ราชันเร้นลับ 711 : พายุโหมกระหน่ำ
ณ เกาะไซมีม จุดอับลม ใต้ผาหินสูงตระหง่าน เขตทะเลน้ำลึกได้รับอิทธิพลจากสภาพแวดล้อมจนเกิดคลื่นกระเพื่อมขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง
บนเรือ ‘กะโหลกตาเดียว’ ของกัปตันคลั่ง คอร์เนอร์·วิกเตอร์ โจรสลัดจำนวนหนึ่งเริ่มสวมเสื้อคลุมพร้อมกับจัดแต่งหมวก สายลมกระโชกที่สามารถยกร่างกายเด็กเล็ก ปะทะใส่ร่างกายพวกมันพร้อมกับสร้างความเจ็บปวดเป็นระยะ หลายคนเริ่มเดินออกจากเขตห้องโดยสารเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย หลีกเลี่ยงอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นกับเรือ
เสื้อคลุมทั้งหมดทำจากผ้าลินิน แต่ผิวผ้าถูกเคลือบด้วยของเหลวหนืดที่สามารถแข็งตัว น้ำฝนจึงมิอาจซึมเข้าสู่ร่างกาย ทำได้แค่ไหลลงด้านล่าง ปะทะกับพื้นไม้ของดาดฟ้า
ของเหลวดังกล่าวคือ ‘ยาง’ ของต้นดอนนิงส์แมน พบได้ในป่าดิบชื้นบนทวีปใต้ ถือเป็นวัสดุธรรมชาติที่ใช้กันฝนได้ดีเยี่ยม แต่เดิม ราคาของมันค่อนข้างต่ำ จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้ว ทีมวิจัยเริ่มพบว่าหนึ่งในสรรพคุณของมันคือการทำให้เส้นผมเจริญเติบโตได้ดี นับแต่นั้น ราคาก็ทะยานขึ้นอย่างก้าวกระโดด
“ท่ามกลางสภาพอากาศแบบนี้ ถ้าได้อยู่ในโรงละครแดง ร่ำสุรา สูบกัญชา เคล้านารี คงมีความสุขเหนือคำบรรยาย!” โจรสลัดคนหนึ่งมองออกไปด้านนอกเรือ พูดแกมรำพัน
พวกพ้องของมันดึงหมวกขึ้นมาคลุมศีรษะ
“ฉันได้ยินมาว่า โรงละครแดงมีเด็กใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มอีกหลายคน อยากไปลองใจจะขาดแล้ว”
“ได้ยินมาจากไหน?” โจรสลัดอีกคนถามโดยไม่หันหน้ามอง
โจรสลัดคนเดิมหัวเราะ
“ได้ยินจากบอส นายลืมแล้วหรือว่าบอสของเราทำธุรกิจอะไร? เขารู้จักนักค้ามนุษย์หลายคน… ไม่สิ พวกนั้นชอบเรียกตัวเองว่าพ่อค้าทาสมากกว่า”
“นั่นสินะ… ฉันยังไม่ลืมเรื่องเมื่อตอนนั้นเลย” โจรสลัดคนหนึ่งกล่าวพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม “จากบรรดา ‘สินค้า’ ที่เคยไปส่ง มีคนหนึ่งเป็นหญิงสาวจากตระกูลขุนนาง หล่อนหนีออกมาจากบ้าน… ไม่ว่าจะผิวพรรณ เรือนร่าง หรือหน้าตา ทั้งหมดล้วนไร้ที่ติ… เฮ่อ… ยอดเยี่ยมจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก แต่หนึ่งสิ่งที่แน่ชัดก็คือ ฉันไม่มีวันลืมช่วงเวลาในตอนนั้น น่าเสียดายที่หล่อนชิงฆ่าตัวตายไปก่อน!”
ขณะกำลังพูดคุย พวกมันสัมผัสถึงแสงสว่างบนท้องฟ้า จึงเงยหน้าขึ้นตามสัญชาตญาณ สิ่งที่ได้พบก็คือ ท่ามกลางสายฝนโหมกระหน่ำ สายฟ้าสีเงินกำลังพุ่งลงมาจากกลุ่มเมฆสีดำที่บดบังแสงจันทร์และดวงดาว
เพียงพริบตา สายฟ้าขนาดมหึมามอบความสว่างไสวแก่ทะเลโดยรอบ พร้อมกับสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงแก่เขตห้องโดยสารของ ‘กะโหลกตาเดียว’ !
เปรี้ยง!
สายฟ้าแผ่ซ่านไปทุกทิศราวกับอสรพิษ ท่ามกลางเปลวไฟที่แผดเผาห้องพักซึ่งทำจากไม้ เสียงฟ้าร้องดังสนั่นหวั่นไหว ท่วมท้นโสตประสาทของเหล่าโจรสลัด
ตามติดมาด้วย สายฟ้าสีเงินอมขาวระลอกแล้วระลอกเล่า บรรจงผ่าลงมาอย่างต่อเนื่อง เปลี่ยนให้เรือใบลำใหญ่นาม ‘กะโหลกตาเดียว’ ตกอยู่ตามท่ามกลาง ‘ผืนป่าแห่งสายฟ้า’ ในทันที
วินาทีถัดมา สายฟ้าเส้นใหญ่ที่กำลังจะผสานเป็นหนึ่ง พลันแยกออกจากกันในลักษณะที่ขัดต่อกฎแห่งธรรมชาติโดยสิ้นเชิง ประกายสายฟ้าหักเหจนผ่าพลาดเป้า เฉียด ‘กะโหลกตาเดียว’ ลงไปยังผืนทะเลสีน้ำเงินเข้มด้านข้าง ส่งผลให้ผืนมหาสมุทรโดยรอบสว่างไสว อสรพิษไฟฟ้าตัวเล็กตัวน้อยส่งเสียงดังลั่นเป็นพักๆ
เหล่าโจรสลัดบนดาดฟ้าเรือต่างได้รับผลกระทบหนักหน่วง บ้างไหม้เกรียมประหนึ่งท่อนไม้ถูกเผา บ้างล้มลงและชักกระตุก
ตัวปัญหาโผล่ออกมาแล้ว…
ไคลน์ ผู้นั่งอยู่บนมิติเหนือสายหมอกสีเทา เฝ้ามองเหตุการณ์ทั้งหมดผ่าน ‘หน้าจอ’ สวดวิงวอน เมื่อได้เห็น ‘พายุสายฟ้า’ ของตนถูกทำให้แยกออกจากกันและพลาดเป้า ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
นี่คือพลังของครึ่งเทพอย่างไม่ต้องสงสัย!
หากลอบเข้าไปใน ‘กะโหลกตาเดียว’ อย่างบุ่มบ่าม ต่อให้พกถุงมือยุบพองหิวโหย ลูกโม่ลางมรณะ และบันทึกการเดินทางของกรอซาย แต่ก็คงยากจะรับมือกับผู้วิเศษที่มีพลังมหาศาลระดับนี้ และภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว เราคงไม่มีโอกาสสวดวิงวอนถึงตัวเอง หมดสิทธิ์เข้าสู่มิติหมอกสีเทาและตอบสนองด้วยคทาเทพสมุทร!
สูดลมหายใจยาว ไคลน์เปลี่ยนให้อัญมณีสีฟ้าปลายคทากระดูกสว่างขึ้นรวดเดียวอย่างพร้อมเพรียง แทนที่จะค่อยๆ สว่างทีละเม็ด!
ใกล้กันกับ ‘กะโหลกตาเดียว’ เสียงท่ามกลางพายุสามารถแบ่งได้เป็นสองชนิด หนึ่งคือหวีดร้องอย่างเกรี้ยวกราด คล้ายกับสามารถเสียดทะลวงโสตประสาท อีกหนึ่งคือทุ้มลึกคล้ายกับเสียงหัวใจเต้น สามารถจู่โจมเข้าใส่ร่างวิญญาณได้โดยตรง
ความรู้สึกดังกล่าวทำให้เหล่าโจรสลัดเริ่มแน่นหน้าอก สองสามคนกระอักเลือด อย่างไรก็ตาม นี่ยังเป็นแค่การโหมแรง เพียงพริบตา น้ำทะเลโดยรอบพลันกระเพื่อมหนักหน่วง เกิดเป็นคลื่นยักษ์สูงกว่าสิบเมตร ถาโถมตรงมาทางหน้าผาหินสูงชัน!
สึนามิสีน้ำเงินแกมดำที่ดูราวกับเป็นกำแพงฝีมือเทพ พุ่งเข้าใส่ ‘กะโหลกตาเดียว’ ประหนึ่งมีมือที่มองไม่เห็นคอยบังคับทิศทาง!
คลื่นยักษ์ฝีมือไคลน์!
เป็นพลังระดับภัยธรรมชาติ!
เสียงคลื่นปะทะเรือใบดังกึกก้องประหนึ่งระเบิดกัมปนาท โจรสลัดบนดาดฟ้าทำได้เพียงแหงนมองผืนนภาสีดำสนิท ราวกับโลกนี้กำลังดำเนินมาถึงจุดสิ้นสุด ต่างตนต่างละทิ้งความหวังที่จะมีชีวิตอยู่
แต่ไฟแห่งความหวังได้ลุกโชนกลับมาอีกครั้งเมื่อการพิพากษาครั้งสุดท้ายล้มเหลว ภายในคลื่นยักษ์ที่ดูราวกับกำแพงสวรรค์ วังวนเกลียวคลื่นปริศนาเริ่มก่อตัวอย่างผิดหลักธรรมชาติและหลักวิทยาศาสตร์ ฉีกทำลายสึนามิอันน่าหวาดหวั่นจนสลายไปในพริบตา
ท่ามกลางเสียงดังกึกก้องคล้ายภูเขาถล่ม คลื่นระลอกถัดมาหนุนให้ ‘กะโหลกตาเดียว’ ลอยสูงลิบลิ่ว ก่อนจะยุบตัวลงอีกครั้งตามธรรมชาติ วินาทีถัดมา ละอองน้ำกระเซ็นที่เกิดจากการสลายตัวของสึนามิลูกแรก ถาโถมเข้าใส่ ‘กะโหลกแดง’ จนเสากระโดงเรือบางต้นหักครึ่ง ห้องโดยสารพังยับเยิน ดาดฟ้าเจิ่งนอง
ฟ้าว!
ทันใดนั้น สายลมกระโชกผุดขึ้นจากความว่างเปล่าอย่างเกรี้ยวกราด ยกโจรสลัดทุกคนลอยขึ้น ก่อตัวเป็นพายุเฮอร์ริเคนทรงพลัง พัดพา ‘กะโหลกแดง’ ที่กำลังลอยกลางอากาศ ไปยังทิศทางที่ทะเลสงบนิ่ง
จากนั้น เรือใบลอยไปในอากาศคล้ายกับมีสายลมเกื้อหนุน พุ่งพรวดรวดเดียวไปไกลหลายไมล์ทะเล ไม่สนใจผิวน้ำกระเพื่อมลอนลาดด้านล่าง ลอยท่ามกลางอากาศอย่างมั่นคงประหนึ่งเรือเหาะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ