ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 490

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 490 : คำเตือนจากอดีตกะลาสี
ราชันเร้นลับ 490 : คำเตือนจากอดีตกะลาสี
โดย
Ink Stone_Fantasy
ณ ห้องรับรองขนาดกว้างขวางของบริษัทชายบัตรประจำท่าเรือพริสต์ ถึงแม้จะมีจุดจำหน่ายบัตรมากถึงเจ็ดแถว แต่ทุกแถวล้วนมีคนยืนต่อคิวไม่ต่ำกว่าสิบ

ไคลน์เพียงชำเลือง แต่ไม่ได้เดินเข้าไปต่อแถวสั้นสุด ตรงกันข้าม ชายหนุ่มเดินสองก้าวไปทางขวามือและหยุดยืนใกล้กับกระดานไม้สีน้ำตาลเข้ม

บนกระดานเต็มไปด้วยแผ่นกระดาษข้อมูลการเดินเรือในช่วงเวลาไม่กี่สัปดาห์ก่อน มีทั้งชื่อเรือ ปลายทาง ท่าจอดพักระหว่างทาง และราคาของแต่ละห้องโดยสาร

อย่างก็ตาม ขณะไคลน์กำลังเดินเข้าไปใกล้เพื่อสำรวจ พนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามาวาดวงกลมสีแดงบนบัตรโดยสารชั้นสองของเรือลำหนึ่ง ปากกาแดงวงรอบคำว่า ‘บัตรหมด’

“ได้รับความนิยมงั้นหรือ…” ไคลน์พึมพำ

“แน่นอนอยู่แล้ว ท่าเรือพริสต์ได้รับความนิยมอันดับหนึ่งในอาณาจักร ผู้คนมากมายเลือกใช้เป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางไปยังทวีปใต้หรือเกาะอาณานิคมอื่นๆ โดยรอบ เพื่อแสวงหาความมั่งคั่ง” ชายวัยกลางคนซึ่งกำลังยืนใกล้กับประตู หันมากล่าวกับไคลน์ด้วยน้ำเสียงกึ่งโอ้อวด

มันสวมหมวกสีดำ เสื้อลายตารางหมากรุกสีขาวสลับดำคล้ายตำรวจ เพียงแต่ไม่มีอินทรธนู สิ่งตกแต่งเดียวบนเสื้อผ้าคือเข็มกลัดรูปนกนางนวลบนหน้าอก โดยเป็นสัญลักษณ์เดียวกับป้ายบริษัทขายบัตรโดยสารประจำท่าเรือพริสต์

ชายวัยกลางคนมีใบหน้า หลังมือ และผิวหนังนอกร่มผ้าเป็นสีน้ำตาลอมแดง ผิวพรรณหยาบกร้าน คล้ายกับถูกลมทะเลและแสงแดดกัดกร่อนนานหลายปี มอบกลิ่นอายเกลือเค็มแก่ผู้พบเห็นทั่วไป

ถ้ามีการทะเลาะวิวาทเกิดขึ้น ให้ไปตามคนคุมในห้องรับรอง… นี่คงเป็นคนคุมสินะ…

ไคลน์ทวนข้อความบนคำเตือนหน้าประตู ชายหนุ่มไม่ถือสาเมื่อคนแปลกหน้าเป็นฝ่ายเริ่มทักทายก่อน เพียงยิ้มและตอบอย่างมีมารยาท

“ดูเหมือนคุณรู้จักท่าเรือแห่งนี้ค่อนข้างดีสินะครับ”

เมื่อได้ยินคำถาม ชายวัยกลางคนตอบด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย

“ผมเคยเป็นกะลาสีของกองเรืออาณาจักรมาก่อน ประจำการ ณ ฐานทัพหลักของท่าเรือพริสต์บนเบาะเกาะโอ๊ค รับใช้กองทัพนานถึงสิบห้าปีเต็ม อาศัยอยู่ในทะเลละแวกนี้มานานมาก หากไม่เพราะถูกสงครามไบลัมตะวันออกทำลายสุขภาพ ป่านนี้คงยังแข็งแรงและเป็นกะลาสีได้อีกไม่ต่ำกว่าสิบปี! ผมรู้จักท่าเรือแห่งนี้ดีพอๆ กับร่างกายของภรรยา!”

คำพูดคำจาค่อนข้างมีการศึกษา แต่เราสำหรับได้ถึงความหุนหันเล็กน้อย…

ไคลน์ตัดสินใจรวบรวมข้อมูลการเดินทางในทะเลกับอีกฝ่าย

“คุณจึงได้มาเป็นคนคุมของบริษัทนี้หลังจากเกษียณอายุงาน?”

“เปล่า ตอนแรกผมไปเป็นนักเรียนภาคค่ำมาก่อนสองปี ควบคู่กับการทำงานเป็นยามของโรงเรียน แต่ให้ตายสิ พระองค์วายุสลาตัน! คุณคงจินตนาการออกใช่ไหม ผมต้องไปท่องหนังสือร่วมกับกลุ่มวัยรุ่น แถมพวกเขายังมีความคำดีกว่าผมมาก!” คนคุมแถวแสดงสีหน้าขื่นขมขณะเล่าอดีตแสนเจ็บปวด

ขณะกล่าวอธิบาย มันตบต้นขาแผ่วเบาและถอนหายใจยาว

“แต่น่าเสียดาย เข่าของผมมิอาจทนต่อสภาพอากาศอันเลวร้ายไหว ไม่อย่างนั้น ป่านนี้คงได้เป็นครูสอนหนังสือภาคค่ำไปนานแล้ว การได้อยู่ร่วมกับเด็กๆ ทำให้ผมรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เหตุผลหลักคือเรื่องเงิน ถ้าคุณมีภรรยาและลูกสี่คนให้ดูแล จะไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าเงินทองอีกแล้ว”

มิสเตอร์ คุณไม่พล่ามเรื่องของตัวเองมากไปหน่อยหรือ…นี่คงเป็นเหตุผลให้บริษัทจ้างคุณมาเป็นคนคุม…

ไคลน์เพียงยิ้ม ไม่สานต่อบทสนทนาเดิม

“ผมมีข้อสงสัย หลังจากอ่านคำเตือนบนประตูและพบว่าบริษัทแห่งนี้ห้ามเปิดปลาหมาป่ากระป๋องโดยเด็ดขาด ว่ากันตามตรง ผมไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้มาก่อน”

คนคุมแถวพลันทำสีหน้าซับซ้อน

ตามด้วยการแสร้งบีบจมูกและเล่า

“มันคืออาหารยอดนิยมในแถบชายฝั่งตะวันออกของฟุซัคและหมู่เกาะการ์กัส เกิดจากการนำปลาหมาป่าไปหมักในน้ำเกลือโดยไม่เอาเลือดออก กลิ่นของมัน… กลิ่นของมันห่วยบรม! ทั้งเหม็นเน่าและน่ารังเกียจ!”

อาหารต่างถิ่นนี่เอง…

ไคลน์ยิ้ม

“แต่ผมไม่เคยได้ยินว่ามีใครเปิดกระป๋องปลาระหว่างเข้าคิวรอซื้อบัตรโดยสาร”

“ผิดแล้วสหาย คุณยังไม่รู้จักโลกนี้ดีพอ สักวันคงได้ลิ้มรสประสบการณ์ดังกล่าวด้วยตัวเอง” คนคุมเผยสีหน้าประหวั่น “ครั้งหนึ่งเคยมีคนเถื่อนจากแดนเหนือมาต่อแถวซื้อบัตรโดยสาร แต่มันเกิดความหงุดหงิดเน่องจากมีคนรอต่อคิวมากเกินไป จึงเปิดกระป๋องปลาหมาป่าออก ไม่ถึงสิบวินาที ทั่วทั้งห้องขายบัตรเหลือเพียงมันและผู้ชายอีกสองสามคน”

นี่มัน… อาวุธชีวภาพ… ไม่ต่างจากขวดพิษชีวภาพของเราเลยสักนิด… ไคลน์ยิ้ม

“คุณกำลังจะบอกว่า เขาแซงคิวซื้อบัตรโดยสารสำเร็จ ส่งผลให้บริษัทต้องเขียนคำเตือนติดไว้หน้าประตูใช่ไหม”

“เปล่า ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามความคาดหมายของมัน เนื่องจากสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีพนักงานขายบัตรล้วนเผ่นหนีไปเพราะกลิ่นของปลาหมาป่ากระป๋อง ฮะฮะ! คุณเองก็คงทราบ พวกคนเถื่อนมีสมองน้อยกว่าลิงบาบูนขนหยิกเสียอีก!”

คนคุมแถวหัวเราะชอบใจ

“ไม่เพียงเท่านั้น เคยมีข่าวลืออันโด่งดังสมัยผมยังเป็นกะลาสี โจรสลัดกลุ่มหนึ่งได้ดักปล้นเรือของพ่อค้าซึ่งเดินทางออกจากโรลส์ เอ่อ… โรลส์คือเมืองแถบชายฝั่งตะวันออกของฟุซัค สรุปโดยสั้น กลุ่มโจรสลัดไล่เปิดถังและหีบทั้งหมดบนเรือเพื่อหวังปล้นทรัพย์สิน แต่พวกมันกลับไปเปิดถังดองปลาหมาป่าเข้า คุณจินตนาการผลลัพธ์ออกไหม? ถูกต้อง! โจรสลัดบางคนหมอสติ บางคนอ้วกแตกอ้วกแตนและไม่เหลือเรี่ยวแรงต่อสู้ ส่งผลให้กลุ่มลูกเรือของพ่อค้านำตัวพวกมันไปขึ้นค่าหัวเป็นเงินก้อนโต”

“ผมชอบเรื่องนี้” ไคลน์พยายามกลั้นขำ

จากนั้น ชายหนุ่มหันกลับไปมองแผ่นกระดาษสีขาวบนกระดานไม้สีน้ำตาล เพื่อตรวจสอบว่ามีเรือลำใดแล่นผ่านท่าเรือพริสต์ในวันพรุ่งนี้บ้าง

ในฐานะมืออาชีพ ไคลน์ย่อมทำนายถึงวันเวลาอันเหมาะสมในการออกเดินทาง และได้รับคำตอบออกมาเป็น ฤกษ์งามยามดีคือ 5 มกราคมและ 8 มกราคม โดยจากบรรดาเรือเดินสมุทรซึ่งมุ่งหน้าไปยังหมู่เกาะรอสต์ เรือนักบุญฟรานและเรือโมราขาวเหมาะแก่การเดินทางอย่างมาก

โชคยังดี บัตรโดยสารของเรือทั้งสองลำยังว่างอยู่ และราคาก็ใกล้เคียงกันมาก ประกอบด้วย สี่ปอนด์สำหรับห้องชั้นสาม สิบปอนด์สำหรับห้องชั้นสอง และสามสิบห้าปอนด์สำหรับห้องชั้นหนึ่ง…

ชาวทะเลมักศรัทธาเทพวายุสลาตัน ไม่เว้นแม้แต่คนของอินทิสและฟุซัคซึ่งไม่มีศาสนาวายุสลาตันภายในประเทศ โดยบรรดาลูกเรือและพ่อค้ามักแอบนับถือศาสนาต้องห้ามเพื่อความราบรื่นในการเดินทาง… เรือนักบุญคงเป็นของโบสถ์วายุสลาตันไม่ผิดแน่ และน่าจะมีประวัติยาวนานพอสมควร…

ไคลน์ก้มหน้าครุ่นคิด มันค่อนข้างเอนเอียงไปทางเรือโมราขาว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ