ภายในกระจก ใบหน้าของหญิงสาวอยู่ในสภาพเรียบเนียน ปราศจากรอยปริแตก ใบหูมีขนาดเท่ามนุษย์ปรกติ มิได้ยืดยาวออกเป็นแตรแต่อย่างใด ดวงตาสีม่วงเข้มยังคงสุขุม โดยรวมไม่พบความผิดปรกติอันใด
ทว่า ดวงตาแฝงความเร้นลับของแคทลียาสามารถมองเห็นได้ลึกกว่านั้น
ภายใต้ชั้นผิวหนังเรียบเนียน เธอมองเห็นดวงตาประหลาดฝังอยู่ มองเห็นความบ้าคลั่งและเจ็บปวดที่กำลังเลือนรางลง มองเห็นภาพมายาจำนวนมากกำลังแหวกว่ายรอบตัว มองเห็นลูกเรือหลายคนด้านนอกห้อง กำลังขะมักเขม้นทำความสะอาด
ทุกสรรพสิ่งรอบตัวในรัศมีหลายสิบเมตรได้ปรากฏอย่างแจ่มชัดในสายตา เพียงแต่มาในรูปแบบของความสับสนปั่นป่วน
นับตั้งแต่กลายเป็นลำดับ 5 ‘ปรมาจารย์กลุ่มดาว’ พลัง ‘ส่องความลับ’ ของเธอได้พัฒนาขึ้นอย่างมาก จนสามารถมองเห็นม่านสีดำที่รายล้อมรอบตัวตลอดเวลา
หลังม่านดังกล่าว แคทลียารู้สึกราวกับมีใครบางคนกำลังจ้องมองเธอและทุกสรรพสิ่งบนโลก
ไม่พบร่องรอยตกค้างของพลังมิสเตอร์ฟูล อีกฝ่ายมิได้ฝังอะไรไว้บนร่างกาย… เขา… ไม่สิ ท่านมีอำนาจมากพอจะดึงจิตของเราเข้าสู่ดินแดนสายหมอกโดยมิอาจขัดขืน ด้วยพลังปริศนาที่ไม่มีคำอธิบาย… เป็นพลังระดับที่คทาครึ่งเทพเทียบไม่ติดเลยสักนิด… แม้ว่าท่านจะสวมเครื่องแต่งกายทันสมัย แต่ก็ไม่สามารถบอกอะไรได้ เพราะด้วยพลังของตัวตนระดับนี้ ท่านต้องการให้ผู้อื่นเห็นตัวเองเป็นเช่นไรก็ได้…
และโดยธรรมชาติของตัวตนระดับสูง หากมนุษย์ธรรมดาจ้องมองร่างจริงด้วยตาเปล่า คงไม่แคล้วได้เกิดอาการคลุ้มคลั่งคาที่…
แคทลียาจ้องตัวเองในกระจกสักพัก สมองนึกใคร่ครวญเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่
สำหรับตัวตนของมิสเตอร์ฟูล เธอพอจะมีคำตอบในใจอยู่บ้าง แต่เป็นเพียงการเดาสุ่มโดยปราศจากการพิสูจน์
“ถึงจะสวมทักซิโด้ แต่มิได้แปลว่าอายุน้อย ไม่จำเป็นต้องเกิดในยุคสมัยปัจจุบัน…ท่านอาจเป็นเทพบรรพกาลที่เก่าแก่ยิ่งกว่าเจ็ดเทพจารีตเสียอีก… จากความรู้ของเรา ย้อนกลับไปในยุคก่อนเหตุการณ์มหาภัยพิบัติ บนโลกมีเทพบรรพกาลเพ่นพ่านมากมาย ท่านอาจเป็นหนึ่งในนั้น”
แคทลียารำพันกับตัวเอง ก่อนจะหันหลังให้กระจก เดินกลับมายังจุดที่เคยนอนทุรนทุราย และก้มหยิบแว่นตาบนพื้น
หญิงสาวสวมแว่นลงบนสันจมูก เลนส์แว่นซ้อนทับกับดวงตาสีม่วงเข้ม ทันใดนั้น ภาพที่มนุษย์ไม่สมควรมองเห็นได้เลือนหายไปจากทัศนวิสัยแคทลียาโดยสมบูรณ์
ถัดมา หญิงสาวยืนครุ่นคิดว่า มิสเตอร์ฟูลและสิ่งที่เรียกว่าชุมนุมทาโรต์ จะส่งผลกระทบต่อตนอย่างไรบ้างในอนาคต
ขณะกำลังเค้นสมองนึก ภาพของบุคคลตัวสูงพลันผุดขึ้นในความทรงจำ เป็นฉากที่ตัวเธอไม่เคยลืม และไม่คิดจะลืมไปตลอดชีวิต
เสียงของบุคคลดังกล่าวดังกังวานในหัว
“จงไปซะ… ชะตาของเจ้ามิได้ขึ้นอยู่กับเรา”
ฝ่าบาท…นี่คือชะตาของดิฉันหรือคะ…
แคทลียาหลับตาลง
…
เหนือทุ่งสายหมอกสีเทา ท่ามกลางพระราชวังหรูหราโอ่โถง
ไคลน์ใช้ปลายนิ้วเคาะลงบนขอบโต๊ะทองแดงยาวลายโบราณ เสกให้ไพ่ทาโรต์เลือนหาย
มันกำลังไตร่ตรองถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาหลังจากพลเรือเอกดวงดาวเข้าร่วมชุมนุมทาโรต์
“หากไม่มีทางเลือกที่ีดีกว่า…เราคงต้องโดยสารไปกับเรือของ ‘เดอะเฮอร์มิท’ เพื่อแล่นออกนอกเส้นทางหลัก และเข้าสู่เขตซากสมรภูมิแห่งเทพ จากนั้นก็ดื่มโอสถพร้อมกับฟังเสียงขับขานของนางเงือก… ความจงรักภักดีภายใต้ความหวาดกลัวต่อเดอะฟูลของเธอ คงเชื่อใจได้มากกว่าเอ็ดวิน่าและสมุน…แน่นอน เรายังมีแฮงแมนเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก ตัวตนของพลเรือเอกดวงดาว ผู้เป็นสมาชิกของนิกายมอสส์ อีกทั้งยังเปี่ยมด้วยความรู้และปัญญา ย่อมสร้างคุณประโยชน์ให้แก่ชุมนุมทาโรต์อย่างมหาศาล แต่ในขณะเดียวกัน ตัวเราก็มีความเสี่ยงตามมา นั่นคือภาพลักษณ์อันลึกลับและยิ่งใหญ่ของเดอะฟูลอาจถูกสั่นคลอน…ในอนาคต เราต้องระวังตัวมากขึ้น ห้ามมอบคำตอบส่งเดชถ้าไม่มั่นใจ ต้องหมั่นใช้ถ้อยคำคลุมเครือ หรือหากจำเป็น ก็ต้องงัดกลยุทธ์ของนักต้มตุ๋นออกมาใช้…วิธีแก้ปัญหานี้ไม่ซับซ้อน เราแค่ต้องพัฒนาตัวเองให้สอดคล้องกับภาพลักษณ์อันยิ่งใหญ่ของเดอะฟูล ยกระดับมาตรฐานให้สอดคล้องกับตัวตน เมื่อมีขุมพลังลำดับ 5 เข้าร่วมชุมนุม รวมถึงลูกน้องมากฝีมือของเธออีกจำนวนหนึ่ง ขุมกำลังรบโดยรวมของชุมนุมทาโรต์นับว่าถูกยกระดับขึ้นอย่างมาก หลังจากครอบครองคทาเทพสมุทร เราก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีสมาชิกคนใดแข็งแกร่งกว่าตัวเองและก่อปัญหาขึ้น ได้แต่หวังว่าสักวัน พลเรือเอกดวงดาว ผู้เป็นสมาชิกของนิกายมอสส์ จะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยให้เราล้างแค้นปราชญ์เร้นลับสำเร็จ”
ไคลน์ถอนหายใจยาว ส่งตัวเองออกจากมิติ
…
กรุงเบ็คลันด์ ใต้มหาวิหารแซมมัว
เหยี่ยวราตรีคนหนึ่ง สวมถุงมือสีแดง กำลังเดินถือกระดาษโทรเลขเข้าไปในห้องที่ถูกจัดสรรให้เป็นสำนักงานชั่วคราวของหน่วย
“หัวหน้า มีเหตุการณ์ไม่ปรกติเกิดขึ้นในท่าเรือเอ็นมาร์ท”
มันกล่าวกับโซสต์ ‘นักปลอบวิญญาณ’ ด้วยท่าทางตื่นเต้นเจือจาง
โซสต์ลูบจอนข้างขวาของตน
“เล่ามา”
“เป็นความคืบหน้าเกี่ยวกับเดอะฟูล ที่ชุมนุมแสงเหนือเคยประกาศตามล่าตัวสาวกครับ” สมาชิกทีมยื่นกระดาษโทรเลขให้
คำตอบดังกล่าวได้ดึงดูดความสนใจจากสมาชิกถุงมือแดงทุกคนในห้อง ไม่เว้นแม้แต่บุคคลบนเก้าอี้ตรงมุม ที่กำลังนั่งเหยียดขาพาดบนโต๊ะพร้อมกับงีบโดยใช้หมวกปิดหน้า เป็นชายผมกระเซิงเจ้าของดวงตาสีเขียวมรกต
โซสต์รับโทรเลขไปอ่านด้วยรอยยิ้ม
“มิจฉาชีพคนหนึ่ง อ้างตัวเป็นข้ารับใช้ของเดอะฟูลและพยายามล่อลวงหญิงสาว แต่หลังจากเอ่ยนามเต็มของเดอะฟูลจบ สายฟ้าได้ผ่าลงกึ่งกลางศีรษะทันที ส่งผลให้ตายคาที่ หืม… ดูเหมือนว่า ตัวตนลึกลับเจ้าของนามเดอะฟูลจะมีอยู่จริงสินะ…”
แฟ้มเอกสารเกี่ยวกับคดีพิธีกรรมไพ่ทาโรต์ทั้งสองครั้ง รวมถึงข่าวคราวการตามล่าสาวกเดอะฟูลของชุมนุมแสงเหนือ ถูกรวบรวมและส่งมาอยู่ภายใต้การดูแลของทีมถุงมือแดงที่มีโซสต์เป็นหัวหน้าหน่วย
แต่เนื่องจากไม่มีเบาะแสเพิ่มเติมเป็นเวลานาน และถุงมือแดงก็ยังมีงานอื่นให้ทำอีกมาก การสืบสวนจึงไม่คืบหน้าแม้แต่น้อย
“เดอะฟูลมีพลังในขอบเขตสายฟ้า?”
เลียวนาร์ด·มิเชลเลื่อนมือหยิบหมวกสีดำออกจากใบหน้า
“ก็ไม่แน่… หากเดอะฟูลเป็นสหายเก่าของพวกเราจริง การเตรียมอุปกรณ์ไว้ตบตาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก บนโลกนี้มีสมบัติวิเศษและสมบัติปิดผนึกมากมาย อีกฝ่ายอาจเตรียมการเอาไว้เพื่อหลอกให้เราสับสน… เรื่องนี้ไม่ใช่เพิ่งเคยเกิดขึ้นเป็นหนแรก บรรดาเทพกำมะลอบนทวีปใต้และเกาะอาณานิคมล้วนเคยทำมาแล้ว… แล้วก็… หึหึ… มิจฉาชีพโง่เขลารายนั้นกุเรื่องว่าเดอะฟูลคือร่างจุติของเทพวายุสลาตัน บางที นั่นอาจเป็นสาเหตุที่มันโดยสายฟ้า…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ