กระดาษเช็คเงินสดในมือ อาจบางเบาจนแทบไม่มีน้ำหนัก แต่กลับเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยยืนยันให้เอ็มลินมั่นใจว่า ตนไม่ได้กำลังฝันไป
แผนของมิสเตอร์แฮงแมนได้ผล… ลอร์ดนีบาสมิได้เปิดโปงหรือลงโทษเรา แต่กลับตกรางวัลก้อนโตตอบแทน… แถมยังทำเป็นไม่ทราบว่าเราแอบติดต่อกับเดอะฟูล แสร้งตีหน้าซื่อคอยห่วงใย เพื่อที่ตัวเองจะได้แอบจับตามองจากในเงามืด… เบื้องบนของตระกูลผีดูดเลือดช่างเจ้าเล่ห์เพทุบายนัก…
เอ็มลินใคร่ครวญสักพักก่อนถอนหายใจ
เพียงไม่นาน มันหันกลับมาสนใจในประเด็นอื่นที่สำคัญกว่า นั่นคือเงินรางวัลจำนวนเจ็ดพันปอนด์!
“ด้วยเจ้านี่ เราสามารถซื้อมรดกของบารอนผีดูดเลือดจากแฮงแมน จากนั้นก็ปรุงเป็นโอสถดื่ม เรากำลังจะได้เป็นบารอน… ลอร์ดเอ็มลิน·ไวท์ บารอนผีดูดเลือด!”
ดวงตาเอ็มลินกำลังกระจ่างใส จังหวะย่ำเท้าเป็นไปอย่างผ่อนคลาย
ในโลกของผีดูดเลือด หากไม่ได้รับมรดกจากอาวุโสผ่านพิธีกรรมเฉพาะเจาะจง ลำดับพลังของผีดูดเลือดทุกตนจะเทียบเท่ากับขณะแรกเกิด แทบไม่มีทางเพิ่มลำดับได้ด้วยอายุขัย
สำหรับผีดูดเลือดในวัยเดียวกันกับเอ็มลิน หากไม่นับกรณีของผู้โชคดี มีคนในครอบครัวใกล้ถึงอายุขัยและได้รับการส่งต่อพลังผ่านพิธีกรรม เกือบทั้งหมดจะยังอยู่เพียงระดับ ‘โตเต็มวัย’ ไม่มีโอกาสกลายเป็น ‘ขุนนาง’ ในอีกหลายสิบปีข้างหน้า
พ่อและแม่ของเอ็มลินก็มีชีวิตอยู่มานาน แต่จวบจนทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้เป็นบารอน และมองไม่เห็นโอกาสเลยสักนิด!
ขณะย่างกรายออกจากประตูคฤหาสน์ ผีดูดเลือดหนุ่ม เอ็มลิน·ไวท์ แอบชำเลืองคาซีมี·โอดราด้านข้างด้วยหางตา
ผีดูดเลือดเก่าแก่ที่เคยดำรงชีวิตอยู่ในยุคสมัยโรซายล์ ปัจจุบันก็ยังเป็นเพียงบารอน… และเรากำลังจะก้าวไปอยู่ในจุดเดียวกัน!
วันดีคืนดี เราจะกลายเป็นมาร์ควิสผีดูดเลือดเหมือนกับลอร์ดนีบาส! ไม่สิ ต้องไปให้ถึงดยุคหรือไม่ก็เจ้าชาย! การจะเป็นผู้กอบกู้ของตระกูล มีแต่ต้องไขว่คว้าสิ่งนั้นให้ได้…
อา… มรดกบารอนมีราคาเกินกว่าสี่พันปอนด์เล็กน้อย ยังเหลือเงินอีกมากสำหรับซื้อตุ๊กตาเข้าบ้านเพิ่ม แถมยังเหลือพอจะซื้อชุดใหม่ให้พวกหล่อน…
เอ็มลินเหยียดตัวตรงโดยไม่ได้ตั้งใจ สองเท้าก้าวเดินด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
…
เมืองเงินพิสุทธิ์ บ้านตระกูลเบเกอร์
เดอร์ริคจุดเทียนไข เตรียมตัวประกอบพิธีกรรมสังเวย
สายฟ้าด้านนอกผ่าสลับหยุดหลายหน จนกระทั่งเด็กหนุ่มสบโอกาสเหมาะ
มันมั่นใจมากว่า ในปัจจุบัน ‘ท่านประมุข’ ไม่สามารถจับตามองตนได้ เนื่องจากเพิ่งเดินทางออกไปพร้อมกับ ‘แจ็ค’ เด็กชายตัวเล็กที่ร่างกายพื้นฟูขึ้นจากตอนแรกพอสมควร และมีทีมสำรวจติดตามไปด้วยอีกจำนวนหนึ่ง เป้าหมายหลักคือการค้นหาสิ่งที่เรียกว่าชายฝั่งทะเล โดยจะเริ่มต้นจากซากปรักหักพังของเมืองก่อนหน้า
เดอร์ริคตั้งแท่นบูชาอย่างคล่องแคล่ว เอ่ยพระนามเต็มอันสูงส่งของมิสเตอร์ฟูลด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ ใบหน้าเปี่ยมศรัทธาและยำเกรง
เด็กหนุ่มลงมือช่ำชอง สังเวยวัตถุดิบวิเศษแก่ผู้ปกครองห้วงมิติเหนือสายหมอกเทาอย่างเป็นระเบียบแบบแผน เริ่มจากถุงกระเพาะอาหารของผู้กลืนวิญญาณ ตามด้วยวัตถุดิบวิเศษในรายการของแฮงแมน
กำแพงสูงตระหง่านของเมืองเงินพิสุทธิ์เต็มไปด้วยรอยแตก แต่ก็ถูกถมจนแน่นด้วยดินแข็งสีดำ ตามผิวดินมีวัชพืชกระจุกตัว คอยโยกเอนไปตามลมคล้ายเส้นผมของมนุษย์
ทันใดนั้น พวกมันผงาดขึ้นในลักษณะคล้ายกับต้องการจับคว้าบางสิ่ง แต่สุดท้ายก็หดกลับไปราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
…
เช้าตรู่ ณ มหาวิหารคลื่นสมุทร
อัลเจอร์·วิลสัน ผู้เดินทางรับเงินค่าหัวของเหล็กกล้ากับพุ่มหนามสีเลือด กำลังยืนฟังข่าวสำคัญจากปากโชโกรี บิชอปประจำมุขมณฑลบายัม
เลติเซีย·โดเรล่าจากนิกายมอสส์ได้ปลอมตัวเป็นนักโบราณคดี ลอบแทรกซึมเข้าไปในป่าลึกบนเกาะไซมีม ไม่มีใครทราบว่าเธอทำอะไรลงไป แต่ส่งผลให้ ‘เทพสมุทร’ คาเวทูว่า ใกล้อาละวาดอย่างเสียสติเต็มที โดยกำลังดิ้นรนเฮือกสุดท้ายเพื่อรักษาเสถียรภาพร่างกายเอาไว้
กล่าวกันว่า วิญญาณมารผู้เรียกตัวเองว่า ‘เทพสมุทร’ ได้ปกครองเกาะแห่งนี้มานาน จนกระทั่งหมู่เกาะรอสต์ถูกค้นพบ คาเวทูว่าจึงถูกพระคาร์ดินัลสองคนของกองทัพโค่นล้มด้วยพลังสมบัติปิดผนึกบางชิ้น ส่งผลให้ต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุน อาจรอดชีวิตได้อย่างหวุดหวิด แต่ต้องก็ซ่อนตัวมาตลอดนับจากนั้น
เรื่องราวข้างต้นขึ้นเมื่อหลายร้อยปีก่อน และไม่เคยเปลี่ยนแปลงอีกเลยจวบจนปัจจุบัน แล้วทำไมจู่ๆ เทพสมุทรถึงได้ขาดเสถียรภาพจนแทบครองสติไว้ไม่อยู่เช่นนี้?
อัลเจอร์ขมวดคิ้ว และพยายามมองหาปัจจัยที่แตกต่างจากเดิมในช่วงหลัง
“ฝีมือนิกายมอสส์? แล้วพวกมันมัวทำอะไรอยู่ตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา? หรือจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนการใหญ่ในอนาคตอันใกล้?”
ท่ามกลางความเคลือบแคลงและคาใจ อัลเจอร์พลันฉุกคิดได้อีกหนึ่งประเด็นสำคัญ
ความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงระหว่างปัจจุบันและกว่าร้อยปีก่อนก็คือ…
การมาเยือนเมืองบายัมของเดอะเวิร์ล!
ข้ารับใช้ของเดอะฟูลย่างกรายเข้ามาในเขตหมู่เกาะรอสต์!
ไม่ว่าจะไปยังที่ใด แต่ปลายทางจะต้องมีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้น หรือไม่ก็กำลังคุกรุ่นตลอดเลยหรือ? ไล่จากโศกนาฏกรรมมหาหมอกควันแห่งเบ็คลันด์ ความเปลี่ยนแปลงของท่าเรือแบนชี และปัจจุบันคือการดิ้นรนเฮือกสุดท้ายของเทพสมุทร·คาเวทูว่า รวมถึงเป้าหมายอันคลุมเครือของนิกายมอสส์…
ไม่สิ ระบุให้ชัดก็คือ ที่ใดใกล้เกิดเหตุการณ์ใหญ่ ที่นั่นจะมีข้ารับใช้ของเดอะฟูลอยู่ด้วย… พวกเขารับบัญชาจากมิสเตอร์ฟูล แกะรอยพฤติกรรมขององค์กรลับและเทวทูตมาร!
หลังจากไตร่ตรอง อัลเจอร์เริ่มเข้าใจความเป็นไปของเหตุการณ์ คล้ายกับตนมองเห็นความจริงเบื้องหลังอย่างทะลุปรุโปร่ง
ไม่ใช่ทุกที่ที่เดอะเวิร์ลไปเยือนจะเกิดเหตุการณ์ใหญ่ แต่เป็นเพราะจะมีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้น เดอะเวิร์ลและข้ารับใช้คนอื่นจึงต้องไปเยือน!
เหตุการณ์คราวนี้เป็นประโยชน์ต่อมิสเตอร์ฟูลในด้านใดบ้าง… ท่านหวังทำลายขั้วอำนาจฝั่งตรงข้าม หรือหวังปลดพันธนาการบางส่วนของตนเองออก?
อัลเจอร์อดกลั้นความสงสัย และฉวยโอกาสสำคัญรายงานข้อมูลลับ
มันกำหมัดขวาทุบอกซ้าย สีหน้าเผยความลังเลชัดเจน :
“ท่านเจ้าคุณโชโกรี ระหว่างตามแกะรอยกลุ่มโจรสลัดที่เหลือของ ‘เหล็กกล้า’ ผมบังเอิญได้ยินข้อมูลสำคัญเข้า”
“ว่ามา” โชโกรีเตรียมสั่งให้กัปตันเรือยศบิชอปรายนี้ออกทะเลเพื่อตามหาร่องรอยของ ‘กลุ่มต่อต้าน’ แต่เมื่อถูกอีกฝ่ายขัดจังหวะโดยอ้างเหตุรายงานข่าว สีหน้าของมันจึงฉุนเฉียวเล็กน้อย
อัลเจอร์ ‘นึกทบทวน’ ก่อนจะเล่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ