอาหารค่ำ งานเลี้ยงเต้นรำ เรียนขี่ม้า เรียนสื่อสาร และอีกมากมาย มีโอกาสพบปะคนแปลกหน้าไม่น้อย ใครจะรู้ อาจมีชุมนุมลับแฝงอยู่ในงานเลี้ยงอาหารค่ำ หรือไม่ก็ ครูสอนดนตรีคือผู้วิเศษมากประสบการณ์ปลอมตัวมา สมาคมแปรจิตไม่มีทางตรวจสอบเรื่องนี้ได้ทั้งหมด พวกมันซ่อนอยู่ในเงามืด การออกมาเคลื่อนไหวฉากหน้าจึงไม่ใช่เรื่องสะดวก
เมื่อกล่าวจบ ออเดรย์ซักถามต่อท้าย
“มาดามเอสลันด์ ดิฉันคาดไม่ถึงว่าพวกคุณจะกล้าขายสูตรโอสถผู้รับใช้วายุ มันเป็นถึงลำดับ 6 ไม่ใช่หรือคะ”
“สำหรับเรื่องนี้ ถ้ามีโอกาส พวกเราก็อยากกระจายข้อมูลดังกล่าวออกไป เพราะจะเกิดประโยชน์ต่อสมาคมแปรจิตมากกว่า”
เอสลันด์ตอบคลุมเครือ
จริงอยู่ คุณหนูออเดรย์อาจเป็นบุคคลสำคัญซึ่งเบื้องบนของสมาคมให้ความสำคัญเป็นพิเศษ แต่ในสายตาเอสลันด์ ออเดรย์ยังเป็นแค่เด็กใหม่ในโลกเร้นลับ มีหลายสิ่งยังไม่ถึงเวลารับรู้
เธอหมายความว่ายังไง…?
แต่เด็กสาวตัดสินใจข่มความสงสัยไว้ก่อน ทำเพียงเปลี่ยนประเด็นอย่างไร้เดียงสา
“มาดามเอสลันด์ หากการค้าขายในคราวนี้ผ่านไปอย่างลุล่วง ดิฉันจะได้รับคะแนนผลงานไหมคะ?”
เอสลันด์ฉีกยิ้ม
“แน่นอนค่ะ”
…
ไคลน์ ‘ทำตัวยุ่ง’ ตลอดช่วงเช้า จนกระทั่งกลับถึงถนนมินส์และเติมเต็มความอิ่มท้อง แต่ขณะเตรียมตัวพักผ่อน เสียงสวดภาวนาจากใครสักคนดังพลันซ้อนทับในหัว ชายหนุ่มไม่มีทางเลือกนอกจากส่งตัวเองเข้าสู่ห้วงมิติเหนือสายหมอก
มิสจัสติสหาคนขายตะกอนพลังเงามืดหนังมนุษย์ได้แล้ว? พูดเป็นเล่นน่า… เราไม่พบเบาะแสแม้จะหามาตั้งนาน แต่พอเจอกลับเจอทีเดียวสองเนี่ยนะ… ในฐานะองค์กรลับ สมาคมแปรจิตคงมีวัตถุดิบประเภทนี้เก็บสำรองไว้พอสมควร…
เมื่อมีตัวเลือกเพิ่ม ไคลน์พลันรู้สึกปวดหัวมากกว่าเก่า
ต่อให้นับเงินห้าร้อยปอนด์ซึ่งแฮงแมนยังติดค้างรวมเข้ามาด้วย แต่เงินออมของไคลน์ก็มีเพียง 1,335 ปอนด์เท่านั้น ยังขาดไปอีกมากหากต้องการซื้อในราคาสมาคมแปรจิต
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ