มันมิได้ถอดโค้ท เนื่องจาก ‘ศาสตราจารย์โอสถ’ ต้องพกพาอุปกรณ์ช่วยเหลือมากมายตลอดเวลา คงเป็นภาพที่ไม่งามนักหากต้องเผยให้คนอื่นเห็น
เอ็มลินในชุดทักซิโด้นั่งลง เอนหลังพิงพนัก กล่าวด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย
“เข้าเรื่องกันดีกว่า หากคุณมีสิ่งที่ผมต้องการ เชิญแจ้งราคามาได้เลย แต่ถ้าไม่ ก็แค่บอกตามตรง …แต่ผมมั่นใจว่าคุณมี”
มันหัวเราะในลำคอ กระจกตาสีแดงกำลังสะท้อนภาพเสื้อผ้าที่ไม่เรียบร้อยของเลียวนาร์ด
การได้อยู่ในสถานะ ‘ฉันรู้ความลับของนาย แต่นายไม่รู้ความลับของฉัน’ ทำให้เอ็มลินมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก คล้ายกับกำลังเป็นฝ่ายคุมเกม
เลียวนาร์ดสางผมสีเข้มด้วยมือข้างหนึ่ง ทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามโดยไม่กดดัน มุมปากเผยรอยยิ้มที่ปราศจากความตื่นตระหนก
“ผู้ซื้อเป็นใคร”
“อาจเป็นผม หรืออาจเป็นเพื่อนของผม”
เอ็มลินเชิดคาง เผยรอยยิ้มสง่างาม
เลียวนาร์ดหรี่ตาลง เอียงคอเล็กน้อย ประหนึ่งกำลังครุ่นคิดบางสิ่ง
ในที่สุด มันหัวเราะในลำคอ
“เข้าใจแล้ว… ในเมื่อคุณมาพร้อมเข็มกลัดนั่น ผมจะยอมตอบตามความเป็นจริง อย่างที่คุณทราบ ผมมีสมบัติวิเศษที่สามารถขโมยพลังพิเศษจากคนอื่นได้ แต่ก็มีในครอบครองแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น หากคุณต้องการมัน ผมยินดีขายให้ในราคาเจ็ดพันปอนด์ ขอปฏิเสธการต่อรองทุกกรณี”
เจ็ดพันปอนด์… สมบัติวิเศษที่สามารถช่วงชิงพลังพิเศษมีราคาสูงขนาดนั้นเชียว?
แม้เอ็มลินจะไม่ต้องจ่ายด้วยเงินตัวเอง แต่ราคาก็มากพอจะทำให้ผีดูดเลือดผู้สูงส่งเกือบเสียอาการ
ภายในสมอง เอ็มลินรีบแปลงค่าเงินเป็นจำนวนตุ๊กตาและเสื้อผ้าตามสัญชาตญาณ
ผ่านไปสองวินาทีอย่างเงียบงัน ผีดูดเลือดหนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ขอคิดดูก่อน จะให้คำตอบในอีกสองวัน”
“ตกลง” เลียวนาร์ดยกมุมปาก
เอ็มลินเดินออกจากบ้านเลขที่ 7 ถนนพินสเตอร์โดยทำตัวเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่งรถม้าไปลงสถานีรถไฟใต้ดินประจำเขตเหนือ และเดินทางต่อไปยังย่านทิศใต้ของสะพานด้วยรถม้าเช่าอีกทอด
ถอดหมวกออก หันหลังกลับไปมองรถม้าแล่นออกจากถนน เอ็มลินหัวเราะในลำคอพร้อมกับเดินเข้าไปในวิหารฤดูเก็บเกี่ยว
ในเวลาเดียวกัน ณ จุดระหว่างต้นไม้และเสาโคมไฟแก๊สสีดำ เงาดำร่างหนึ่งลอยขึ้นจากพื้นอย่างเงียบงัน ไม่ใช่ใครนอกจากเลียวนาร์ด·มิเชลเจ้าของเส้นผมสีดำดวงตาสีเขียว
การปรากฏตัวของมันไม่โดดเด่นสะดุดตา ผู้คนที่เดินผ่านไปมาไม่มีใครหันมาสนใจ
คนของโบสถ์พระแม่ธรณี…
เลียวนาร์ดขมวดคิ้ว พึมพำกับตัวเอง
มันยืนนิ่งสักพัก ก่อนจะหายตัวไปจากถนนกุหลาบอย่างไร้ร่องรอย
…
“เจ็ดพันปอนด์…? ถ้านายร้อนเงินขนาดนั้น ไปปล้นธนาคารง่ายกว่าไหม”
บนมิติหมอก ไคลน์ส่งเสียงอุทานหลังจากได้ยินคำตอบจากเอ็มลิน
ย้อนกลับไปในช่วงเริ่มต้นชีวิตนักผจญภัย ชายหนุ่มเคยให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์พูดในทำนองเดียวกันก็จริง แต่บริบทและจำนวนเงินแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
จากข้อมูลของ ‘หูกระต่ายบุปผา’ โจเดอร์สัน ผู้ช่วยรองกัปตันแห่งฝันทองคำ ไคลน์ประเมินว่าสมบัติวิเศษในลักษณะดังกล่าวคงมีราคาประมาณห้าพันปอนด์ อย่างมากไม่เกินหกพันปอนด์ในกรณีรีบร้อน จึงคาดไม่ถึงว่าเลียวนาร์ดจะโขกไปถึงเจ็ดพันปอนด์ถ้วน!
หรือจะเป็นสมบัติวิเศษที่เกิดจากผู้วิเศษลำดับสูงของเส้นทาง ทำให้มีพลังหลายชนิดอยู่ในชิ้นเดียว และหนึ่งในนั้นคือการขโมยพลัง?
ไม่น่าใช่ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ราคาต้องไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นปอนด์แน่นอน… นักกวีเพื่อนรัก ทำไมนายถึงได้หน้าเงินแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเคยทำตัวเฉื่อยชาและไม่เห็นความสำคัญของเงินมาตลอดหรอกหรือ?
ไคลน์ถอนหายใจห่อเหี่ยว
ปัจจุบัน ในเมื่อมันพบวิธีครอบครองสมบัติวิเศษตามที่ต้องการ และเป็นการแก้ปัญหาด้วยเงินทองเพียงอย่างเดียว มันตัดสินใจไม่เสียเวลาคิดหาหนทางอื่นเพิ่มเติม เป็นการหลีกเลี่ยงปัญหาไปในตัว
ไคลน์ลองนั่งคำนวณมูลค่าทรัพย์สินปัจจุบันของตนในใจ และพบว่าราคาดังกล่าวอยู่ในขอบเขตที่สามารถยอมรับได้
“เมื่อนับรวมค่าจ้างสามร้อยปอนด์จากนักปรุงยาอ้วน เงินค่าหัวของ ‘นักเจรจา’ อีกห้าพันสี่ร้อยปอนด์ เงินจากศพอีกจำนวนหนึ่ง ถึงจะหักเป็นค่าจ้างมิสเมจิกเชี่ยนอีกสองร้อยปอนด์ เราก็ยังมีทรัพย์สินทั้งหมด 12,767 ปอนด์กับอีกห้าเหรียญทอง รวมถึงเศษเงินอีกสามซูลแปดเพนนี ไม่เพียงเท่านั้น ภายในสัปดาห์ มิสจัสติสจะคืนเงินสองพันปอนด์ให้ข้ารับใช้ของเดอะฟูล และอีกหนึ่งพันแปดร้อยปอนด์เป็นค่าตะกอนพลังนักจิตบำบัด… จะว่าไป เราเองก็ร่ำรวยพอตัว แม้จะอยู่ในกรุงเบ็คลันด์ก็ยังถือว่าเป็นเศรษฐี”
ไคลน์สูดลมหายใจเข้า เสกปึกธนบัตรออกจากกองขยะโดยปราศจากความลังเล สั่งให้พวกมันลอยลงมาวางบนโต๊ะทองแดงยาว
มันบรรจงนับเงินสดแยกออกมาเจ็ดพันห้าร้อยปอนด์ โดยห้าร้อยปอนด์ถูกแบ่งให้เอ็มลินเป็นค่าเสียเวลาและ ‘เสี่ยงภัย’
เฮ่อ… ทำงานแทบตายกว่าจะได้หมื่นปอนด์ แต่กลับต้องเสียเกินกว่าครึ่งในพริบตา…
ไคลน์เสกเดอะเวิร์ลขึ้นมาและควบคุมให้ก้มหน้าสวดวิงวอน เป็นการตอบกลับไปยังเอ็มลิน แจ้งว่าตนไม่มีปัญหากับราคา และพิธีกรรมจะจัดขึ้นในอีกสิบห้านาที ให้รอรับเงินจากเดอะฟูล
นอกจากนี้ ไคลน์ยังให้เดอะเวิร์ลกำชับกับเดอะมูน·เอ็มลินว่า อย่าได้เร่งนำเงินไปจ่ายให้อีกฝ่ายเร็วนัก รอให้ถึงพรุ่งนี้เสียก่อน
เหตุผลไม่ซับซ้อน ชายหนุ่มกังวลว่า เทวทูตตระกูลโซโรอาสเตอร์ในตัวเลียวนาร์ดจะสัมผัสถึงออร่าสายหมอก จึงอยากให้ ‘ตาก’ เงินสดไว้ก่อนหนึ่งวัน เป็นเทคนิคเดียวกับที่ไคลน์ทำก่อนจะมอบเข็มกลัดผู้สันโดษแห่งชะตาให้เอ็มลิน
สิบห้านาทีถัดมา ไคลน์เหลือบมองไปยังธนบัตรทองปอนด์ที่เหลือไม่ถึงครึ่งจากของเดิม ลมหายใจถูกพ่นออกอย่างห่อเหี่ยว ก่อนจะส่งตัวเองกลับสู่โลกความจริงด้วยอารมณ์หม่นหมอง
ตอนนี้เป็นเวลา 10:40 น. ของวันศุกร์ เหลืออีกเพียงแปดชั่วโมงก่อนที่เรือโดยสารจะแล่นไปถึงเกาะโอลาวี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ