ภายในใจไคลน์กำลังตกตะลึง บรรยากาศรอบตัวพลันตึงเครียดในพริบตา
ในฐานะคนที่เคยเผชิญประสบการณ์ทำนองนี้มาก่อน มันค่อนข้างหวาดระแวงกับความบังเอิญ
เป็นไปได้… วันที่เราเดินทางมาถึงเกาะโอลาวี มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายได้ส่งวิวรณ์ถึงฟอลเล็ต·เคนทันที โดยกำชับให้อีกฝ่ายเตรียมตัวเริ่มแผนการกัดกร่อนอมิรุส…
และวันแรกที่เราเข้าไปหาบิลต์·แบรนโด้ คนของนิกายกายาสวรรค์ได้ประกอบพิธีกรรมขยายตัณหา จนคนเร่ร่อนที่บิลต์เตรียมไว้เสียชีวิต…
หากมารดาพฤกษาเล็งอมิรุส ก็น่าจะขจัดตัวปลอมทิ้งทั้งหมด จนอมิรุสไม่สามารถออกไปทำภารกิจลับได้เลย ดังนั้น การยังไว้ชีวิตเราจึงขัดแย้งกับสมมติฐานข้อนี้…
แต่ถ้าเป้าหมายคือเราตั้งแต่แรก ความคลางแคลงทั้งหมดก็จะถูกอธิบายได้ทันที…
ไคลน์อาศัยพลังตัวตลกช่วยควบคุมสีหน้า มันจ้องฟอลเล็ต·เคนโดยไม่กล่าวสิ่งใด
เมื่อลองคิดตามสมมติฐานล่าสุด ข้อสงสัยใหม่เริ่มผุดขึ้นในหัวชายหนุ่ม
แล้วมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย ทราบได้อย่างไรว่าบิลต์·แบรนโด้จะจ้างเรา…
ข่าวลือเรื่อง ‘เกอร์มัน·สแปร์โรว์สามารถปลอมตัวเป็นใครก็ได้’ ถูกปล่อยมาจากฝั่งพลเรือโรคภัย·เทรซี่ สิ่งนี้น่าจะอยู่นอกเหนือการคำนวณของมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย…
แต่ก็สามารถมองอีกมุมหนึ่งได้เช่นกัน ว่าเป็นเพราะข่าวลือดังกล่าวแพร่มาถึงเกาะโอลาวี มารดาพฤกษาจึงเลือกใช้แผนการนี้…
ถ้าอย่างนั้น คำถามก็คือ ทำไมท่านถึงต้องการกัดกร่อนเรา? ความแค้นที่เรามีต่อโรงเรียนกุหลาบ เล็กน้อยเกินกว่าจะให้เทพมารลงมาสนใจด้วยตัวเอง สิ่งที่เคยทำมีเพียง ร่วมมือกับมาดามชารอน สังหารลำดับ 5 วิญญาณอาฆาต ลำดับ 6 ซอมบี้ ลำดับ 7 มนุษย์หมาป่า และช่วงชิงมงกุฎจันทร์ชาดกับขวดพิษชีวภาพมาครอง… ในส่วนของการล่าพลเอกโลหิต แผนดังกล่าวถูกพับเก็บตั้งแต่ยังไม่เริ่ม อย่างมากก็แค่ลงมือฆ่า ‘เหล็กกล้า’ แม็ควิตี้…
หากจะแก้แค้นความเสียหายข้างต้น แค่ส่งตัวตนระดับนักบุญมาก็พอแล้ว!
หรือจะเป็นเพราะ ความพิเศษในตัวเราทำปฏิกิริยากับวัตถุบางชนิดที่มีออร่าของมารดาพฤกษาบนเกาะโอลาวี?
แต่สมัยยังอยู่ในเบ็คลันด์หรือทิงเก็น เรากลับไม่เคยพบปฏิกิริยาแปลกปลอมจากวัตถุที่มีออร่าของเทพเจือปน…
ยิ่งไปกว่านั้น เราทำนายยืนยันบนมิติหมอกแล้วว่า การตายของคนเร่ร่อนเป็นแค่เรื่องบังเอิญ ไม่มีสัตว์ในตำนานหรือสมบัติปิดผนึกระดับ 0 เข้ามาเกี่ยวข้อง…
ทำไมผลลัพธ์ถึงออกมาเป็นแบบนั้น…
หรือว่า นี่จะเป็นครั้งแรกที่ผลการทำนายบนมิติหมอกถูก ‘บิดเบือน’ โดยสมบูรณ์? และยังแนบเนียน ลื่นไหล จนเราไม่เอะใจเลยสักนิด…
ความคิดไคลน์กำลังจดจ่ออยู่กับสิ่งเดียว
ปัญหาร้ายแรงเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!
แม้ 0-08 สุดทรงพลังก็ยังทำได้แค่ ‘ขัดขวาง’ ให้ผลการทำนายของเราออกมาว่างเปล่า ไม่เคยมีสักครั้งที่ถูกบิดเบือนโดยสมบูรณ์!
เป็นพลังที่สูงกว่าสมบัติปิดผนึกระดับ 0?
มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายที่เข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้ เป็นถึงระดับเทพแท้จริง?
แต่น่าแปลก แม้แต่เจ็ดเทพจารีตก็ยังแทรกแซงโลกความจริงได้ยากลำบาก ต้องกระทำผ่านพิธีกรรมเท่านั้น แล้วทำไมมารดาพฤกษาถึงทำได้… ไม่เพียงเท่านั้น เรายังทำนายถามเกี่ยวกับความอันตรายของภารกิจ และผลลัพธ์ออกมาเป็น มีอันตราย แต่อยู่ในขอบเขตยอมรับได้ แถมเรื่องราวรอบตัวก็ยังดำเนินไปอย่างสอดคล้อง… กำลังจะบอกว่าสิ่งนี้ก็ถูกบิดเบือนโดยสมบูรณ์ด้วยเช่นกัน?
ยิ่งขบคิด ไคลน์ก็ยิ่งปวดหัว
อีกหนึ่งเรื่องที่มันยังไม่เข้าใจก็คือ หากตนเป็นเป้าหมายการกัดกร่อนจริง แล้วทำไมอีกฝ่ายถึงลงมืออย่างนุ่มนวลนัก? ตัวมันสามารถฝ่าฟันอันตรายจากซินเธียได้อย่างราบรื่น
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ทำเอาแผนการของมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายกลายเป็นเรื่องตลก!
ไคลน์กลับมาสนใจฟอลเล็ต·เคนตรงหน้าที่จิตใจใกล้แตกสลายเต็มที ซักถามอีกหลายเรื่องเพื่อยืนยันสมมติฐานของตน
ชายหนุ่มต้องประหลาดใจเมื่อพบว่า ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา นิกายกายาสวรรค์ไม่เคยประกอบพิธีกรรมให้มารดาพฤกษาแทรกแซงการทำนายเลยสักครั้ง และไม่มีการเตรียมแผนสำรองในกรณีแผนหลักล้มเหลว
แปลกมาก…
ไคลน์ล้วงหยิบเหรียญ ดีดขึ้นไปในอากาศจนเกิดเสียง แบมือเตรียมรอรับผลการทำนาย
แต่ถึงจะไม่ทำนาย ไคลน์เชื่อว่าฟอลเล็ต·เคนมิได้โกหก เนื่องจากอีกฝ่ายกำลังอยู่ในสภาพใกล้สิ้นสติ ไม่น่าจะหลงเหลือเหตุและผลมากพอให้โกหกอย่างแนบเนียนและลื่นไหล
อีกหนึ่งปัจจัยก็คือ คำตอบของฟอลเล็ต·เคนสมเหตุสมผลเป็นอย่างมาก สอดคล้องกับความคิดในหัวที่ไคลน์ไม่เคยพูดออกไป
แปะ! เหรียญทองตกลงบนฝ่ามือ ใบหน้ากษัตริย์เผยขึ้น เป็นการยืนยันประโยคทำนาย
ไคลน์สรุปได้ว่า ฟอลเล็ต·เคนมิได้โกหก
ชายหนุ่มระงับความคลางแคลงไว้ชั่วคราว จ้องหน้าฟอลเล็ต·เคนพลางกล่าวโดยปราศจากรอยยิ้ม
“เคยฝ่าฝืนกฎหมายและขนบธรรมเนียมอันดีงามของอาณาจักรบ้างหรือไม่”
ฟอลเล็ต·เคนผงะหลายวินาที คล้ายกับสติสัมปชัญญะเริ่มกลับคืนมา
ตามความคิดของมัน ความผิดร้ายแรงที่สุดในชีวิตคือการวางแผนกัดกร่อนนายพลอมิรุส และคงไม่มีความผิดใดที่จะทำให้คนใหญ่คนโตตรงหน้าเดือดดาลได้มากกว่านี้อีกแล้ว ดังนั้น วีรกรรมความชั่วช้าในอดีตของตน จึงน่าจะเป็นเพียงเรื่องไม่สำคัญในสายตาครึ่งเทพ
เมื่ออีกฝ่ายเลิกถามถึงประเด็นสำคัญ และเริ่มชวนคุย ‘เรื่อยเปื่อย’ ฟอลเล็ต·เคนจึงมองว่าบทสรุปของเรื่องราวอาจไม่เลวร้ายกับตนมากนัก
มันเผยรอยยิ้ม รีบกลั่นกรองเรื่องราว
“กระผมเคยขโมยทรัพย์ของผู้อื่นด้วยกลอุบายอันแยบยล เริ่มจากการทรมานครอบครัวของมันตลอดทั้งคืน ฆ่าทิ้งและนำศพไปไว้ในป่า จากนั้นก็ปลอมเอกสารเพื่อครอบครองเงินทองจำนวนมาก กระผมเคยกล่อมให้สาวกบางคนปลดปล่อยแรงกระหายในใจ และเฝ้ามองพวกมันกลายเป็นอาหารของมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย ในวาระสุดท้ายของชีวิต เสียงโหยหวนอย่างสำนึกเสียใจของพวกมันช่างระรื่นหูยิ่งนัก กระผมเคยหลอกลวงหญิงสาวหลายคนมาเข้าร่วมพิธีกรรมชำระล้างดวงวิญญาณ โดยอ้างเหตุผลว่า ดวงวิญญาณของพวกเธอถูกสิ่งชั่วร้ายเข้าสิง กระผมเคยทรมานกลุ่มคนที่พยายามถอนตัวออกจากนิกาย ด้วยการตัดเฉือนอวัยวะทั้งหมดที่ยื่นออกจากลำตัวทิ้งไปเสีย…”
ฟอลเล็ต·เคนบรรจงสาธยายบาปของตนทีละเรื่องอย่างตั้งใจ ปราศจากความคิดที่จะปิดบัง
ไคลน์ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง คาดไม่ถึงว่าจะมีมนุษย์ที่จิตใจชั่วร้ายเช่นนี้อยู่บนโลก
ขณะฟอลเล็ต·เคนกำลังติดลม บรรยายเหตุการณ์อย่างตื่นเต้น มันเห็นนายพลอมิรุสลุกจากเก้าอี้โดยปราศจากอารมณ์บนใบหน้า เดินอ้อมโต๊ะอ่านหนังสือ หยุดยืนหน้าตนพร้อมกับเหยียดแขนซ้ายเข้าหา
ณ กึ่งกลางฝ่ามือ ปากสัตว์ประหลาดฉีกออกกว้างอย่างน่าสะพรึง ฟันซี่คมสีขาวโพลนเรียงรายสองแถว ชวนให้ผู้พบเห็นเย็นไปถึงสันหลัง
“ม…ไม่! อย่า!”
เสียงหวีดร้องอันน่าสยดสยองดังกังวานภายในห้องอ่านหนังสือ ต้องรอให้ผ่านไปสักพักจึงจะเริ่มบรรเทา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ