เมื่อได้รับการมองเห็น ชายหนุ่มรีบสำรวจรอบตัว และพบว่าตนกำลังอยู่ในอุโมงค์ของบางสิ่ง ไม่ว่าจะซ้ายขวาหน้าหลัง ทุกหนแห่งไปด้วยฉากสุดอลังการเหนือคำบรรยาย
ขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ว่า ฝ่ามืออะซิกซึ่งกำลังจับตนแน่น เริ่มออกอาการสั่นเทา
ยังไม่ทันจะได้ตอบสนอง ไคลน์รู้สึกว่าร่างกายเบาหวิวอย่างกะทันหัน ก่อนจะหมุนรอบตัวประหนึ่งลูกข่างอย่างหนักหน่วง
สีแดง เหลือง ขาว และดำเริ่มเลือนหายไปจากการมองเห็น ร่างกายชายหนุ่ม ‘หล่น’ ลงมาด้านล่างด้วยความเร็วสูงและกระแทกกับพื้นแข็งเข้าอย่างจัง แรงปะทะส่งผลให้ศีรษะพร้อมด้วยอวัยวะภายในออกอาการปั่นป่วนไปชั่วขณะ
ภาพการมองเห็นไคลน์มีเพียงดวงดาวสีทองหมุนวนโดยรอบอย่างมึนงง ก่อนจะกลับเป็นปรกติในอีกไม่กี่อึดใจถัดมา
เมื่อเงยหน้าขึ้น ฝั่งซ้ายมือคือหุบเขาอันมืดมิดคล้ายกับทางเข้านรกแห่งปีศาจตามคำอธิบายของบันทึกตำนาน ฝั่งขวาคือแนวกำแพงสีเทาทอดยาวขึ้นไปด้านบน คล้ายกับคอยปกคลุมอาณาบริเวณกว้างไกลโดยรอบอย่างทั่วถึง
ไม่มีดวงอาทิตย์ ไม่มีเมฆ ไม่มีหมอก
ความสว่างบางส่วนมาจากตะไคร่สองแสงตามจุดต่างๆ รอบตัว ไม่เกินจริงไปนักหากจะกล่าวว่า ความมืดมิดอันเข้มข้นคือองค์ประกอบหลักของ ‘มิติ’ ปัจจุบัน
ไคลน์ใช้มือซ้ายดันตัวลุกยืนอย่างชำนาญคล่องแคล่ว ก่อนจะเริ่มพบว่าใต้ฝ่าเท้าของตนมีหินก้อนใหญ่จำนวนมาก ถูกวางเรียงอย่างเป็นระเบียบจนกลายเป็นทางเดิน
ถนนฝั่งด้านล่างหมุนวนเป็นเกลียวโดยมีปลายทางคือรอยแยกสีดำมืดสนิท ส่วนถนนฝั่งด้านบนหมุนวนในลักษระตรงกันข้าม เมื่อพยายามแหงนมอง ไคลน์เริ่มมองเห็นเค้าลางของโดมสูงและห้องโถงด้านหลังแนวกำแพง
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น แต่ก็ยังมองไม่เห็นจุดสูงสุดของอาคารเบื้องหน้า ทัศนวิสัยถูกบดบังไว้โดยกำแพงสูงสีเทาอย่างสมบูรณ์
ทันใดนั้น มันเริ่มทบทวนสถานการณ์รอบตัวและจำได้ว่า ตนกับมิสเตอร์อะซิก ‘หล่น’ ลงมายังมิติใต้ดินแห่งนี้ ลักษณะของมันคล้ายกับซากอารยธรรมโบราณสักแห่ง
ถูกส่งมายังเป็นดินแดนแห่งใหม่ หรือว่าเรายังอยู่ในเบ็คลันด์?
ขณะไคลน์ครุ่นคิด เสียงของอะซิกดังแว่ว
“คุณรีบหนีไปก่อน วิ่งขึ้นไปทางด้านบน”
หือ…?
โดยไม่มีโอกาสทำความเข้าใจ อากาศว่างเปล่าทางซ้ายมือไคลน์พลันส่องแสงเจิดจ้าอย่างกะทันหัน ตามด้วยการก่อตัวเป็นบานประตูมายาเปิดจากด้านในสู่ด้านนอก
บานประตูคล้ายกับทำจากทองแดง แต่ด้วยความเป็นภาพมายา ประตูจึงดูกึ่งสมจริงกึ่งเวทมนตร์ ผิวของบานประตูถูกสลักด้วยอักขระพิสดารเบียดเสียด
เพียงชำเลืองมอง ไคลน์สัมผัสได้ถึงความรู้สึกหนักอึ้งทันที
ทันใดนั้น เสียงประตูดังเปิดแง้ม ฝ่ามือสีขาวซีดชุ่มเลือกพุ่งพรวดออกจากบานประตูทีละข้าง ตามด้วยเถาวัลย์ยักษ์สีเขียวเข้มซึ่งมีใบหน้าของทารกและหนวดปีศาจ
ลักษณะการใช้งานคล้ายคลึงกับสมบัติวิเศษของชารอน…
ขณะใช้ความคิด ไคลน์เริ่มตระหนักว่าท่อนแขน เถาวัลย์ และหนวดปีศาจมิได้บ้าคลั่งเหมือนกับของชารอนเสียทีเดียว พวกบรรจงสานขัดกันจนมีลักษณะคล้ายกับบันไดทอดยาวลงมาถึงพื้น มิได้เกรี้ยวกราดประหนึ่งพยายามกระชากลำดับ 6 ซอมบี้ เข้าไป
ถัดมา เมื่อบานประตูอ้ากว้าง มนุษย์คนหนึ่งย่างกรายลงมาอย่างไม่รีบร้อน
เป็นชายสวมคลุมชุดนักบวชสีดำทรงโบราณ ใบหน้ากระจ่างชัดและสมส่วน ลักษณะคล้ายกับรูปแกะสลักจากยุคเก่าแก่
เส้นผมสีทองเข้ม ดวงตาน้ำเงินเข้ม ดั้งจมูกสูงโด่ง สวมหมวกใบเล็กซึ่งได้รับความนิยมในหมู่คนสูงอายุ จอนตรงขมับทั้งสองข้างเป็นสีเทา ขัดกันกับหน้าตาวัยกลางคน
เมื่อมองเข้าไปในแววตาอันไร้ชีวิตชีวาโดยสิ้นเชิง ไคลน์ไม่มีวันลืมชื่อของบุคคลผู้นี้
อินซ์·แซงวิลล์!
อดีตอาร์ชบิชอปแห่งโบสถ์รัตติกาล ผู้เคยชักใยและวางแผนทำให้เหยี่ยวราตรีเมืองทิงเก็นได้รับความพินาศ รวมถึงยังเป็นเจ้าของสมบัติปิดผนึกรหัส 0-08!
แทบจะในพริบตา ไคลน์หันหลังกลับและรีบสับเต็มฝีเท้าตามคำสั่งของอะซิก ชายหนุ่มเผ่นหน้าตั้งขึ้นไปตามแนวกำแพงหินสีเทาและถนนก้อนหิน อันนำทางไปสู่อาคารด้านบน
มันทราบอย่างเต็มอกว่า ผู้วิเศษลำดับ 6 อย่างตน จะไม่ต่างอะไรกับ ‘ภาระ’ ในสงครามการดวลของครึ่งเทพ
เพื่อแข่งกับเวลา ไคลน์ไม่มัวเสียเวลาประดิษฐ์ถ้อยคำถ่อมตนหรือแสดงความเป็นพระเอกออกมา เพราะนี่คือหนทางรอดเดียวสำหรับตนและอะซิก ในการฝ่าฟันให้พ้นจากวิกฤติปัจจุบัน!
กึก. กึก. กึก.
เมื่อเริ่มตระหนักว่าไม่มีสิ่งใดสามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับจุดไฟ ไคลน์ทำเพียงขบกรามกรอดอย่างหัวเสียและเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นจนถึงขีดจำกัดร่างกาย
ขณะวิ่ง สุ้มเสียงอะซิกดังแว่วอ่อนโยน
“หนีจนกว่าคุณจะพ้นจากอันตราย ไม่ต้องห่วงผม ความทรงจำสมัยในอดีตกลับคืนมามากแล้ว ทราบถึงขั้นว่า ผมเคยติดอยู่ในบางลำดับมาเป็นเวลานานนับพันปี โอสถดังกล่าวมีชื่อว่า ‘อมรณา’ ”
กึก. กึก. กึก.
ไคลน์ยังคงวิ่งวนไปตามแนวถนนหิน จนกระทั่งถึงทางเดินยาวระนาบ ด้านบนเป็นหลังคาโดมสูง ผนังสองฝั่งเต็มไปด้วยภาพจิตรกรรมและร่องรอยผุพัง
ทันใดนั้น ชายหนุ่มได้ยินเสียงแหบพร่าแต่เปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจ จากจุดเดิมซึ่งตนและอะซิกถูกส่งเข้ามา
“ตรงนี้ไม่อนุญาตให้เดินทางข้ามมิติ!”
บุคคลผู้หนึ่งปรากฏตัวข้างอินซ์·แซงวิลล์จากความว่างเปล่า มันกำลังลอยตัวกลางอากาศโดยไม่สนกฎเกณฑ์แรงโน้มถ่วงใดๆ
ใบหน้าสวมหน้ากากสีทองหรูหราปกปิด
อินซ์·แซงวิลล์มิได้จู่โจมใส่อย่างบุ่มบ่าม ตรงกันข้าม มันชำเลืองหางมองร่างไคลน์ผู้กำลังวิ่งจากไปไกลทุกขณะ
ในฐานะลำดับ 4 แห่งเส้นทางเทพธิดารัตติกาล ‘ผู้พิทักษ์ราตรี’ อินซ์·แซงวิลล์มีอำนาจในการสร้างความโชคร้ายให้แก่เป้าหมายเล็กน้อย ทว่า แม้มันจะพยายาม ‘อวยพร’ ไคลน์ด้วยสายตาอยู่พักใหญ่ แต่ชายหนุ่มกลับไม่ประสบอุบัติเหตุลื่นล้มหรือหล่นลงไปในหุบเหวลึกตามความต้องการ
ไม่เพียงเท่านั้น อินซ์·แซงวิลล์รู้สึกคล้ายกับตนได้เห็นภาพหลอนของกลุ่มหมอกสีเทา
โดยไม่มัวคิดให้ปวดหัว มันเบือนหน้ากลับมาสนใจอะซิก·อายเกส
กึก. กึก. กึก.
ขณะกำลังวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด ไคลน์เกิดชะงักกะทันหันเนื่องจากสัมผัสวิญญาณระบุชัดเจนว่าข้างหน้ามีคนกลุ่มหนึ่ง กลุ่มผู้วิเศษ!
ต้องเป็นองครักษ์แน่… หลังจากยืนพินิจพิเคราะห์ ชายหนุ่มยกมือซ้ายขึ้นมาปาดใบหน้า
โดยไม่ต้องรอนาน เสียงกระดูกลั่นเริ่มดังเล็ดลอดออกมาอย่างแผ่วเบา พร้อมกับการเพิ่มขึ้นของส่วนสูงราวเจ็ดถึงแปดเซนติเมตร
เมื่อมือซ้ายพ้นจากใบหน้า มันได้กลายเป็นชายวัยกลางคน ดวงตาข้างเดียว เส้นผมสีทองเข้มและดั้งจมูกโด่ง อินซ์·แซงวิลล์!
หลังจากยืนนึกทบทวนการแต่งกายของอีกฝ่าย ไคลน์อาศัยเวทมนตร์ลวงตาเปลี่ยนแปลงเสื้อผ้าของตนพร้อมกับเดินเข้าไปในโถงทางเดินใหญ่ของอาคาร
องครักษ์สวมเกราะดำสี่คนพลันหันมาจ้อง
สีหน้าของไคลน์ยังคงเยือกเย็นขณะย่างกรายเข้าใกล้ ก่อนจะดัดเสียงให้แหบและกล่าวด้วยมาดเคร่งขรึม
“มีผู้บุกรุก! ฉันกำลังตามล่ามันอยู่ พวกนายพบเบาะแสบ้างไหม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ