อ่านสรุป ราชันเร้นลับ 462 จาก ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ โดย Internet
บทที่ ราชันเร้นลับ 462 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายInternet ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ภายใต้สถานการณ์ซึ่งมีเพียงคำบอกใบ้โดยปราศจากการอธิบาย พวกมันมิได้มองว่าเป็นความผิดปรกติ ตัวตนระดับทัดเทียมเทพมักมีพฤติกรรมเช่นนี้แล้ว โดยในบางครั้ง ถ้อยคำจากปากก็มิใช่คำบอกใบ้ทางอ้อม แต่เป็นการมอบคำตอบทางตรง!
สำหรับตัวตนอย่างเดอะฟูล แค่ท่านช่วยบอกใบ้หนึ่งวลีก็นับว่ามากเกินพอ…
เป็นพวกเราเองต่างหาก ต้องนำมาตีความให้กระจ่าง และถ้ายังไม่พบคำตอบ นั่นแปลว่าแต่ละคนยังไม่แตกฉานมากพอ! ต้องรีบปรับปรุงตัวโดยด่วน!
ออเดรย์กำลังกดดันให้ตัวเองกลายเป็นนักจิตบำบัดโดยเร็ว
“…ถ้าจำไม่ผิด คุณเคยเล่าให้ฟังว่า มีข้อความ ‘กุหลาบไถ่บาป’ ปรากฏภายในวิหารดังกล่าว เมื่อครั้งทีมสำรวจชุดก่อนเข้าไปตรวจสอบใช่ไหม?”
อัลเจอร์เอียงคอถามเดอะซัน
โดยไม่ลังเล เดอร์ริคพยักหน้ารับหนักแน่น
“ถูกต้อง ถูกเขียนไว้ด้วยภาษาซึ่งพัฒนามาจากคนยักษ์อีกทอด ทางสภาอาวุโสใช้เวลามากพอสมควรในการถอดรหัส”
พัฒนามาจากภาษาคนยักษ์…
ขณะได้ยินเมื่อคราวก่อน อัลเจอร์มิได้เก็บไปใส่ใจมากนัก แต่เมื่อมีข้อมูลมากขึ้น มันจึงเริ่มเอะใจในบางประเด็น
เด็กชายแจ็คคนนั้นมาจากทะเลโซเนีย…
ภาษาต่อยอดจากคนยักษ์…
อัลเจอร์ก้มหน้าครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะขออนุญาตมิสเตอร์ฟูลฉายภาพข้อความหนึ่งวลี
อักษรดังกล่าวเป็นภาษาฟุซัคโบราณ สิ่งนี้คือรากฐานของภาษาทวีปเหนือทั้งหมด
ใจความว่า :
“กุหลาบไถ่บาป”
เมื่อได้เห็นเต็มสองตา เดอร์ริคพลันออกท่าทางตกตะลึงโดยไม่ปิดบัง
“ใกล้เคียงกันมาก… แต่อักษรสุดท้ายแตกต่างกันเล็กน้อย มิสเตอร์แฮงแมน นี่คือภาษาของดินแดนพวกคุณหรือ”
ขณะเอ่ยปากถาม เดอร์ริคฉายภาพอักษรตรงมุมจิตรกรรมฝาผนังซึ่งมีความหมายว่า ‘กุหลาบไถ่บาป’
“ถูกต้อง” อัลเจอร์พยักหน้า “แต่อักษรของผมถูกพัฒนาขึ้นจากเดิมเล็กน้อย อักษรบนผนังในวิหารคงเป็นภาษาเก่ากว่านี้”
ผิดแล้วสหาย ในโลกแห่งภาษาศาสตร์ อักษรซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับภาษาฟุซัคโบราณ จะถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในจักรวรรดิโซโลมอนแห่งยุคสมัยที่สี่…
นักศึกษาภาควิชาประวัติศาสตร์ ไคลน์ มอบคำตอบถูกต้องในใจ
อัลเจอร์เว้นวรรค
“ถ้าอย่างนั้น ภาพจิตรกรรมฝาผนังดังกล่าวมีรายละเอียดเป็นแบบไหน”
“ผมไม่ได้เข้าไปสำรวจภาพนั้น จึงไม่ได้เพ่งมองอย่างละเอียดก่อนออกมา…” ขณะกล่าว เด็กหนุ่มแสดงสีหน้าละอายใจ
อัลเจอร์พยักหน้ารับพลางมอบคำแนะนำต่อไปด้วยสีหน้าปรกติ
“หาโอกาสตรวจสอบภาพให้ได้ ผมเชื่อว่าคงมีเบาะแสสำคัญซ่อนอยู่ในภาพดังกล่าว”
“ตกลง!” เดอร์ริคมั่นใจว่านี่คือกุญแจสำคัญในการหลุดพ้นจากวังวนกระแสเวลา
เมื่อเห็นบทสนทนาเริ่มบรรเทาความตึงเครียด ออเดรย์ยกมือถามอย่างสับสนกึ่งอยากรู้อยากเห็น
“มิสเตอร์แฮงแมน ถ้าเด็กชายแจ็คเป็นบุตรของผู้สดับตามคำอธิบายของคุณจริง ทำไมเขาถึงสื่อสารกับทีมสำรวจของชาวเมืองเงินพิสุทธิ์รู้เรื่อง?”
หลังจากถกเถียงกันในหัวข้อภาษาศาสตร์ด้วยประเด็นของ ‘กุหลาบไถ่บาป’ ออเดรย์เริ่มมั่นใจว่าเมืองเงินพิสุทธิ์ใช้ภาษาและตัวอักษรไม่เหมือนกับทวีปเหนือใต้ หรือแม้กระทั่งอาณาจักรโลเอ็น
หากเป็นบนห้วงมิติเหนือสายหมอกแห่งนี้ ทุกคนสื่อสารกันอย่างไหลลื่นเพราะมีมิสเตอร์ฟูลคอยอำนวยความสะดวก…
หญิงสาวความคำสรรเสริญภายในใจ
อัลเจอร์หันมาพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งเย้ยหยัน
“มิสจัสติส คุณยังไม่เคยผ่านประสบการณ์เหนือธรรมชาติเลยสักครั้งใช่ไหม ในเมื่อแจ็คกลายเป็นปีศาจน่าสะพรึงกลัวไปแล้ว การจะเกิดความเปลี่ยนแปลงทางด้านอื่นก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เชื่อผมเถอะ ภายในโลกของผู้วิเศษ การเชี่ยวชาญสักภาษาไม่ใช่เรื่องยาก อาจใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาที”
“…”
ในบางครั้ง มันเองก็รู้สึกว่าเบื้องหลังของโลกปัจจุบันช่างมีสีเทาเข้มจนเกือบดำสนิท แถมยังเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง
โดยเฉพาะกฎเหล็กทั้งสามข้อ กฎอนุรักษ์พลังพิเศษในเส้นทางใกล้เคียง กฎความถาวรของพลังพิเศษ และกฎการดึงดูดระหว่างพลังพิเศษในเส้นทางเดียวกัน ทั้งหมดล้วนนำพาหายนะมาให้โลกทั้งสิ้น
‘อาชีพ’ นักแปรธาตุนับว่าน่าสนใจมาก และพลังในการเล่นแร่แปรธาตุชีวิต ก็ยังฟังดูเหมือนกับพลังต้องห้ามซึ่งอยู่ในขอบเขตของเทพเท่านั้น… ชักน่าสนใจแล้วว่า ก่อนถูกลอบสังหาร จักรพรรดิโรซายล์สร้างกันดั้มเสร็จสักตัวหรือไม่… บางทีคงไม่…
ไคลน์ปล่อยความคิดเตลิดโดยไม่ควบคุม
ขณะเดียวกัน มันก็ยังอยากรู้รายละเอียดของพิธีกรรมสำหรับก้าวเข้าสู่ขอบเขตแห่งครึ่งเทพ แต่น่าเสียดาย โรซายล์มิได้เขียนบันทึกไว้อย่างละเอียด เพราะนี่เป็นเพียงไดอารี มิใช่สมุดบันทึกกิจวัตรประจำวัน
สำดับ 4 ‘ปราชญ์พิศวง’ แห่งเส้นทางผู้ส่องความลับก็ฟังดูน่าสนใจไม่น้อยเช่นกัน…
ไคลน์พลิกไปยังกระดาษแผ่นสุดท้ายและเริ่มอ่านไดอารีหน้าสาม
“23 เมษายน พวกคนชั้นสูงของโลกนี้เสียสติกันไปใหญ่แล้ว! เราเคยคิดว่า มาดามคาเรนยั่วยวนให้เรามีเพศสัมพันธ์ด้วยเพราะหลงใหลในหน้าตาหรือบุคลิก แต่ใครจะไปคิดว่า สามีของหล่อน เอิร์ลแห่งแชมเปญ กำลังแอบดูจากผนังห้องติดกัน! ไอ้วิตถารนั่นเกิดเงี่ยนขึ้นมาและอยากสอยก้นเรา! ต้องขอโทษจริงๆ แต่เรื่องเวรตะไลแบบนี้เกิดขอบเขตการทำใจยอมรับของเราไปมาก เราไม่มีทางเลือกนอกจากเตะก้นมันไปหนึ่งที เมื่อเทียบกับความจังไรของคนเหล่านี้ เราจะกลายเป็นเด็กทารกไปเลย!”
“…”
ไคลน์ถึงกับหมดคำพูด มันรู้สึกว่าชีวิตประจำวันของโรซายล์เต็มไปด้วยความตื่นเต้นแสนพิสดาร ความวิตถารของขุนนางอินทิสได้อยู่นอกเหนือจินตนาการไปมากทีเดียว
หากชนชั้นสูงสักคนเกิดอยากลองอะไรแปลกๆ เช่นการมีเซ็กซ์กับลิงบาบูนขนหยิก รับรองได้เลยว่าอีกไม่นานต้องเกิดการระบาดของโรคบางชนิดซึ่งรักษาไม่หาย…
ไคลน์ถอนหายใจยาว
“25 เมษายน เพื่อทำให้จิตใจสงบนิ่งและเสริมสร้างความสุขุม เราตัดสินใจเดินทางไปตกปลายังทะเลสาปสวอน หวังว่าสักวันจะมีโอกาสได้ตกนางเงือกในทะเลบ้าง เฮ่อ พักหลังมานี้ เราเริ่มทำตัวเอื่อยเฉื่อยมากไปแล้ว ไม่ได้การ! ต้องปลุกจิตวิญญาณนักประดิษฐ์กลับมาให้ได้! ในฐานะนักเดินทางข้ามโลก เราต้องจารึกชื่อตัวเองไว้ในหน้าประวัติศาสตร์!”
แต่รุ่นพี่น่าจะทำตัวเอื่อยเฉื่อยไปตามเดิมมากกว่า… มุมปากไคลน์เริ่มกระตุกขณะแสดงความเห็นติดตลก
ถัดมา มันก้มหน้าอ่านย่อหน้าสุดท้ายของไดอารีอย่างใจเย็น
“26 เมษายน ซาราธมาเยี่ยมบ้าน เราจึงตัดสินใจถามไปว่า ‘ปาฏิหาริย์’ หมายถึงสิ่งใด เขาถามเรากลับ ว่าเราคิดเช่นไร คิดแบบไหนงั้นหรือ? ปาฏิหาริย์ก็ต้องเป็นพวกสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอยู่แล้ว! ยกตัวอย่างเช่น บรมมหาราชวังสนธยาแห่งจักรพรรดิฟุซัค หนึ่งในถิ่นพำนักของมหาราชาคนยักษ์ เออร์เมียร์”
“ซาราธยอมบอกคำตอบของตัวเอง เขากล่าวว่า : สิ่งใดคือปาฏิหาริย์? ปาฏิหาริย์คือการคืนชีพจากความตาย!”
……………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ