เฮอร์มิท·แคทลียาจ้องเดอะเวิร์ล คาดเดาว่าอีกฝ่ายคงมีตะกอนพลังที่ปนเปื้อนในครอบครองสักชิ้นสองชิ้น และต้องการใช้หนึ่งในนั้นปรุงเป็นโอสถดื่ม…อาจเป็นโอสถของเดอะเวิร์ลเอง หรือไม่ก็ของคนใกล้ตัว…
เรื่องนี้เดาได้ไม่ยาก เพราะหากไม่ต้องการนำตะกอนพลังไปปรุงเป็นโอสถ ลำพังตะกอนพลังปนเปื้อนยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ด้านอื่นได้ตามปรกติ ทั้งการใช้งานโดยตรง หรือการนำไปสร้างเป็นสมบัติวิเศษ อย่างมากก็มีผลข้างเพียงเพิ่มขึ้นจากปรกติเล็กน้อย ไม่มากไปกว่าสมบัติปิดผนึกหนึ่งชิ้น
ไคลน์พยายามข่มอารมณ์ บังคับให้เดอะเวิร์ลตอบเสียงแหบ
“เขียนใส่กระดาษส่งมาให้ผม”
ภายในใจ มันต้องการยกย่องเดอะซันน้อยเรื่องที่อีกฝ่ายให้ความสำคัญกับสัญญา แต่เมื่อตระหนักว่าเดอะเวิร์ลเป็นคนพูดน้อย จะพูดเพียงเรื่องสำคัญ หรือพูดเพราะหวังผลลัพธ์บางอย่างเท่านั้น ไคลน์จึงลังเล
ไม่สิ… ก็มีอยู่ไม่ใช่หรือ เรื่องที่เราหวังผล… หากยกย่องว่านี่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เดอะซันจะยิ่งทำมันอย่างเคร่งครัดต่อไป และประโยชน์ก็จะตกอยู่กับชุมนุมทาโรต์…
แถมยังหลอกใช้เขาได้ง่าย…
แต่อาจต้องแลกมากับความใสซื่อเกินเหตุจนพูดไม่คิดในบางครั้ง…
ในสายตาของจัสติส แฮงแมน และคนที่เหลือ เดอะเวิร์ลคือคนเถรตรงและน่านับถือ หากเรากล่าวชมเชยเดอะซันออกไป พวกเขาคงไม่มองว่าเป็นเรื่องผิดปรกติ…
ตัดสินใจได้ ไคลน์บังคับเดอะเวิร์ลหัวเราะลึก
“ให้ความสำคัญกับคำสัญญาเช่นนี้ คุณคือเด็กหนุ่มที่น่าชื่นชม”
แฮงแมนขมวดคิ้วเล็กน้อย หันหน้าไปทางเดอะซัน·เดอร์ริค
“ผมเองก็สนใจข้อมูลดังกล่าวเช่นกัน ต้องจ่ายด้วยอะไร”
มันตั้งธงภายในใจ หากข้อมูลมีราคาสูงเกินไปจนมองว่าไม่คุ้ม ก็คงต้องปล่อยผ่าน เพราะไม่ใช่ข้อมูลที่จำเป็นในปัจจุบัน
เดอร์ริค ผู้ถูกชมเชยจนเกิดความพึงพอใจ ครุ่นคิดสักพักก่อนหันไปตอบอย่างซื่อตรง
“มิสเตอร์แฮงแมน สำหรับคุณ ผมไม่คิดราคาก็แล้วกัน ถือเป็นค่าที่ปรึกษาและตอบแทนความหวังดีที่คุณมอบให้มาตลอด”
หากเดอะเวิร์ลอยู่บนโลกจริงและกำลังดื่มน้ำ มันคงพ่นพรวดออกมาโดยไม่เกรงใจ โชคดีที่มิได้กำลังดื่มน้ำ และมิได้อยู่บนโลกจริง
ไคลน์อาศัยพลังตัวตลกควบคุมอากัปกิริยาของทั้งเดอะฟูลและเดอะเวิร์ลมิให้เสียอาการ
แฮงแมนอึ้งจนหมดคำพูด ท่าทีตอบสนองของเดอะซันผิดจากความคาดหมายไปไกลมาก
มันล่องทะเลมานานหลายปี เคยผ่านเรื่องราวในชีวิตมาก็มาก มักมองโลกในมุมสีเทาเสมอ ไม่เคยขาวหรือดำอย่างสุดโต่ง แต่สำหรับวินาทีนี้ อัลเจอร์เกิดความละอายใจจากก้นบึ้ง
“คุณคือเด็กหนุ่มที่น่าชื่นชม” อัลเจอร์กล่าวชมเชยเดอะซัน
ลอกมาทั้งดุ้นเลยหรือ… คิดคำเองไม่เป็นรึไง!
ไคลน์บังคับเดอะเวิร์ลชำเลืองแฮงแมนด้วยหางตา จากนั้นก็บังคับเดอะฟูลถอนหายใจยาวหลังม่านหมอก
เจ้าโง่! แกมันโง่ยิ่งกว่าลาโง่เสียอีก! ไอ้แกะโง่!
เดอะมูน·เอ็มลิน เหยียดหยันเดอะซันด้วยถ้อยคำดูแคลนมากมาย
ตั้งแต่ช่วงเช้า มันเฝ้ารอชุมนุมทาโรต์ด้วยใจจดจ่อมาตลอด เนื่องจากต้องการโอ้อวดเรื่องที่ตนกลายเป็นบารอนให้ใครสักคนฟัง
ถึงจะไม่มีใครทราบนอกจากมิสเตอร์ฟูล แต่ระดับมิสเตอร์แฮงแมนก็น่าจะพอเดาออก… ไม่ได้การ เราต้องทำอะไรสักอย่าง ต้องหาทางให้ทุกคนทราบว่าเรากลายเป็นบารอนผีดูดเลือดแล้ว!
เอ็มลินนั่งฟังบทสนทนาของคนรอบข้างพลางวางแผนอนาคต
ในทางกลับกัน คำพูดของเดอะซันมิได้ทำให้จัสติส·ออเดรย์โกรธเคืองหรืออิจฉา เธอทราบดี ในช่วงที่ทุกคนประสบปัญหา มิสเตอร์แฮงแมนมักมอบคำแนะนำที่มีประโยชน์เสมอ ถึงจะไม่ค่อยถูกหลักศีลธรรมสักเท่าไร แต่ก็ช่วยให้ผ่านพ้นปัญหาไปได้
การเป็นคนดีมักได้รับสิ่งดี ๆ ตอบแทนเสมอ หวังว่าหลังจากนี้ มิสเตอร์แฮงแมนจะอ่อนโยนลงและใจกว้างมากขึ้นอีก…
หญิงสาวมองไปยังฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าเบาใจ สำหรับเธอ ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีลบจิตกัดกร่อนออกจากตะกอนพลัง ยังไม่ใช่สิ่งสำคัญในตอนนี้ ไม่มีความจำเป็นต้องบุ่มบ่ามใช้เงิน
เดอะซัน·เดอร์ริค หันไปทางมิสเตอร์ฟูลเพื่อขอสิทธิ์ในการเขียนลงบนกระดาษ เพียงไม่นาน กระดาษหนังสีเหลืองน้ำตาลสองแผ่นก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเด็กหนุ่ม
เมื่อเขียนเสร็จ ไคลน์รีบเสกให้กระดาษไปโผล่ตรงหน้าเดอะเวิร์ลและแฮงแมน
มันรอไม่ไหวแล้วที่จะไขปริศนาซึ่งตนคาใจมาแสนนาน
“การลบจิตกัดกร่อนออกจากตะกอนพลังปนเปื้อนมีด้วยกันสองวิธี หนึ่ง ใช้สมบัติวิเศษที่สามารถขโมยพลังพิเศษของผู้อื่น ช่วงชิงจิตกัดกร่อนที่ปนเปื้อนตะกอนพลังออกมา จากนั้นก็รีบนำตะกอนพลังบริสุทธิ์ไปปรุงเป็นโอสถให้เสร็จก่อนที่ผลของพลังช่วงชิงจะหมดลง ด้วยวิธีนี้ จิตกัดกร่อนจะมิอาจกลับไปยังตะกอนพลังเดิมได้ เนื่องจากสิ่งนั้นไม่มีตัวตนอยู่แล้ว ทำได้เพียงสลายไปกับความว่างเปล่า วิธีที่สอง ประกอบพิธีกรรมและสวดวิงวอนถึงหนึ่งในสองวัตถุเวทมนตร์ทรงพลังของเมืองเงินพิสุทธิ์ อาศัยการตอบสนองจากสิ่งดังกล่าว บดขยี้ตะกอนพลังจนแหลกละเอียด ด้วยวิธีนี้ จิตกัดกร่อนจะสลายไปในอากาศ ส่วนตะกอนพลังที่กระจัดกระจาย จำเป็นต้องใช้เวลาสักพักเพื่อรอให้กลับมารวมตัวกันใหม่ตามธรรมชาติ ผมทราบเพียงขั้นตอนของพิธีกรรม แต่มิอาจระบุนิยามและคาถาในการสวดวิงวอนถึงวัตถุเวทมนตร์ทั้งสองชิ้นได้ มีเพียงหกสภาอาวุโสเท่านั้นที่ทราบข้อมูลนี้ หากชาวเมืองคนใดต้องการประกอบพิธีกรรม ต้องให้หนึ่งในพวกเขาเป็นประธานเสมอ ขั้นตอนของพิธีกรรมประกอบด้วย…”
หืม…
ไคลน์ผุดแนวคิดมากมายในหัวจนเกือบลืมบังคับให้เดอะเวิร์ลตอบสนอง
เราไม่เคยคิดถึงวิธีแรกมาก่อน… ถ้าจำไม่ผิด มีสมบัติปิดผนึกหลังประตูยานิสเมืองทิงเก็นที่สามารถช่วงชิงพลังพิเศษได้… ชื่อว่า ‘เส้นเลือดหัวขโมย’ กระมัง… คาดไม่ถึงว่าจิตกัดกร่อนจะถูกมองเป็น ‘พลังพิเศษ’ ด้วย… แต่ก็ไม่ผิดวิสัยของศาสตร์เร้นลับสักเท่าไร…
ปัญหาคือ จิตกัดกร่อนที่ปนเปื้อนในดวงตาดำล้วนนั้นไม่ธรรมดา แต่เกิดจากเทพมาร ‘พระผู้สร้างแท้จริง’ โดยตรง หากให้คนทั่วไปใช้สมบัติวิเศษช่วงชิงออกมา คงยากจะมีใครทนต่อการปนเปื้อนไหว อาจถึงขั้นคลุ้มคลั่งและเสียชีวิตในทันที ส่วนสมบัติวิเศษก็จะถูกปนเปื้อนถาวรและไม่สามารถใช้การได้อีกเลย…
สรุปก็คือ เราต้องใช้สมบัติวิเศษที่มีพลังช่วงชิงพลัง มารับการปนเปื้อนแทนดวงตาดำล้วน… แต่จังหวะการปรุงโอสถต้องฉับไวและไม่มีข้อผิดพลาด ไม่อย่างนั้น ทั้งสมบัติวิเศษและดวงตาดำล้วนจะถูกปนเปื้อนไปทั้งคู่…
ไคลน์วิเคราะห์วิธีแรกอย่างละเอียด ในส่วนของวิธีที่สอง หลักการคล้ายกับสิ่งที่เอ็ดวิน่าเสนอแนะ แตกต่างแค่ในเชิงพิธีกรรม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ