เนื่องจากหมู่เกาะรอสต์มีทรัพยากรถ่านหินอุดมสมบูรณ์ เมืองบายัมจึงมีลักษณะคล้ายกับเมืองสำคัญบนแผ่นดินใหญ่อย่างเบ็คลันด์หรือพริสต์ ริมถนนมีโคมไฟตะเกียงวางเรียงรายสว่างไสว เผยให้เห็นบรรยากาศค่อนข้างสะอาดสะอ้านของเมืองอย่างแจ่มชัด
อัลเจอร์ดึงผ้าคลุมหัวขึ้นและเดินเข้าไปในตรอกด้านข้างอย่างไม่รีบร้อน จนกระทั่งเข้ามาถึงด้านในสุด จมูกเริ่มได้กลิ่นฉุนของฉี่ปะปนกับเหล้าเจือจาง จริงอยู่ ผับใบไม้หอมอาจมีห้องน้ำไว้คอยบริการลูกค้า แต่ในบางสถานการณ์ ขี้เมาหลายคนทนต่อคิวไม่ไหวและออกมาปลดทุกข์ในมุมมิดชิดด้านนอก
แสงจันทร์แดงสลัวส่องทะลุผ่านกลุ่มเมฆหนาทึบลงมายังด้านล่าง ตรอกแห่งนี้ก็ไม่เว้นเช่นกัน
ขณะอัลเจอร์แสร้งทำเป็นเตรียมฉี่เหมือนกับขี้เมาคนอื่น สุ้มเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย
“นายจงใจปล่อยข่าว ‘เพลิงพิโรธ’ ให้พวกเราได้ยินใช่ไหม”
หึ… ก็ไม่โง่นี่นา…
อัลเจอร์เหยียดหยันในใจ พลางหันหน้ากลับไปหาอย่างเชื่องช้า โดยไม่ประมาทการลอบจู่โจมฉับพลัน
ห่างออกไปราวเจ็ดแปดก้าว บุคคลผู้หนึ่งกำลังยืนพิงกำแพงตรอก
สูงประมาณ 1.78 เมตร สวมหมวกพับทรงทหารเรือ ใบหน้าคมชัด คางแหลม แววตาเผยกลิ่นอายคุกคามตลอดเวลา
ปอยผมสีดำห้อยหนึ่งกระจุก ดวงตาสีเขียวเข้มถูกปิดไว้หนึ่งข้าง ช่วยให้บรรยากาศเย็นชารอบตัวบรรเทาลงเล็กน้อย
แม้ว่าภาพวาดในใบประกาศจับจะแตกต่างจากตัวจริงเพียงเล็กน้อย แต่โจรสลัดชื่อดังมักเดินเตร็ดเตร่ตามท้องถนนโดยปราศจากการปลอมตัว
อัลเจอร์ผู้เป็นวงในของโบสถ์วายุสลาตัน ย่อมเคยเห็นภาพประกาศจับโจรสลัดชื่อดังเกือบทั้งหมดซึ่งถูกวาดขึ้นจากพิธีกรรม แถมยังเคยเข้าร่วมชุมนุมโจรสลัดใหญ่ จึงสามารถเปรียบเทียบใบหน้ากับค่าหัวของอีกฝ่ายแทบจะในทันที
อย่างไรก็ตาม มันไม่แสดงความมันมั่นใจอันผิดธรรมชาติให้ทางนั้นเห็น เพียงทำท่าลังเลเล็กน้อยก่อนจะถามเสียงแผ่ว
“สควอลผู้เยือกเย็น?”
มือขวาคนสำคัญของ ‘เหล็กกล้า’ แม็ควิตี้ โดดเด่นในด้านการควบคุมอารมณ์และความเยือกเย็นผิดมนุษย์ ขณะเดียวกันก็มีศีลธรรมพิการผิดมนุษย์ด้วยเช่นกัน ค่าหัวของมันคือหนึ่งพันห้าร้อยปอนด์
อีกฝ่ายจัดระเบียบโค้ทขนสัตว์สีดำพลางเปล่งเสียงหน้านิ่ง
“ถ้าปฏิเสธแล้วจะเชื่อหรือ? คงไม่กระมัง… ก็เหมือนกับนาย ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า นายจงใจกล่าวถึง ‘เพลิงพิโรธ’ ต่อหน้าโอรูม่าเพื่อให้พวกเราได้ยิน เจ้านั่นไม่ชอบใช้สมองสักเท่าไร แตกต่างจากฉัน”
“ไม่ได้คิดปิดบังกันอยู่แล้ว ฉันแค่ต้องการแลกเปลี่ยนข้อมูลบางอย่างเท่านั้น ระหว่าง ‘เพลิงพิโรธ’ ผู้หัวเดียวกระเทียมลีบ กับ ‘เหล็กกล้า’ ซึ่งเต็มไปด้วยผู้ช่วยมากฝีมือ คนสมองไม่บกพร่องคงเลือกได้ไม่ยากว่าควรทำงานให้ใคร แต่ฉันหวังว่านายจะช่วยปิดบังแหล่งข่าวไว้เป็นความลับ พอดีว่าไม่อยากถูกพลเรือโทธารน้ำแข็งไล่ล่าในภายหลัง” อัลเจอร์ตอบสุขุม
สควอลพยักหน้ารับ
“เล่ามา”
“เคยเล่าบางส่วนไปแล้ว ฉันได้พบ ‘เพลิงพิโรธ’ เข้าโดยบังเอิญในบ่อนพนันเหรียญทอง มันบอกให้ฉันช่วยรวบรวมเบาะแสและแหล่งกบดานของ ‘เหล็กกล้า’ หึหึ… ดูเหมือนเจ้านั่นจะวางแผนลอบจู่โจมกระมัง”
อัลเจอร์หัวเราะในลำคอ
“เราสองคนนัดแนะพิกัดสำหรับติดต่อสื่อสารกันไว้ ฉันคิดว่าข้อมูลนี้มีมูลค่าราวหนึ่งพันปอนด์”
“หนึ่งพันปอนด์? เงยหน้าขึ้นไปมองดวงจันทร์บนฟ้า นายไม่ได้กำลังฝัน!”
สควอลแผดเสียง
“นี่อาจเป็นกับดักของ ‘เพลิงพิโรธ’ ก็ได้ มันอาจมีผู้ช่วยคนอื่นคอยสนับสนุน ถึงได้กล้ามองหาโอกาสแก้แค้น”
“เป็นกับดักหรือไม่ ฉันไม่ใช่คนตัดสิน… ห้าร้อยปอนด์ ถ้าต่ำกว่านี้จะทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น”
อัลเจอร์ต่อรองค่าจ้างเสียงขรึม
“สามร้อยปอนด์ และนายต้องตามฉันไปกักตัวสักพัก เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้มีการนำข่าวไปขายกับคนอื่นจนแผนการของพวกเราคลาดเคลื่อน จะจ่ายเงินทันทีเมื่อ ‘เพลิงพิโรธ’ ถูกจับกุมหรือไม่ก็ถูกสื่อวิญญาณ ไม่ต้องกังวล อาหาร เหล้า และเตียงนอนฟรีทุกอย่าง! แต่ถ้าข่าวของนายทำให้พวกเราเดือดร้อน หึหึ… คงรู้ใช่ไหมว่ามีผลลัพธ์แบบใดรออยู่” สควอลมอบข้อเสนออันยากปฏิเสธ
เป็นไปตามคาด เนื่องจากเบื้องหลังของเรายังคลุมเครือและไม่เคยเป็นพิษภัยกับใคร พวกมันจึงเลือกกักตัวชั่วคราวมากกว่าฆ่าทิ้งเพื่อปิดปากให้วุ่นวาย…
แต่ถึงอย่างนั้น เราก็เตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายไว้แล้ว ต่อให้ ‘เหล็กกล้า’ ปรากฏตัวออกมาเอง แต่ลำพังการหลบหนีก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรนัก…
อัลเจอร์ตรึกตรอง
“ต้องไม่เกินสองวัน ไม่อย่างนั้น ลูกเรือของฉันจะหนีไปพร้อมกับเรือ”
“ถ้าเกินสองวัน ทางนี้จะส่งคนไปแจ้งให้พวกเขาทราบเอง” สควอลชักมีดคมกริบออกมาถือ ตามด้วยการโยนให้ตีลังกากลางอากาศประหนึ่งแสดงกายกรรม
หลังจากอัลเจอร์อธิบายรายละเอียดของจุดติดต่อและวิธีการติดต่อกับบ้านร้างหมายเลข 15 บนถนนไม้หอม สควอลไม่กล่าวสิ่งใดต่อ เพียงหันหลังกลับและเดินนำทางอัลเจอร์ หักเลี้ยวซ้ายขวา จนกระทั่งถึงบ้านหลังหนึ่งซึ่งมีลักษณะภายนอกไม่โดดเด่น
“ไม่ได้พบกันเสียนาน กัปตันผมน้ำเงินแห่งเรือผีสิง” ชายชราผมสีขาวแซมดำเปิดประตูออกมาต้อนรับ การแต่งกายของมันคล้ายกับคนพื้นเมือง สวมกางเกงขาบานใส่สบาย
“เฒ่าควินน์ สรุปแล้ว นายเป็นสายลับให้พลเรือเอกโลหิตจริงหรือ…” อัลเจอร์อ้าปากค้างอย่างประหลาดใจ
เฒ่าควินน์ยิ้ม
“ข่าวลือมีทั้งจริงและเท็จเสมอ ข่าวใดผู้คนมักคิดว่าเป็นเท็จ บางทีมันอาจจริง”
เฒ่าควินน์มิได้เปิดโคมไฟติดผนัง เพียงถือเชิงเทียนในมือเดินนำอัลเจอร์และสควอลลงไปยังห้องใต้ดินสภาพโอ่โถงและปราศจากหน้าต่าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ