บนถนนด้านนอกผับใบไม้หอม เดนิสกำลังถูมือไปมาด้วยสีหน้าตื่นเต้น ก่อนจะกำหมัดชกใส่เสาเหล็กสีดำของโคมไฟริมถนน มันรอไม่ไหวแล้วที่จะเดินไปรอบเมืองเพื่อตามหาสาวผมแดงนามว่าเอลเลน
สำหรับเดนิส เงินหนึ่งพันปอนด์ไม่ใช่จำนวนที่น้อย มากพอจะซื้อบ้านเพิ่มในบายัมได้อีกหนึ่งหลัง เพียงแต่ไม่ใช่ในทำเลทอง
พรมวิเศษที่มันได้รับมาก่อนหน้า ยังตีมูลค่าได้เพียงสองถึงสามพันปอนด์เท่านั้น ทั้งที่ได้จากการเสี่ยงชีวิตต่อสู้กับเหล็กกล้า·แม็ควิตี้ และพุ่มหนามสีเลือด·เฮนดรี้ เทียบไม่ได้เลยกับภารกิจสุดแสนสบายอย่างการตามหาคนหาย
ไคลน์ที่กำลังเดินนำหน้าเดนิส ในมือชายหนุ่มถือหนังสือพิมพ์ซึ่งกำลังห่อกล่องบรรจุวัสดุสำหรับสร้างยันต์มูลค่ารวมสิบห้าปอนด์ มันลดความเร็วลงเล็กน้อย ก่อนจะชำเลืองหางตามองเดนิส และพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“ห้าพันห้าร้อยปอนด์”
เดนิสที่กำลังตื่นเต้น พลันยิ้มแข็ง
คำพูดดังกล่าวทำให้เพลิงพิโรธหวนนึกถึงปัญหาสำคัญที่ตนกำลังประสบมาในช่วงหลายวันหลัง
ในสายตาของบรรดาโจรสลัดและนักผจญภัย ชื่อของเราก็ยั่วยวนไม่ได้แตกต่างจากเอลเลนผมแดงเลยสักนิด!
พวกมันไม่จำเป็นต้องสู้และเอาชนะ ขอเพียงนำข่าวของเดนิสไปรายงานให้โบสถ์ กองทัพ หรือกรมตำรวจทราบ ถ้าหากลงเอยด้วย เดนิสถูกจับกุมตัว ค่าตอบแทนของผู้แจ้งข่าวจะไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันปอนด์แน่นอน เพราะค่าหัวรวมของเดนิสสูงถึงห้าพันห้าร้อยปอนด์!
ดังนั้น หากมันเตร็ดเตร่ไปทั่วเมืองเพื่อค้นหาสาวผมแดงนามเอลเลน ตัวเดนิสจะไม่ต่างอะไรกับหญิงงามที่เดินเข้าไปในโรงละครสีแดงเพื่อหาชายหนุ่มมาดับกระหาย
แม่… เย็*…
เดนิสพ่นคำสบถโดยลากเสียงเล็กน้อย
ทันใดนั้น ตามสัญชาตญาณ มันรีบกดปีกหมวกแก๊ปให้ต่ำกว่าเดิม
หลังจากราดน้ำเย็นใส่เดนิส ไคลน์กลับไปเดินด้วยความเร็วปรกติ สมองครุ่นคิดว่าตนควรทำอย่างไรกับเรื่องของเอลเลนผมแดง
เนื่องจากไม่มีทรัพย์สินติดตัวของเป้าหมาย รวมถึงมีข้อมูลไม่มากพอ เทคนิคการทำนายจึงถูกพับเก็บอย่างไม่มีทางเลือก
สั่งให้ลูกน้องค้นหาแบบปูพรมรอบเมือง…? วิธีการแบบนั้นคงมีแต่โบสถ์กับกองทัพที่ทำได้ แม้แต่กลุ่มอิทธิพลท้องถิ่นก็ยังยาก…
เดี๋ยวก่อน… ถ้าเป็นเราก็ไม่แน่…
เราคือคาเวทูว่า เทพสมุทร มีสาวกอยู่รอบบายัม รอบเกาะภูเขาคราม และรอบเขตหมู่เกาะรอสต์ทั้งหมด หากเราส่ง SMS… ไม่สิ ส่งพระวิวรณ์ให้กับสาวกทุกคนถ้วนหน้า กำชับให้ช่วยสอดส่องมองหาสตรีผมแดงนามว่าเอลเลน ภารกิจก็ไม่น่าจะยากเย็นอะไรนัก… แต่แบบนี้ถือว่าทำเกินกว่าเหตุไหม… เพียงเพื่อเงินแค่หนึ่งพันปอนด์…
หรือควรรักษามาดของเทพไว้บ้าง…
หากเราเป็นเทพและสั่งในนามของตัวเอง เรื่องนี้คงไม่ต้องเก็บมาคิด แต่ในเมื่อกำลังสวมรอยเป็นคาเวทูว่า เพื่อให้สวมบทบาท ก็คงต้องรักษาความน่าเกรงขามไว้สักหน่อย…
แม้แต่เทพสติปัญญาน้อยอย่างคาเวทูว่า ขณะกำลังเกรี้ยวกราดและต้องการตามหาตัวเลติเซีย·โดเรล่า มันก็ยังมีศักดิ์ศรี ไม่ส่งวิวรณ์ไปหาสาวกทุกคนบนเกาะ แต่เลือกบอกกับสมาชิกระดับสูงของกลุ่มต่อต้านเท่านั้น… จริงอยู่ เราสามารถอ้างได้ว่าเป็นบุคลิกใหม่หลังจากปฏิรูปตัวเอง แต่ก็ควรคงสามัญสำนึกขั้นต่ำไว้บ้าง…
ขณะเดียวกันก็เพื่อให้โอสถย่อยได้เร็วขึ้น…
ถ้าส่งวิวรณ์ไปหาเฉพาะไครัท เอ็ดมันตัน และสมาชิกระดับสูงคนอื่น คำสั่งจะถูกถ่ายทอดออกไปได้ค่อนข้างช้า ต้องใช้เวลาหลายวันในการดำเนินงาน แถมพวกเขาอาจปรุงแต่งเรื่องราวให้รุนแรงขึ้น จนเหตุการณ์บานปลายเกินควบคุม…
ยังมีอีกหนึ่งวิธี นำเครื่องรับโทรเลขไปไว้บนมิติเหนือสายหมอก รอสักสองสามวัน จากนั้นก็ติดต่อกับกระจกวิเศษอาโรเดส และถามว่าเอลเลนผมแดงอยู่ที่ไหน… แต่วิธีนี้มีความเสี่ยง ต้องทำนายยืนยันล่วงหน้าให้แน่ใจว่าปลอดภัย การได้รับโทรเลขจากพระผู้สร้างแท้จริงหรือแม่มดบรรพกาลคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ลำพังการเห็นร่างจริงพวกมัน ก็มากพอจะทำให้คลุ้มคลั่ง…
เมื่อไคลน์ตัดสินใจได้ มันเร่งฝีเท้าตรงไปยังมุมถนนเพื่อเช่ารถม้า โดยมีเดนิสเดินตามหลังในสภาพกดปีกหมวกลง
หลังจากกลับถึงโรงแรมวายุคราม ไคลน์ถอนหมวกกับโค้ทออก และหันไปพูดกับเดนิสที่ยืนอยู่ด้านข้าง
“ถ้ากัปตันเข้าฝันนายอีก อย่าลืมถามหล่อนเรื่องเอลเลนผมแดง”
“ได้… แต่เธอคงไม่รู้จัก ไม่อย่างนั้นฉันก็ต้องเคยได้เห็นหรือเห็นหน้าเอลเลนบ้างแล้ว”
เดนิสเล่าพลางยิ้ม
“เฮ่อ… พวกเรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครอยู่เบื้องหลังการว่าจ้าง ยอมทุ่มทุนมากถึงหนึ่งพันปอนด์เพียงเพื่อตามหาเบาะแสเชียวนะ…”
สมองเดนิสกำลังประมวลผล มันนึกไปถึงนิยายรักชื่อดังที่โรซายล์เคยแต่งขึ้น
ไคลน์จ้องอีกฝ่าย ก่อนจะกล่าวเสียงขรึม
“คืนนี้ฉันจะเฝ้าเอง”
“นายจะเฝ้าเอง…?” สติเดนิสพลันถูกดึงกลับ มันทำสีหน้าเคลือบแคลงเสียเต็มประดา
“ใช่” ไคลน์พยักหน้า
เกอร์มัน·สแปร์โรว์เห็นว่าเราเหนื่อยล้า ก็เลยอาสาทำแทน…?
ถึงหมอนี่จะบ้า แต่ในบางครั้งก็เป็นคนดีจนน่าเหลือเชื่อ… เช่นเหตุการณ์บนท่าเรือแบนชี คนปรกติแทบไม่มีเหตุผลให้ลงไปช่วยผู้โดยสารอื่น…
เดนิสครุ่นคิด
ชายหนุ่มยกเครื่องรับโทรเลขและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องเข้าไปในห้องนอน ลงกลอนจนมิดชิด ก่อนจะส่งทุกสิ่งกลับขึ้นมิติสายหมอกผ่านพิธีกรรม
เมื่อจัดการเสร็จ ไคลน์ไม่รีบร้อนลงจากวังสายหมอกสุดโอ่โถง เพียงโบกมือเล็กน้อยเพื่อเสกให้คทาเทพสมุทรลอยออกจากกองขยะมาตกบนฝ่ามือ และเริ่มการสำรวจคำวิงวอนจากเหล่าสาวก เพื่อเรียนรู้อุปนิสัยใหม่ๆ ของมนุษย์
ระหว่างกำลังไล่ดู ไคลน์เลือกตอบกลับบางส่วนตามใจชอบ ประหนึ่งเด็กเล็กกำลังสนุกไปกับของเล่นใหม่
ขณะการไล่ดูใกล้จบลง จุดแสงพลันปรากฏใกล้กับที่นั่งของเดอะฟูลในลักษณะคล้ายคลื่นน้ำ
ใครบางคนกำลังสวดวิงวอนถึงเดอะฟูล…
มิใช่เทพสมุทร…
ไคลน์เลิกคิ้วเล็กน้อย พลางถ่ายพลังวิญญาณเข้าไปในจุดแสงเพื่อรับชมภาพนิมิต
…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ