ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 681

สรุปบท ราชันเร้นลับ 681: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

สรุปเนื้อหา ราชันเร้นลับ 681 – ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ โดย Internet

บท ราชันเร้นลับ 681 ของ ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 681 : ตอบอ้อมค้อม
ราชันเร้นลับ 681 : ตอบอ้อมค้อม
โดย
Ink Stone_Fantasy
เดอร์ริค ‘เดอะซัน’ ที่ตกเป็นเป้าสายตาของทุกคน มิได้ออกอาการประหม่า รีบเล่าอย่างเป็นธรรมชาติคล้ายกับเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้าแล้ว

“ผมเพิ่งเข้าร่วมทีมสำรวจหมู่บ้านยามบ่ายที่นำโดยท่านเจ้าเมือง… นี่คือเส้นทางเดียวที่เข้าสู่วังราชาคนยักษ์ได้ เป็นประตูซึ่งแบ่งแยกตำนานและความจริงออกจากกัน”

คำเกริ่นนำของเด็กหนุ่มกระตุ้นให้สมาชิกชุมนุมทาโรต์ทุกคนทวีความอยากรู้อยากเห็น แต่ละคนตั้งท่ารอฟังด้วยใจจดจ่อ

เดอร์ริคเล่าข้ามเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างทาง พุ่งความสำคัญไปยังเหตุการณ์หลังจากมาถึงหมู่บ้านยามบ่าย อันดับแรก เด็กหนุ่มเล่าถึงบรรยากาศอันมืดมนและเงียบสงัดของที่นั่น จากนั้นก็เล่าเหตุการณ์ขณะทีมสำรวจสามคนค้นพบแท่นบูชาในห้องใต้ดิน เล่าถึงวินาทีที่ตนเอ่ยนามของโอโรเลอุส เมดีซี และซาสเรียจนถูกส่งไปยังอีกฝั่งของหมู่บ้าน เล่าเรื่องที่ตนได้อ่านเนื้อหาเต็มๆ บนแท่นบูชาซึ่งเขียนถึงสมญานาม ‘เทวทูตมืด’ และ ‘กุหลาบไถ่บาป’

ถึงตรงนี้ เด็กหนุ่มเว้นวรรคเพื่อขอบคุณมิสเตอร์ฟูล ที่ช่วยให้ตนรอดพ้นจากวิกฤติดังกล่าว

ถัดมา เดอร์ริคเล่าถึงเรื่องสัตว์ประหลาดเงาดำที่สามารถจำแลงกายเป็นมนุษย์ ไปจนถึงนักบวชในชุดคลุมสีขาวผู้เอาแต่สารภาพบาปในวิหาร

เด็กหนุ่มเล่าเน้นย้ำประโยคที่นักบวชท่องซ้ำไปซ้ำมา โดยปิดท้ายว่า ในวินาทีที่นักบวชพยายามเอ่ยนามของราชาเทวทูตตนที่สี่ เพลิงมายาสีใสพลันลุกท่วมร่างจนกลายเป็นเถ้าถ่าน

อีกหนึ่งราชาเทวทูต! เหนือสิ่งอื่นใด บรรยากาศของหมู่บ้านยามบ่ายช่างน่ากลัวนัก แถมคำสารภาพบาปของนักบวชก็ยังดูเหมือนกับ… เอ่อ… เหมือนกับคำพยากรณ์มหาภัยพิบัติ… ออเดรย์นั่งฟังเรื่องราวด้วยความปลื้มปริ่ม ในใจทวีความอยากรู้ชื่อที่อีกฝ่ายไม่ได้กล่าวออกมา

ทันใดนั้น เดอร์ริค ‘เดอะซัน’ มองไปยังหัวมุมโต๊ะทองแดงยาว ซักถามด้วยความเคารพ

“มิสเตอร์ฟูลขอรับ… ผู้ที่ล่อลวง ‘เทวทูตมืด’ ซาสเรียเป็นใครกัน? นามที่สี่มีชื่อว่าอะไร? แล้วเหตุใดเขาถึงกล่าวออกมาไม่ได้”

นั่นปะไร… ด้านหลังม่านหมอก รอยยิ้มของไคลน์พลันแข็งทื่อ

ย้อนกลับไปในเหตุการณ์ก่อนหน้า ชายหนุ่มรีบส่งเดอะซันน้อยกลับเพราะไม่ต้องการตอบคำถามในทำนองเดียวกัน!

มันกลัวว่าเดอะซันจะถามเกี่ยวกับ ‘เทวทูตมืด’ ซาสเรียซึ่งตนไม่มีคำตอบใดจะมอบให้

แต่โชคยังดี นักมายากลจะไม่ขึ้นเวทีโดยไม่เตรียมตัวเด็ดขาด หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ไคลน์พยายามครุ่นคิดหาคำตอบไว้ล่วงหน้า ทันใดนั้น ชายหนุ่มวางมือลงบนที่พักแขน เผยรอยยิ้มเล็กน้อยและกล่าวด้วยดวงตาแฝงความนัย

“นั่นเป็นความลับ”

ไคลน์แสดงสายตาและอากัปกิริยาที่บอกใบ้ให้สมาชิกชุมนุมทาโรต์พบความผิดปรกติของวลี ‘ความลับ’ พยายามสื่อให้พวกเขาตระหนักว่า ถ้อยคำดังกล่าวมีความนัยแฝงอย่างลึกซึ้ง ส่วนจะเป็นสิ่งใดนั้น ให้ทุกคนไปตีความกันเอาเอง เหล่าทวยเทพล้วนมีเหตุผลให้ต้องปกปิด

หลังจาก ‘แสดง’ เสร็จ ไคลน์เริ่มรู้สึกผิดในใจ มันตระหนักว่าตนชักทำตัวเหมือนนักต้มตุ๋นเข้าไปทุกวัน ขณะเดียวกันก็เริ่มฉุกคิดได้ว่า การที่มาดามเฮอร์มิทชอบมองทะลุม่านหมอกเข้ามาสำรวจตน เป็นเพราะตนมักบอกใบ้ผ่านอากัปกิริยาแทนการพูดตรงๆ บ่อยครั้ง ส่งผลให้บรรดาสมาชิกต้องเงยหน้ามองเพื่อตรวจสอบท่าทีของเดอะฟูล

ขอโทษด้วย ที่ต้องทำแบบนี้ก็เพราะเราจนปัญญาจะตอบ… ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว… เราไม่ใช่เทพมารสักหน่อย! ไคลน์ทำได้เพียงถอนหายใจเงียบ

ความลับ…? แค่ชื่อก็เป็นความลับแล้ว? หรือนี่จะเป็นคำเตือนจากมิสเตอร์ฟูล… ถ้าแค่ชื่อยังต้องเป็นความลับ อีกฝ่ายเป็นตัวตนระดับใดกันแน่? เทพแท้จริงลำดับ 0? ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ครุ่นคิดหลายสิ่ง เมื่อผนวกกับเรื่องราวจากปากเดอะซันน้อย มันสามารถคาดเดาได้หนึ่งทฤษฎี

หืม… แค่ชื่อก็ยังเป็นความลับ… มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเกี่ยวข้องกับเทพแท้จริง และอาจไม่ใช่ใครนอกจากเทพธิดารัตติกาล เพราะหนึ่งในพระนามของเธอคือ ‘มารดาแห่งความลับ’ ! ความมืดมิดที่แสนอันตรายของดินแดนเทพทอดทิ้งเองก็สอดคล้องกับเรื่องนี้… แคทลียา ‘เฮอร์มิท’ อาศัยคำบอกใบ้ของมิสเตอร์ฟูล อนุมานบางสิ่งอย่างไร้หลักฐาน

ขณะเดียวกัน เธอค่อนข้างแน่ใจว่า ภัยพิบัติที่นักบวชกล่าวถึง จะต้องเป็น ‘มหาภัยพิบัติ’ ซึ่งถือเป็นจุดสิ้นสุดยุคสมัยที่สาม

ราชาเทวทูตผู้ถูกล่อลวง… ชาวบ้านยามบ่ายที่ละทิ้งจิตวิญญาณ… หมู่บ้านที่ถูกกัดกร่อนทีละนิด… ‘บุปผาแห่งหายนะ’ สีดำที่ระเบิดออก… ประวัติศาสตร์ซึ่งถูกฝังกลบไปพร้อมกับยุคสมัยดังกล่าว… เหตุการณ์ที่เป็นจุดเริ่มต้นของดินแดนเทพทอดทิ้ง… ช่างเป็นประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยความดำมืดและเข้มข้น… แคทลียาถอนหายใจด้วยอารมณ์ซับซ้อน

ขณะสมาชิกชุมนุมทาโรต์กำลังครุ่นคิด ‘เดอะฟูล’ ไคลน์พยายามวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่นามดังกล่าวว่างเปล่าและมิอาจเอ่ยออกมา

หรือว่านั่นคือพระนามของเทพแท้จริง? เทพแท้จริงผู้ล่อลวง ‘เทวทูตมืด’ ซาสเรีย… หมายความว่า ราชาเทวทูตคนที่สี่ซึ่งพระนามสูญหายไป กลายมาเป็นเทพแท้จริงในภายหลัง?

แต่ใช่ว่าเราจะไม่เคยเอ่ยนามของเทพมาก่อนสักหน่อย… หลายฝ่ายต่างทราบว่าแม่มดบรรพกาล ‘ชีค’ มีระดับเทียบเท่าเจ็ดเทพจารีต และไม่เคยมีใครได้รับอันตรายจากการเอ่ยพระนาม…

หรืออาจจะเกี่ยวกับภาษาที่ใช้? อินทิส ฟุซัค หรือกระทั่งฟุซัคโบราณ ถือเป็นภาษาที่มิได้กระตุ้นพลังธรรมชาติ แต่ภาษาคนยักษ์ของเมืองเงินพิสุทธิ์นั้นต่างออกไป… ดูเหมือนว่านักบวชคนดังกล่าวจะใช้ภาษาที่คล้ายกับคนยักษ์…

หรือเราควรเอ่ยชื่อ ‘ชีค’ บนโลกความจริงด้วยภาษาคนยักษ์? จากนั้นก็ตายคาที่… ประสบความสำเร็จในการรนหาความตาย… เรื่องนั้นช่างมันก่อน… การที่ชื่อหนึ่งว่างเปล่า กับอีกชื่อหนึ่งมิอาจเอ่ยออกมา อาจหมายถึงคนละคน… เรายังไม่รู้สาเหตุเบื้องลึก…

ขณะเดียวกัน เมื่อเห็นเดอะซันน้อยกำลังสับสน ไม่เข้าใจความนัยแฝงของมิสเตอร์ฟูล ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์รีบอธิบายอย่างกระตือรือร้น

“ทั้งสองชื่ออาจหมายถึงพระนามของเทพแท้จริงสององค์ เป็นเหตุผลที่พูดออกมาไม่ได้… บางที บุคคลที่ล่อลวง ‘เทวทูตมืด’ ซาสเรียอาจเป็นพระผู้สร้างแท้จริง ส่งผลให้หมู่บ้านยามบ่ายและเหล่าราชาเทวทูตถึงคราวล่มสลาย นำไปสู่เหตุการณ์มหาภัยพิบัติ และยังเป็นสาเหตุว่าทำไมดินแดนเทพทอดทิ้งแห่งนี้จึงหลงเหลือเพียงวิหารของท่านผู้นั้น… สำหรับราชาเทวทูตคนที่สี่ ท่านอาจได้รับผลประโยชน์จากเหตุการณ์มหาภัยพิบัติ จนสามารถเลื่อนขั้นกลายเป็นเทพแท้จริงได้ในภายหลัง”

คล้ายคลึงกับข้อสันนิษฐานของเรา แต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยัน… แคทลียามิได้กล่าวเสริม เธอยังไม่ปักใจเชื่อว่า สมมติฐานที่ตรงกันระหว่างตนกับแฮงแมน คือความจริงของเรื่องพิศวงนี้

ทั้ง ‘ออเดรย์’ จัสติส ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์ส และ ‘เดอะมูน’ เอ็มลินต่างตั้งใจฟังโดยไม่ขาดตกบกพร่อง ขณะเดียวกันก็ทำได้เพียงถอนหายใจเงียบ เพราะทุกครั้งที่ชุมนุมทาโรต์เข้าสู่ช่วงเวลาแลกเปลี่ยนข้อมูลอิสระ หัวข้อสนทนามักหนีไม่พ้นเรื่องในระดับสูงจำพวกราชาเทวทูต เทพมาร เทพแท้จริง หรือไม่ก็ความลับโบราณ ซึ่งสำหรับพวกเขาล้วนเป็นสิ่งที่ฟังดูไกลตัว

“งั้นหรือ… เข้าใจแล้ว” คล้ายกับ ‘เดอะซัน’ ฉุกคิดบางสิ่งได้ เด็กหนุ่มหันไปขอบคุณมิสเตอร์ฟูลอีกครั้งจากก้นบึ้ง

ขณะเตรียมเบือนหน้ากลับ เดอร์ริคนึกบางอย่างออกพอดี จึงซักถามด้วยน้ำเสียงกังวล

“มิสเตอร์ฟูล กุญแจสำคัญในการออกจากดินแดนเทพทอดทิ้ง ซ่อนอยู่ในวังราชาคนยักษ์จริงหรือขอรับ?”

‘เดอะฟูล’ ไคลน์ไม่รอให้อารมณ์ของสมาชิกคนอื่นกลับเป็นปรกติ หันไปตอบคำถามของแคทลียาด้วยรอยยิ้ม

“นั่นเป็นภาพจำลองของวังราชาคนยักษ์”

“ภาพจำลองของวังราชาคนยักษ์…” แคทลียาพึมพำด้วยน้ำเสียงแฝงความตกใจ

จากนั้น หญิงสาวครุ่นคิด

บางที ‘ท่าน’ คงทราบคำตอบนี้แล้ว…

เดอร์ริค ‘เดอะซัน’ ใช้เวลาสองสามวินาทีในการทำความเข้าใจบทสนทนาระหว่างมิสเตอร์ฟูลและมาดามเฮอร์มิท ก่อนจะเริ่มเข้าใจบางส่วนอย่างคลุมเครือ : กุญแจสำคัญสำหรับเข้าสู่ดินแดนเทพทอดทิ้ง อยู่ที่ภาพฉายของแบบจำลองวังราชาคนยักษ์!

หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง กุญแจสำคัญในการออกจากดินแดนเทพทอดทิ้ง ก็อาจซ่อนอยู่ในวังราชาคนยักษ์ของจริง? หัวใจ ‘เดอะซัน’ เดอร์ริคพลันสั่นเทา ก่อนจะก้มศีรษะลงและกล่าว

“ขอบคุณสำหรับคำตอบขอรับ มิสเตอร์ฟูล”

ฟู่ว… ไคลน์ถอนหายใจผ่อนคลายพลางรู้สึกว่า สถานการณ์เมื่อครู่สูบพลังชีวิตตนไปไม่น้อย

‘แฮงแมน’ อัลเจอร์พยายามข่มอารมณ์ เหลียวซ้ายแลขวาและจ้องไปทางเฮอร์มิท

“ภาพฉายของแบบจำลองวังราชาคนยักษ์อยู่ที่ไหน?”

สำหรับเรื่องนี้ มันไม่กล้าถามมิสเตอร์ฟูลโดยตรง เพราะเคยถูกเพิกเฉยในคำถามเกี่ยวกับดินแดนเทพทอดทิ้งมาแล้ว

แคทลียาตอบเสียงขรึม

“น่านน้ำพิเศษ ณ สุดขอบตะวันออกของทะเลโซเนีย… ในความฝันยามค่ำคืน… หากไม่รังเกียจ ฉันยินดีแบ่งปันประสบการณ์ที่ได้พบเจอในการเดินทางครั้งนี้ให้ทุกคนฟัง”

‘จัสติส’ ออเดรย์และ ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สต่างชะลอลมหายใจพร้อมกัน พวกเธอรอคอยอย่างใจจดใจจ่อที่จะฟังเฮอร์มิทสาธยายถึงเหตุการณ์อันเหนือจินตนาการ

……………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ