ย้อนกลับไปเมื่อครั้งได้พบไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ในโลกวิญญาณ ขณะได้เห็นร่างจริงขนาดมหึมาและปราสาทเก่าแก่สไตล์โกธิก ไคลน์เชื่อว่าอีกฝ่ายต้องไม่ใช่ตัวตนธรรมดา ดังนั้น การได้เห็นมาดามผู้ส่งสารเกือบจะเชือดนักล่าอันดับหนึ่งทิ้งอย่างง่ายดาย ไคลน์ไม่เคลือบแคลงอีกต่อไปว่าหล่อนคือครึ่งเทพผู้มีลำดับไม่ต่ำกว่า 4!
ครึ่งเทพยอมส่งจดหมายให้เราเพื่อแลกกับหนึ่งเหรียญทอง? ต่อให้คิดด้วยนิ้วเท้าก็ยังรู้ว่าไม่ปรกติ มาดามผู้ส่งสารคงมีความต้องการอย่างอื่นแอบแฝง… จริงอยู่ที่เรามักพบเจอเหตุการณ์ประหลาดบ่อยครั้ง แต่ในกรณีของมาดามผู้ส่งสาร เธออาจสนใจบางอย่างใจตัวเราและกำลังว่างอยู่พอดี…
สถานการณ์คล้ายกับท่าทีอันเป็นมิตรของ ‘กระจกวิเศษอาโรเดส’ และ ‘อสรพิษปรอท’ วิล·อัสติน… แต่ถึงอย่างนั้นก็ห้ามประมาท ไม่ควรลดการป้องกันตัวลง… ดังนั้น หากยังไม่มีการตกลงให้แน่ชัด เราห้ามเป่าฮาร์โมนิก้าส่งเดชเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นอาจถูกมาดามผู้ส่งสารฉีกร่างเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย… ไคลน์ขบคิดหลายสิ่งในเวลาอันสั้นด้วยสีหน้าภายนอกเรียบเฉย ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้แอนเดอร์สันผู้กำลังตื่นตระหนก
“ไม่เกี่ยวกับนาย”
“…” หมอนี่ลึกลับชะมัด! มีผู้ส่งสารเป็นถึงสัตว์วิญญาณระดับครึ่งเทพ! แถมยังรู้จักครึ่งเทพของโรงเรียนชีวิต… ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมราชาอมตะถึงไม่กล้าโจมตีทั้งที่คนสนิทถูกฆ่าตาย… ไม่แม้แต่จะโผล่หัว! หลังจากฉุกคิดบางสิ่ง แอนเดอร์สันแอบชำเลืองไปทางเกอร์มัน·สแปร์โรว์
“หืม…?” ไคลน์มองตอบอย่างไร้อารมณ์
แอนเดอร์สันรีบกลอกตาหนี หัวเราะแห้งสองสามหน
“ฉันแค่คิดว่า… นายเหมาะกับการเป็นนายแบบภาพวาด… ภาพประเภทพื้นหลังมืดมน ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็เข้ากับบุคลิกของนาย… คิดว่ายังไงบ้าง อยากได้สักรูปไหม? ฉันยินดีวาดให้ เชื่อเมื่อเถอะน่า! ถ้าเป็นของแบบนี้ ฉันถนัดมาก!”
ไคลน์ไม่แยแสถ้อยคำไร้สาระ หยิบนาฬิกาพกเรือนทองขึ้นมาเปิดฝา
“กลับไปที่ห้องของนาย อีกห้านาทีฉันจะไปหา”
“ตกลง” แอนเดอร์สันตอบพลางยิ้ม
รอจนกระทั่งนักล่าอันดับหนึ่งกลับไป ไคลน์หยิบนกหวีดทองแดงอะซิกและนกกระเรียนกระดาษของวิล·อัสติน กลับตัวเดินเข้าห้องน้ำ ลงมือประกอบแท่นบูชา
เมื่อนำต่างหูไข่มุกของพลเรือโทธารน้ำแข็ง เอ็ดวิน่า เข้าไปในมิติเหนือสายหมอกเทาสำเร็จ ไคลน์นั่งลงบนเก้าอี้หัวโต๊ะทองแดงยาว เสกปากกาและกระดาษ เขียนประโยคทำนายเรียบง่าย
“เบาะแสของเอ็ดวิน่า·เอ็ดเวิร์ด”
ในสภาพถือกระดาษและต่างหู ไคลน์เอนหลังพิงพนัก พำพึมประโยคทำนายเสียงแผ่วพร้อมกับเข้าฌานให้หลับ
ในตอนแรก ภาพการมองเห็นของชายหนุ่มมีเพียงโลกมายาสีเทา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นทุ่งหิมะสีขาวโพลน
เสียงโหยหวนของพายุหิมะดังกลบทุกสิ่ง รอบตัวมีเพียงหมอกหนาทึบรายล้อม มองยังไงก็ไม่เหมือนกับโลกแห่งความจริง
เพียงไม่นาน ไคลน์เห็นเอ็ดวิน่า หญิงสาวเจ้าของผมสีน้ำตาลมัดรวบ กำลังผจญภัยท่ามกลางพายุหิมะอันเกรี้ยวกราด
หญิงสาวสวมเชิ้ตเอวลอยสีขาว ปกเสื้อและปลายแขนเต็มไปด้วยลวดลายซับซ้อน กางเกงขายาวสีเข้ม ท่ามกลางสภาพแวดล้อมตรงหน้า มองยังไงก็ไม่เข้ากันเลยสักนิด
เอ็ดวิน่าสวมรองเท้าบูตหนังเดินไปบนหิมะอย่างต่อเนื่องจนเกิดเป็นรอยเท้าทางยาวหนึ่งแถว อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางพายุหิมะโหมกระหน่ำ รอยเท้าจางหายไปในเวลาไม่นาน
ทัศนียภาพของชายหนุ่มค่อย ๆ แตกกระจัดกระจาย ไคลน์ลืมตาขึ้นพร้อมกับตระหนักว่า จากความฝันเมื่อครู่ ตนไม่สามารถตีความตำแหน่งปัจจุบันของพลเรือโทธารน้ำแข็ง
“ขั้วโลก? ทุ่งรัตติกาลนิรันดร์? ไม่มีทางยืนยันได้ว่าเป็นที่ไหน… นอกจากพายุหิมะก็มองไม่เห็นอะไรอีก…” ไคลน์นั่งหลังตรง วางต่างหูไข่มุกและกระดาษเขียนประโยคทำนายลง
หลังจากใคร่ครวญสองสามวินาที ชายหนุ่มเพียงยืนยันได้ว่า เอ็ดวิน่า·เอ็ดเวิร์ดหายตัวไปจาก ‘ฝันทองคำ’ อย่างแน่นอน หรือก็คือ จดหมายจากเดนิสไม่ใช่กับดัก
ไคลน์ทำนายยืนยันอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ และพบว่าบนฝันทองคำไม่มีกับดักรอตนอยู่
ครุ่นคิดสักพัก ไคลน์ออกจากห้วงมิติเหนือหมอกเทา นำต่างหูไข่มุกกลับไปยังโลกจริงด้วยขั้นตอนซับซ้อน
นั่งจินตนาการแผนที่ท้องทะเลแถบเกาะโอลาวีสักพัก ผนวกเข้ากับตำแหน่งปัจจุบันของฝันทองคำ ไคลน์เลือกจุดนัดพบเป็นเกาะร้างแห่งหนึ่งซึ่งชาวประมงมักแวะหลบฝน โดยเขียนลงไปในจดหมายว่า ให้เดนิสนำฝันทองคำไปจอดใกล้กับเกาะดังกล่าว
เก็บกระดาษและปากกา เป่าฮาร์โมนิก้า พบกับผู้ส่งสารสี่หัวอีกครั้ง
ขณะยื่นจดหมาย ไคลน์กระแอมเล็กน้อยพลางซักถาม
“ยังระบุตำแหน่งของเดนิสได้ใช่ไหม”
หนึ่งในศีรษะของไรเน็ตต์พยักหน้า ส่วนที่เหลือขยับปากพูด
“ได้…” “ขอแค่…” “ยังอยู่ในระยะ…”
หลังจากรอสักพักและพบว่ามาดามผู้ส่งสารยังลอยตัวอยู่ ไม่มีทีท่าว่าจะกลับเข้าโลกวิญญาณ ไคลน์ยืนมองพลางกล่าว
“เดนิสจะเป็นคนจ่ายเหรียญทอง”
“ตกลง…” ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์หายตัวไปอย่างรวดเร็ว
ฟู่ว… ไคลน์ถอนหายใจยาว เริ่มลงมือเตรียมการขั้นสุดท้ายอย่างรอบคอบและเก็บกวาดแท่นบูชาให้เรียบร้อย เก็บของใส่กระเป๋า เดินออกจากห้องตัวเองไปเคาะประตูห้องแอนเดอร์สัน
“พวกเรามีที่ที่ต้องแวะก่อนไปบายัม” ไคลน์เล่าการตัดสินใจของตนให้นักล่าอันดับหนึ่งฟังอย่างใจเย็น “นายมีสองทางเลือก ไปรอฉันที่บายัม หรือไปด้วยกัน”
แอนเดอร์สันเผยรอยยิ้ม
“เลือดนักผจญภัยของฉันกำลังเดือดพล่าน! เคยสงสัยมาตลอดว่าผู้ส่งสารครึ่งเทพตนนั้นนำข่าวแบบไหนมาแจ้ง… คิดไม่ถึงว่านายจะเป็นฝ่ายออกปากชวนด้วยตัวเอง!”
ฉันเปล่าชวน ก็แค่บอกให้เลือก… ไคลน์เบือนหน้าหนีอย่างเย็นชา เดินไปทางบันไดโรงแรม แอนเดอร์สันเห็นดังนั้นจึงรีบหยิบกระเป๋าเดินทางใบใหม่ที่เพิ่งซื้อ รีบสืบเท้าตามหลังไปอย่างรวดเร็ว
ออกจากโรงแรม ไคลน์นั่งรถม้าเช่าออกจากเขตท่าเรือ ต่อด้วยการเดินเท้าไปยังริมหน้าผาร้างแห่งหนึ่งบนภูเขานักบุญเดรโก้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ