ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 473

สรุปบท ราชันเร้นลับ 473: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

สรุปเนื้อหา ราชันเร้นลับ 473 – ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ โดย Internet

บท ราชันเร้นลับ 473 ของ ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 473 : ชายผู้ไร้หน้า
ราชันเร้นลับ 473 : ชายผู้ไร้หน้า
โดย
Ink Stone_Fantasy
วิวทิวทัศน์รอบตัวไคลน์กำลังพร่ามัวไปด้วยสีสันฉูดฉาด ต้องรอให้ผ่านไปสักพัก โลกแห่งภาพสีน้ำมันจึงค่อยเริ่มซีดจาง

เมื่อได้รับการมองเห็น ชายหนุ่มรีบสำรวจรอบตัว และพบว่าตนกำลังอยู่ในอุโมงค์ของบางสิ่ง ไม่ว่าจะซ้ายขวาหน้าหลัง ทุกหนแห่งไปด้วยฉากสุดอลังการเหนือคำบรรยาย

ขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ว่า ฝ่ามืออะซิกซึ่งกำลังจับตนแน่น เริ่มออกอาการสั่นเทา

ยังไม่ทันจะได้ตอบสนอง ไคลน์รู้สึกว่าร่างกายเบาหวิวอย่างกะทันหัน ก่อนจะหมุนรอบตัวประหนึ่งลูกข่างอย่างหนักหน่วง

สีแดง เหลือง ขาว และดำเริ่มเลือนหายไปจากการมองเห็น ร่างกายชายหนุ่ม ‘หล่น’ ลงมาด้านล่างด้วยความเร็วสูงและกระแทกกับพื้นแข็งเข้าอย่างจัง แรงปะทะส่งผลให้ศีรษะพร้อมด้วยอวัยวะภายในออกอาการปั่นป่วนไปชั่วขณะ

ภาพการมองเห็นไคลน์มีเพียงดวงดาวสีทองหมุนวนโดยรอบอย่างมึนงง ก่อนจะกลับเป็นปรกติในอีกไม่กี่อึดใจถัดมา

เมื่อเงยหน้าขึ้น ฝั่งซ้ายมือคือหุบเขาอันมืดมิดคล้ายกับทางเข้านรกแห่งปีศาจตามคำอธิบายของบันทึกตำนาน ฝั่งขวาคือแนวกำแพงสีเทาทอดยาวขึ้นไปด้านบน คล้ายกับคอยปกคลุมอาณาบริเวณกว้างไกลโดยรอบอย่างทั่วถึง

ไม่มีดวงอาทิตย์ ไม่มีเมฆ ไม่มีหมอก

ความสว่างบางส่วนมาจากตะไคร่สองแสงตามจุดต่างๆ รอบตัว ไม่เกินจริงไปนักหากจะกล่าวว่า ความมืดมิดอันเข้มข้นคือองค์ประกอบหลักของ ‘มิติ’ ปัจจุบัน

ไคลน์ใช้มือซ้ายดันตัวลุกยืนอย่างชำนาญคล่องแคล่ว ก่อนจะเริ่มพบว่าใต้ฝ่าเท้าของตนมีหินก้อนใหญ่จำนวนมาก ถูกวางเรียงอย่างเป็นระเบียบจนกลายเป็นทางเดิน

ถนนฝั่งด้านล่างหมุนวนเป็นเกลียวโดยมีปลายทางคือรอยแยกสีดำมืดสนิท ส่วนถนนฝั่งด้านบนหมุนวนในลักษระตรงกันข้าม เมื่อพยายามแหงนมอง ไคลน์เริ่มมองเห็นเค้าลางของโดมสูงและห้องโถงด้านหลังแนวกำแพง

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น แต่ก็ยังมองไม่เห็นจุดสูงสุดของอาคารเบื้องหน้า ทัศนวิสัยถูกบดบังไว้โดยกำแพงสูงสีเทาอย่างสมบูรณ์

ทันใดนั้น มันเริ่มทบทวนสถานการณ์รอบตัวและจำได้ว่า ตนกับมิสเตอร์อะซิก ‘หล่น’ ลงมายังมิติใต้ดินแห่งนี้ ลักษณะของมันคล้ายกับซากอารยธรรมโบราณสักแห่ง

ถูกส่งมายังเป็นดินแดนแห่งใหม่ หรือว่าเรายังอยู่ในเบ็คลันด์?

ขณะไคลน์ครุ่นคิด เสียงของอะซิกดังแว่ว

“คุณรีบหนีไปก่อน วิ่งขึ้นไปทางด้านบน”

หือ…?

โดยไม่มีโอกาสทำความเข้าใจ อากาศว่างเปล่าทางซ้ายมือไคลน์พลันส่องแสงเจิดจ้าอย่างกะทันหัน ตามด้วยการก่อตัวเป็นบานประตูมายาเปิดจากด้านในสู่ด้านนอก

บานประตูคล้ายกับทำจากทองแดง แต่ด้วยความเป็นภาพมายา ประตูจึงดูกึ่งสมจริงกึ่งเวทมนตร์ ผิวของบานประตูถูกสลักด้วยอักขระพิสดารเบียดเสียด

เพียงชำเลืองมอง ไคลน์สัมผัสได้ถึงความรู้สึกหนักอึ้งทันที

ทันใดนั้น เสียงประตูดังเปิดแง้ม ฝ่ามือสีขาวซีดชุ่มเลือกพุ่งพรวดออกจากบานประตูทีละข้าง ตามด้วยเถาวัลย์ยักษ์สีเขียวเข้มซึ่งมีใบหน้าของทารกและหนวดปีศาจ

ลักษณะการใช้งานคล้ายคลึงกับสมบัติวิเศษของชารอน…

ขณะใช้ความคิด ไคลน์เริ่มตระหนักว่าท่อนแขน เถาวัลย์ และหนวดปีศาจมิได้บ้าคลั่งเหมือนกับของชารอนเสียทีเดียว พวกบรรจงสานขัดกันจนมีลักษณะคล้ายกับบันไดทอดยาวลงมาถึงพื้น มิได้เกรี้ยวกราดประหนึ่งพยายามกระชากลำดับ 6 ซอมบี้ เข้าไป

ถัดมา เมื่อบานประตูอ้ากว้าง มนุษย์คนหนึ่งย่างกรายลงมาอย่างไม่รีบร้อน

เป็นชายสวมคลุมชุดนักบวชสีดำทรงโบราณ ใบหน้ากระจ่างชัดและสมส่วน ลักษณะคล้ายกับรูปแกะสลักจากยุคเก่าแก่

เส้นผมสีทองเข้ม ดวงตาน้ำเงินเข้ม ดั้งจมูกสูงโด่ง สวมหมวกใบเล็กซึ่งได้รับความนิยมในหมู่คนสูงอายุ จอนตรงขมับทั้งสองข้างเป็นสีเทา ขัดกันกับหน้าตาวัยกลางคน

เมื่อมองเข้าไปในแววตาอันไร้ชีวิตชีวาโดยสิ้นเชิง ไคลน์ไม่มีวันลืมชื่อของบุคคลผู้นี้

อินซ์·แซงวิลล์!

อดีตอาร์ชบิชอปแห่งโบสถ์รัตติกาล ผู้เคยชักใยและวางแผนทำให้เหยี่ยวราตรีเมืองทิงเก็นได้รับความพินาศ รวมถึงยังเป็นเจ้าของสมบัติปิดผนึกรหัส 0-08!

แทบจะในพริบตา ไคลน์หันหลังกลับและรีบสับเต็มฝีเท้าตามคำสั่งของอะซิก ชายหนุ่มเผ่นหน้าตั้งขึ้นไปตามแนวกำแพงหินสีเทาและถนนก้อนหิน อันนำทางไปสู่อาคารด้านบน

มันทราบอย่างเต็มอกว่า ผู้วิเศษลำดับ 6 อย่างตน จะไม่ต่างอะไรกับ ‘ภาระ’ ในสงครามการดวลของครึ่งเทพ

เพื่อแข่งกับเวลา ไคลน์ไม่มัวเสียเวลาประดิษฐ์ถ้อยคำถ่อมตนหรือแสดงความเป็นพระเอกออกมา เพราะนี่คือหนทางรอดเดียวสำหรับตนและอะซิก ในการฝ่าฟันให้พ้นจากวิกฤติปัจจุบัน!

กึก. กึก. กึก.

เมื่อเริ่มตระหนักว่าไม่มีสิ่งใดสามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับจุดไฟ ไคลน์ทำเพียงขบกรามกรอดอย่างหัวเสียและเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นจนถึงขีดจำกัดร่างกาย

ขณะวิ่ง สุ้มเสียงอะซิกดังแว่วอ่อนโยน

“หนีจนกว่าคุณจะพ้นจากอันตราย ไม่ต้องห่วงผม ความทรงจำสมัยในอดีตกลับคืนมามากแล้ว ทราบถึงขั้นว่า ผมเคยติดอยู่ในบางลำดับมาเป็นเวลานานนับพันปี โอสถดังกล่าวมีชื่อว่า ‘อมรณา’ ”

กึก. กึก. กึก.

ไคลน์ยังคงวิ่งวนไปตามแนวถนนหิน จนกระทั่งถึงทางเดินยาวระนาบ ด้านบนเป็นหลังคาโดมสูง ผนังสองฝั่งเต็มไปด้วยภาพจิตรกรรมและร่องรอยผุพัง

ทันใดนั้น ชายหนุ่มได้ยินเสียงแหบพร่าแต่เปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจ จากจุดเดิมซึ่งตนและอะซิกถูกส่งเข้ามา

“ตรงนี้ไม่อนุญาตให้เดินทางข้ามมิติ!”

บุคคลผู้หนึ่งปรากฏตัวข้างอินซ์·แซงวิลล์จากความว่างเปล่า มันกำลังลอยตัวกลางอากาศโดยไม่สนกฎเกณฑ์แรงโน้มถ่วงใดๆ

ใบหน้าสวมหน้ากากสีทองหรูหราปกปิด

อินซ์·แซงวิลล์มิได้จู่โจมใส่อย่างบุ่มบ่าม ตรงกันข้าม มันชำเลืองหางมองร่างไคลน์ผู้กำลังวิ่งจากไปไกลทุกขณะ

ในฐานะลำดับ 4 แห่งเส้นทางเทพธิดารัตติกาล ‘ผู้พิทักษ์ราตรี’ อินซ์·แซงวิลล์มีอำนาจในการสร้างความโชคร้ายให้แก่เป้าหมายเล็กน้อย ทว่า แม้มันจะพยายาม ‘อวยพร’ ไคลน์ด้วยสายตาอยู่พักใหญ่ แต่ชายหนุ่มกลับไม่ประสบอุบัติเหตุลื่นล้มหรือหล่นลงไปในหุบเหวลึกตามความต้องการ

ไม่เพียงเท่านั้น อินซ์·แซงวิลล์รู้สึกคล้ายกับตนได้เห็นภาพหลอนของกลุ่มหมอกสีเทา

โดยไม่มัวคิดให้ปวดหัว มันเบือนหน้ากลับมาสนใจอะซิก·อายเกส

กึก. กึก. กึก.

ขณะกำลังวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด ไคลน์เกิดชะงักกะทันหันเนื่องจากสัมผัสวิญญาณระบุชัดเจนว่าข้างหน้ามีคนกลุ่มหนึ่ง กลุ่มผู้วิเศษ!

ต้องเป็นองครักษ์แน่… หลังจากยืนพินิจพิเคราะห์ ชายหนุ่มยกมือซ้ายขึ้นมาปาดใบหน้า

โดยไม่ต้องรอนาน เสียงกระดูกลั่นเริ่มดังเล็ดลอดออกมาอย่างแผ่วเบา พร้อมกับการเพิ่มขึ้นของส่วนสูงราวเจ็ดถึงแปดเซนติเมตร

เมื่อมือซ้ายพ้นจากใบหน้า มันได้กลายเป็นชายวัยกลางคน ดวงตาข้างเดียว เส้นผมสีทองเข้มและดั้งจมูกโด่ง อินซ์·แซงวิลล์!

หลังจากยืนนึกทบทวนการแต่งกายของอีกฝ่าย ไคลน์อาศัยเวทมนตร์ลวงตาเปลี่ยนแปลงเสื้อผ้าของตนพร้อมกับเดินเข้าไปในโถงทางเดินใหญ่ของอาคาร

องครักษ์สวมเกราะดำสี่คนพลันหันมาจ้อง

สีหน้าของไคลน์ยังคงเยือกเย็นขณะย่างกรายเข้าใกล้ ก่อนจะดัดเสียงให้แหบและกล่าวด้วยมาดเคร่งขรึม

“มีผู้บุกรุก! ฉันกำลังตามล่ามันอยู่ พวกนายพบเบาะแสบ้างไหม”

รอบตัวไคลน์กำลังเต็มไปด้วยแสงสีฟ้าอ่อน มันตระหนักว่าตนกำลังอยู่ภายในอุโมงค์ลึกลับของบางสิ่ง เบื้องหน้ามีม่านแสงซ้อนทับหลายชั้น ซ้ายขวาเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตล่องหนแหวกว่ายไปมา

ไคลน์ไม่มัวเสียเวลาสำรวจ มันรีบนำพาตัวเองไปยังอีกฝั่งของอุโมงค์โดยเร็ว

ก่อนจะถึงทางออก ชายหนุ่มจัดระเบียบเครื่องแต่งกายอีกครั้งให้เหมือนกับไม่มีความทุลักทุเลเกิดขึ้น จากนั้นจึงเดินผ่านม่านแสงลักษณะคล้ายคลื่นน้ำเข้าไป

ภาพการมองเห็นเริ่มบิดเบี้ยวเล็กน้อย

เพียงไม่นาน ไคลน์พบว่าตัวเองถูกส่งออกมายังอีกห้องโถงหนึ่ง รอบตัวมีองครักษ์สองสามคนคอยอารักษ์เหมือนกับอีกฝั่ง

“มีบางสิ่งไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นใต้ดิน คอยจับตามองเอาไว้ให้ดี ห้ามมิให้ผู้ใดผ่านเข้าออกโดยเด็ดขาด” ไคลน์มอบคำสั่งอย่างสุขุมลุ่มลึก ตามด้วยการเดินออกจากประตูห้องโถงโดยไม่รีบร้อน

“รับทราบครับ! มิสเตอร์แซงวิลล์!” องครักษ์ขานรับแข็งขันไล่หลัง

ผ่านไปเพียงครู่เดียว องครักษ์จากอีกฝั่งได้ผ่านอุโมงค์แสงเข้ามาและรีบตะโกนโหวกเหวกอย่างลนลาน

“อินซ์·แซงวิลล์คนเมื่อครู่มีพิรุธ!”

ทุกคนรีบหันกลับไปทางประตูห้องโถง แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า

กึก. กึก. กึก.

องครักษ์รีบกระจายตัวออกตามหาทุกซอกมุมของอาคาร พวกมันคอยเน้นย้ำกับทุกคนตลอดทางว่า ‘อินซ์·แซงวิลล์มีพิรุธ’

บรรยากาศเป็นไปในทำนองโกลาหล

ผ่านไปสักพัก องครักษ์คนหนึ่งหักเลี้ยวมุมทางเดินและพบกับแผ่นหลังอินซ์·แซงวิลล์เข้าโดยบังเอิญ

โดยไม่รีรอ มันรีบชักดาบอาบสายฟ้าออกมากำแน่นตามสัญชาตญาณ ก่อนจะพุ่งฟันใส่ด้วยท่วงท่าเกรี้ยวกราด

แคว่ก!

‘อินซ์·แซงวิลล์’ ลอยปลิวและฉีกขาดเหมือนกับกระดาษ

พร้อมกันนั้น เสียงปืนดังสนั่นสองนัดซ้อนจากมุมมืด กระสุนสีทองอ่อนพุ่งใส่บริเวณกะบังหน้าของหมวกเหล็กซึ่งไม่ถูกเลื่อนลงมาปิด หัวกระสุนทะลวงผ่านเนื้อหนังมนุษย์และทำลายทุกสิ่งบนเส้นทาง

ไม่มีโอกาสแม้แต่จะส่งเสียงร้อง องครักษ์โชคร้ายทรุดลงบนพื้นด้วยร่างกายชักกระตุก

ไคลน์โผล่ออกจากเงามืดตรงมุมทางเดิน พลางเก็บลูกโม่ดัดแปลงกลับเข้าซองปืนรักแร้ด้วยสีหน้าเย็นชา

มันเผาเศษกระดาษรูปคนทิ้ง ก่อนจะลากองครักษ์เข้าไปซ่อนในอีกห้อง และนำชุดเกราะสีดำของศพมาสวมแทน ใบหน้าเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นองครักษ์คนดังกล่าว

ถัดมา ไคลน์ก้มหยิบดาบอาบสายฟ้าและเดินออกจากห้องด้วยประตูอีกฝั่ง

มันเริ่มวิ่งด้วยสีหน้า ‘แตกตื่น’

ไคลน์เตรียมบอกกับ ‘พวกพ้อง’ ทุกคนว่า มีบางสิ่งผิดปรกติเกี่ยวกับอินซ์·แซงวิลล์!

……………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ