เดนิสขมวดคิ้ว ทำได้เพียงจ้องมองแผ่นหลังเกอร์มัน·สแปร์โรว์ลับสายตาโดยยังไม่ทราบจุดประสงค์แท้จริงของอีกฝ่าย
มันกำลังตามหาอะไร?
เงินทอง? ชื่อเสียง?
มีโอกาสมากมายในการนำศีรษะของ ‘เหล็กกล้า’ กับ ‘พุ่มหนามสีเลือด’ ติดตัวกลับมากขึ้นเงินรางวัลกว่าหนึ่งหมื่นปอนด์ หรือต่อให้ถูกหักค่านายหน้าก็คงไม่ต่ำกว่าเจ็ดพันปอนด์ แต่ชายคนนั้นกลับไม่ทำ แถมยังมีส่วนแบ่งให้เราอย่างเท่าเทียม แตกต่างจากเมื่อครั้งทราบว่าเราคือ ‘เพลิงพิโรธ’ เจ้าของค่าหัวสามพันปอนด์…
หากยืมคำพูดกัปตันมาใช้ สิ่งเหล่านี้ไม่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์…
ทำไมถึงยอมปล่อยมือจากเงินค่าหัวง่ายดายนัก? นอกเสียจากจะมีวิธีขึ้นเงินรางวัลทางอื่น ซึ่งอาจจะปลอดภัยกว่าและไม่ต้องเสียค่านายหน้า…
หรือหมอนั่นมีเครือข่ายลับ?
ต้องใช่แน่! เรื่องราวทั้งหมดจะลงตัวพอดี!
ผนวกกับเหตุการณ์ครึ่งเทพลอบสังหารพลเรือโทวายุ คีลิงเกอร์ ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า เกอร์มัน·สแปร์โรว์มีองค์กรใหญ่คอยหนุนหลัง!
เดนิสเริ่มหวั่นวิตกเมื่อได้ข้อสรุป
มันต้องการแสดงออกเป็นภาษากาย แต่ดันลืมว่าแขนซ้ายยังคงบาดเจ็บ จึงกัดฟันกรอดพลางเผยรอยยิ้มขื่นขม
สิ่งนี้ยิ่งสร้างความหวาดระแวงแก่เดนิส มันไม่ต้องการให้กัปตันของตนพัวพันกับบุคคลอันตรายและเสียสติ
เดนิสถึงขั้นตั้งข้อสงสัยว่า จุดประสงค์แท้จริงของเกอร์มัน·สแปร์โรว์คือเงินค่าหัวจำนวนสองหมื่นหกพันปอนด์ของเอ็ดวิน่า·เอ็ดเวิร์ด!
จริงอยู่ หากเป็นการดวลตัวต่อตัว หมอนั่นอาจยังเอาชนะกัปตันไม่ได้ แถมยังมีรองกัปตัน ผู้ช่วยกัปตัน ผู้ช่วยรองกัปตัน และสรั่งเรือคอยช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก แต่เบื้องหลังของเกอร์มัน·สแปร์โรว์คือองค์กรขนาดใหญ่!
แม่เย็*! ถ้าเอ็งอยากทำร้ายกัปตัน ก็ต้องข้ามศพฉันไปก่อนโว้ย!
เดนิสสูดลมหายใจยาว พองหน้าอกขึ้นและทำสีหน้าราวกับเตรียมสละชีวิต
มันใช้มือขวาจัดทรงผมพลางหายใจออก ก่อนจะพึมพำกับตัวเองเสียงแผ่ว
“อย่าวู่วาม… ลองดูไปก่อน บางทีเกอร์มันอาจแค่ต้องการถามกัปตันจริงๆ”
มันมองไปรอบตัว และพบว่าพรมวิเศษกับผ้าคลุมเงายังคงอยู่ดี ไม่ได้ถูกนำไปด้วย
หนอย… เจ้าเล่ห์นักนะ!
“หมอนั่นทิ้งสมบัติของเราไว้ครบทุกชิ้นโดยไม่กลัวว่าจะหลบหนีเลยหรือ แอบดึงเส้นผมเตรียมไว้แล้วรึไง? ไม่ใช่แน่ ชายคนนั้นเสียสติ ถ้ามันต้องการกระจุกผมของเรา แค่เดินมากระชากไปจากหัวก็พอแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องแอบทำตอนหลับ… จริงสิ เจ้านั่นมีองค์กรลับแข็งแกร่งหนุนหลัง บางทีตอนนี้ เราอาจกำลังถูกจับตามองโดยใครสักคน และรอให้เราหนีออกไปหากัปตัน จึงค่อยสะกดรอยตาม… การออกไปข้างนอกของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ต้องมีแผนชั่วแอบแฝงอยู่แน่!”
จากประสบการณ์และสติปัญญา เดนิสเชื่อว่าสมมติฐานของตนไม่มีข้อบกพร่อง
มันเดินวนเวียนในห้องสักพัก ก่อนจะเอนหลังลงบนเก้าอี้นอนและนึกเหยียดหยัน
“ฉันจะไม่ออกไปไหนเด็ดขาด! แล้วมาดูกันว่านายจะทำยังไงต่อ! อย่าได้ฝันว่าจะแตะต้องกัปตันของฉัน!”
…
บ่ายสามโมงสิบห้า เกาะไซมีม
เกาะแห่งนี้ยังคงอยู่ในเขตหมู่เกาะรอสต์ แต่ห่างไกลจาก ‘เมืองแห่งการให้’ บายัม ราวห้าชั่วโมงด้วยเรือโดยสาร
ระหว่างทาง ชายหนุ่มแวะซื้อเสื้อผ้าคนท้องถิ่นและกระเป๋าเดินทางสำหรับบรรจุชุดเพื่อเปลี่ยนกลับ สนนราคาทั้งหมดเพียงสิบสี่ซูล ไม่ถึงหนึ่งปอนด์
ชุดทางการบนเกาะราคาถูกชะมัด…
ในสภาพสวมกางเกงขาบาน แจ็คเก็ตสีน้ำตาลตัวหนา หมวกแก๊ปสีน้ำตาล รูปโฉมคล้ายคนท้องถิ่น ไคลน์ก้าวลงจากเรือโดยสาร และย่างกรายเข้าสู่ท่าเรือไซมีมโดยไม่ทำตัวประดักประเดิด
สืบเนื่องจากใช้เวลาซื้อเสื้อผ้านานเกินไป มันจึงพลาดเรือรอบเก้าโมง และต้องรอขึ้นเรือรอบสิบโมงแทน
เมื่อคิดถึงเรื่องเงินทอง ชายหนุ่มเริ่มนึกทบทวนสถานภาพทางการเงินในปัจจุบัน
หืม… การล่าโจรสลัดถือเป็นงานในฝันเลยทีเดียว ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว มีทั้งเรื่องเงินทอง ได้กำจัดคนชั่ว ได้ปกป้องคนอ่อนแอ และกลายเป็นผู้ผดุงคุณธรรมเต็มตัว”
ไคลน์มองไปยังด้านข้างและพบน้ำทะเลสีเขียวมรกตสะอาดสดใส มองเห็นลงไปถึงทรายสีขาวด้านล่าง ผิวน้ำสะท้อนกับแสงอาทิตย์จนส่องประกายระยิบระยับ
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม นักผจญภัยรุ่นแล้วรุ่นเล่าจึงออกแสวงหาโชคในทะเลโดยไม่เกรงกลัวภัยอันตราย… หากมีดวงสักนิด การได้เป็นเศรษฐีในชั่วข้ามคือก็ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน…
ได้ยินมาว่า แถบชนบทของโลเอ็นมีวิวทิวทัศน์งดงาม แต่ถ้าเราไม่มีโอกาสได้กลับไป ก็คงต้องเลือกอาศัยในสภาพแวดล้อมคลายคลึงกัน… อีกทั้ง เรายังมีหุ้นบริษัทจักรยานเบ็คลันด์อีกสิบเปอร์เซ็นต์ ตรงนั้นสามารถงอกเงยเป็นเงินได้ในอนาคต…
ไคลน์ใคร่ครวญด้วยสีหน้ายินดี
หลังจากคิดเรื่อยเปื่อย มันเริ่มวกกลับมายังประเด็นสำคัญ นั่นคือตะกอนพลังฝันร้ายซึ่งเพิ่งถูกปล่อยจากยุบพองหิวโหย ตนควรทำอย่างไรกับสิ่งนี้ นำไปขายคืนให้โบสถ์รัตติกาล หรือส่งให้ช่างฝีมือสร้างเป็นสมบัติวิเศษ?
หากเป็นไปได้ เราอยากขายคืนให้โบสถ์รัตติกาลมากกว่า…
ไคลน์·โมเร็ตติ ผู้เคยดื่มโอสถของเหยี่ยวราตรีไปแล้วสองขวด กำลังไตร่ตรองด้วยสีหน้าสำนึกผิดเล็กน้อย
ขณะเดียวกัน มันก็หวังให้เดอะซันพัฒนาไปเป็นลำดับ 7 โดยเร็ว จะได้เข้าถึงวิธีการถอดจิตกัดกร่อนออกจากตะกอนพลังโรซาโก้
ไคลน์ยังไม่คิดเรื่องการปล่อยดวงวิญญาณ ‘นักบวชแสง’ ในถุงมือให้เป็นอิสระ เดอะซันน้อยเพิ่งได้สูตรโอสถลำดับ 7 จึงยังอีกนานกว่าจะย่อยหมดและพร้อมปรุงโอสถถัดไป
ขณะเดียวกัน พลังนักบวชแสงนับว่าชนะทางบรรดาเหยื่อของไคลน์ โดยเฉพาะกลุ่มโจรสลัดของพลเรือเอกโลหิต ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นสมาชิกโรงเรียนกุหลาบและอยู่บนเส้นทางมนุษย์กลายพันธุ์
ประสิทธิภาพของนักบวชแสงถือว่าสูงกว่าเข็มกลัดสุริยันมาก แถมยังไม่มีผลข้างเคียง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ