ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 665

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 665 : ด้ายวิญญาณ
ราชันเร้นลับ 665 : ด้ายวิญญาณ
โดย
Ink Stone_Fantasy
ท่ามกลางดวงอาทิตย์ที่ลอยสูงและน้ำทะเลสีทองอร่าม นอกจากสองสิ่งนี้ ทัศนวิสัยของไคลน์มองเห็นเพียงด้ายมายาสีดำจำนวนมหาศาล

ด้ายดำแผ่ออกจากนางเงือกที่อยู่ใกล้เคียง จากตัวไคลน์เอง จากทะเลใน เหยียดยาวออกอย่างหนาแน่นจากอวัยวะส่วนต่างๆ ของสิ่งมีชีวิต บางส่วนยืดออกราวกับไม่มีจุดสิ้นสุด ตรงเข้าไปในห้วงมิติลึกลับที่ผุดจากความว่างเปล่า

สำหรับไคลน์ ฉากอันแปลกตาเช่นนี้มิใช่สิ่งใหม่ ชายหนุ่มเคยหยิบยืมพลังของ ‘ดวงตาดำล้วน’ หลายครั้งหลายหน ส่วนใหญ่ใช่เพื่อสร้างตัวตนปลอมในชื่อ ‘เดอะเวิร์ล’

พลังพิเศษของนักเชิดหุ่น!

อาศัยความรู้ที่ได้รับจากโอสถ ด้ายมายาสีดำชนิดนี้มีชื่อเรียกว่า ‘ด้ายวิญญาณ’ สามารถสร้างอิทธิพลต่อกายจิต วิญญาณดารา กายปัญญา กายอากาศ ของเป้าหมายได้โดยตรง จากนั้นก็ใช้กายอากาศเป็นสะพานในการเข้าควบคุมร่างกาย

ด้วยเหตุผลข้างต้น พลังพิเศษทั้งหมดของนักเชิดจึงขึ้นอยู่กับ ‘ด้ายวิญญาณ’ เป็นหลัก

สำหรับประโยชน์ข้อแรก เนื่องจากด้ายวิญญาณมีอยู่ในทุกสิ่งมีชีวิต การค้นหาเป้าหมายที่กำลังอำพรางตัวจึงเป็นเรื่องง่าย ถือเป็นของแสลงสำหรับศัตรูจำพวก ‘แม่มด’ และ ‘บาทหลวง’ ซึ่งเชี่ยวชาญการซ่อนตัว อย่างไรก็ตาม ไคลน์ยังไม่แน่ใจว่ามีวิธีปกปิดด้ายวิญญาณอย่างมิดชิดหรือไม่

ข้อที่สอง การควบคุมเป้าหมายเยี่ยงหุ่นเชิด ลดความเร็วของสมองลง บุกรุกเข้าควบคุมร่างกายโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม โอกาสตอบโต้แทบเป็นศูนย์ การจะต่อต้านนักเชิดหุ่นผู้เป็นถึงลำดับ 5 ให้สำเร็จ หนทางเดียวคือต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งของพลังวิญญาณ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม นักเชิดหุ่นถึงไม่เกรงกลัวศัตรูหน้าไหนก็ตามที่มีลำดับต่ำกว่าครึ่งเทพ

ข้อที่สาม หากควบคุมร่างกายเป้าหมายได้นานถึงกำหนด เหยื่อจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นหุ่นเชิดของผู้ใช้อย่างถาวร หากอยู่ภายในระยะควบคุม นักเชิดหุ่นสามารถซ่อนตัวอยู่หลังฉากและบงการหุ่นเชิดให้ต่อสู้แทนตัวเอง นี่คือวิถีที่แท้จริงของการเป็นนักเชิดหุ่น!

ช่างเป็นพลังที่ประหลาด ลึกลับ และอันตรายมาก… ช่วยให้คนคนหนึ่งสามารถบงการอยู่หลังฉากอย่างแยบยล เข้าใจแล้วว่าทำไม โรซาโก้ถึงกล่าวว่า ด้ายวิญญาณคือพลังที่รับมือได้ยากที่สุดในบรรดาผู้วิเศษระดับต่ำกว่าครึ่งเทพทั้งหมด…

แต่ ‘เวลา’ คือกุญแจสำคัญ การเข้าควบคุมร่างกายจะไม่สำเร็จอย่างปุบปับ ต้องค่อยๆ รุกเข้าไปทีละก้าวจนกระทั่งยึดครองร่างกายสำเร็จ สำหรับพลังในปัจจุบันของเรา การจะควบคุมร่างขั้นต้นต้องใช้เวลาราวยี่สิบวินาที แต่ยิ่งโอสถถูกย่อยมากขึ้น ระยะเวลาที่ใช้ก็ยิ่งลดลง และเมื่อไรก็ตามที่โอสถนักเชิดหุ่นถูกย่อยสมบูรณ์ เราอาจเข้าควบคุมขั้นต้นได้ภายในห้าวินาที ไม่เพียงเท่านั้น… ขณะพยายามควบคุมขั้นต้น เป้าหมายแทบไม่มีโอกาสรู้ตัว นอกเสียจากจะเป็นเส้นทางที่มีพลังหยั่งถึง…

เมื่อเหยื่อถูกด้ายวิญญาณควบคุมขั้นต้น สมองจะประมวลผลได้ช้าลง ร่างกายเฉื่อยชาและขยับเขยื้อนได้ลำบาก ค่อย ๆ กลายเป็นหุ่นกระบอกทีละนิด ในกรณีที่นักเชิดหุ่นมีพวกพ้อง ถ้าเหยื่อตกอยู่ในสภาพนี้เมื่อไร การปิดฉากก็ไม่ใช่เรื่องยาก หรือหากเหยื่อมีพลังวิญญาณไม่เข้มแข็ง และนักเชิดหุ่นยังมีพลังเหลือพอสมควร ก็สามารถปิดฉากได้เองด้วยปืนหรือสมบัติวิเศษ…

หากไม่มีพลังจากภายนอกเข้ามาขัดขวางการควบคุม ราวห้านาทีถัดมา เป้าหมายจะกลายเป็นหุ่นเชิดของเราอย่างสมบูรณ์ โดยนัยถือว่าเสียชีวิตไปแล้ว ไม่มีทางย้อนกลับผลลัพธ์ได้… หากเราย่อยโอสถนักเชิดหุ่นเสร็จสมบูรณ์ ระยะเวลาที่ใช้เปลี่ยนเป็นหุ่นเชิดก็จะลดลงอย่างมาก…

เราสามารถมีหุ่นเชิดได้สูงสุดหนึ่งตัว ถึงตอนนี้จะยังไม่มั่นใจ แต่ขีดจำกัดต้องเพิ่มขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน อาจสูงสุดได้ไม่เกินสามตัว…

นอกจากระยะเวลา ระยะทางก็ยังเป็นอีกหนึ่งข้อจำกัด เราจะมองเห็นด้ายวิญญาณภายในระยะหนึ่งร้อยเมตรเท่านั้น ส่วนการจะเข้าควบคุมร่าง เป้าหมายต้องอยู่ภายในระยะห้าเมตร…

หากจะควบคุมหุ่นเชิดที่มี ระยะห่างต้องไม่ไกลจากร่างหลักเกินหนึ่งร้อยเมตร แต่ในอนาคตคงเพิ่มขึ้น…

หึหึ นอกจากจะใช้พลังพิเศษของเป้าหมายได้ เรายังสามารถใช้สมบัติวิเศษและสมบัติปิดผนึกผ่านหุ่นเชิดได้ด้วย และฝ่ายที่สูญเสียพลังวิญญาณคือหุ่นเชิด ไม่ใช่เรา… แต่เดิมที การควบคุมหุ่นเชิดก็ต้องใช้พลังวิญญาณมากอยู่แล้ว…

นับว่าเหมาะกับเราทีเดียว ถ้ามีงานสืบส่วนเสี่ยงอันตราย ก็แค่ให้หุ่นเชิดทำแทน ถึงการสูญเสียหุ่นเชิดจะน่าเศร้า แต่ก็ดีกว่าเราตายเองแน่นอน…. หึหึ ก่อนที่นักเชิดหุ่น โรซาโก้ จะมาเก็บเรา มันคงเผชิญเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้สูญเสียหุ่นเชิด และคงยังย่อยโอสถไม่ถึงไหน ทำให้มิอาจควบคุมเราได้ในขณะที่ยืนหน้าประตู ต้องรอให้คุยกันซึ่งหน้าเสียก่อน…

สมกับที่เป็นพลังพิเศษของลำดับ 5! และเหนือสิ่งอื่นใด พลังพิเศษในลำดับก่อนหน้าทั้งหมด ถูกยกระดับขึ้นราวห้าสิบเปอร์เซ็นต์เห็นจะได้…

ยิ่งเห็นแบบนี้ก็ยิ่งคาดหวัง เดาไม่ถูกเลยว่า จะเกิดความเปลี่ยนแปลงมากมายเพียงใด และพิสดารขนาดไหน หากเราได้เลื่อนเป็นลำดับ 4… ให้ตายสิ ตอนนี้ยังไม่รู้แม้แต่ชื่อ… ไคลน์เสร็จสิ้นการสำรวจตัวเอง ถอนหายใจด้วยอารมณ์เข้มข้น

อาศัยประสบการณ์ มันรีบกำหนดวิธีเปิดปิดแบบเดียวกับเนตรวิญญาณ เพื่อสลับความสามารถการมองเห็นด้ายวิญญาณ จะได้ไม่เผลอไปเห็นในสิ่งที่ไม่บังควร

กดหัวแม่มือซ้ายลงบนข้อแรกของนิ้วชี้ซ้ายสองครั้งเพื่อเปิด ทำอีกครั้งเพื่อปิด หรือจะใช้มือขวาก็ได้เหมือนกัน… ขณะไคลน์รวบรวมความคิด มันมองตรงไปและพบกับกลุ่มนางเงือกที่เริ่มหันหน้ากลับมา พวกหล่อนกำลังจ้องชายหนุ่มด้วยดวงตาสีฟ้าเปียกชุ่ม

ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่า หากไม่มีเสียงร้องของพวกหล่อน เราคงคลุ้มคลั่งและกลายเป็นสมบัติวิเศษที่เหมือนกับ 2-049 ไปแล้ว… ไคลน์ยิ้มให้นางเงือกอย่างเป็นมิตร

นางเงือกที่ถูกผลของยันต์ครอบงำ เผยรอยยิ้มเขินอายกลับคืน

จนกระทั่งริมฝีปากสีแดงเข้มหรือม่วงของพวกหล่อนเริ่มอ้ากว้าง ไคลน์ได้เห็นซี่ฟันอย่างแจ่มชัด : ฟันคมราวกับหมาป่า สีขาวเงางาม เรียงชิดติดกัน ระหว่างซอกฟันมีของเหลวเหนียวข้นไหลซึม

ไคลน์พลันผงะ เมื่อเทียบกับสัตว์ประหลาดตัวจริง มันพบว่าสิ่งที่ตนกำลังเผชิญค่อนข้างทำใจยอมรับได้ยาก

ชายหนุ่มเตรียมใจมาแล้วหลายส่วน มองนางเงือกเป็นเพียงสัตว์ทะเลชนิดหนึ่ง ดังนั้น ถึงอีกฝ่ายจะน่ากลัวและบ้าคลั่งสักเพียงใด มันเชื่อว่าตัวเองสามารถยอมรับได้ แต่สถานการณ์ปัจจุบันกลับผิดจากที่เคยคิดไปมาก นางเงือกปรากฏตัวในรูปโฉมของหญิงงามที่น่าดึงดูด แม้กระทั่งส่วนครึ่งล่างก็ยังมีสีสันสวยงาม เมื่อได้เห็นซี่ฟันที่น่ากลัวและน่ารังเกียจ ความขัดแย้งอย่างรุนแรงทำให้ไคลน์ไม่กล้าแม้แต่จะมองเข้าไปตรงๆ เกือบจะเบือนหน้าหนีในทันที

ชายหนุ่มรีบโบกมืออำลา พลางใช้ยันต์ขอบเขตเทพสมุทรสร้างพายุอีกครั้ง ส่งเรือเล็กแล่นกลับอนาคตกาล

ระหว่างทาง ไคลน์อดนึกถึงความรู้สึกในช่วงก่อนหน้าไม่ได้

กลายเป็นว่า เสียงเพลงของนางเงือกช่วยทำหน้าที่คืนสมดุล ไม่อย่างนั้น ผู้ไร้หน้าส่วนใหญ่คงมิอาจต้านทานการกัดกร่อนจากด้ายวิญญาณของโอสถนักเชิดหุ่นแน่ และชะตากรรมเดียวที่รออยู่คือการคลุ้มคลั่ง… หึหึ ต้องไม่นับกรณีที่โชคดีเป็นพิเศษอย่างคาเวทูว่า… แต่อาจเป็นเพราะมันไม่ได้ประกอบพิธีกรรมอย่างเหมาะสม ความแข็งแกร่งจึงน้อยผิดปรกติ…

ในทางทฤษฎี หากใช้เสียงที่มีผลลัพธ์คล้ายคลึงกัน นางเงือกก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็น แต่ถ้าไม่เคยผ่านประสบการณ์ด้วยตัวเองมาก่อน ก็คงอธิบายไม่ได้เหมือนกันว่าเป็นเสียงแบบไหน ถึงจะเป็นผู้วิเศษลำดับสูงก็ตาม หากไม่ใช่เส้นทางนักทำนาย ก็คงมอบคำแนะนำที่ดีให้ไม่ได้แน่…

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ