ท่ามกลางบรรยากาศมืดสลัวและสุขสงบ ทุกคนถูกต้อนรับด้วยบทสวดอันล่องลอย สอดประสานพร้อมเพรียง
“จันทราเต็มดวง สีแดงเข้ม”
“ส่องสะท้อน ธรณี”
“มนุษย์ต่างนอนหลับ ฝันดี”
“คิดเรื่อง ส่วนตัว”
“บ้างคิดถึงพ่อแม่ ครอบครัว”
“ตราบชั่ว นิรันดร์”
สุ้มเสียงอันศักดิ์สิทธิ์และเป็นจังหวะ ดังกังวานสอดประสาน เหล่าสาวกในโถงสวดมนตร์ต่างตาถูกสะกดให้จิตใจสงบนิ่ง หลงลืมปัญหาในชีวิตไปชั่วคราว เลิกคิดเกี่ยวกับความทุกข์ระทมบนโลกความจริง
ภายใต้การนำทางของนักบวชหลายคน บรรดาสาวกกระจายตัวนั่งหน้าแท่นบูชา จากนั้น บิชอปอีเล็คตร้าผู้รับหน้าที่ดูแลพิธีมหามิสซา เริ่มเทศนาพลาง ‘วิวรณ์แห่งรัตติกาล’ ไว้ในมือ
เมื่อพิธีการขั้นแรกจบลง นักบวชเตรียมน้ำและขนมปัง แจกจ่ายให้ไคลน์และสาวกคนอื่นๆ อย่างทั่วถึง สิ่งนี้ถูกเรียกว่าพรแห่งราตรี เป็นอาหารที่คนเป็นและคนตายแบ่งปันกันรับประทาน
ไคลน์ที่อาหารค่ำยังไม่ตกถึงท้อง ย่อมไม่ปล่อยให้ขนมปังและน้ำสูญเปล่า นั่งกินจนกระทั่งเริ่มเห็นแสงเทียนสว่างขึ้นใจกลางแท่นบูชา ช่วยขจัดปัดเป่าความมืดมิด คล้ายกับดวงดาราในยามค่ำคืน คอยเปล่งแสงและมอบความอบอุ่นอ่อนโยน
ทันใดนั้น บิชอปอีเล็คตร้าเริ่มนำสวด ร่วมกันกับเหล่านักบวชและนักร้องประสานเสียง
“เราแหงนมอง ท้องฟ้า ราตรียาม”
“เราเปล่งนาม รัตติกาล อันยิ่งใหญ่”
“เราจักไม่ เอ่ยถึง นามอื่นใด”
“เทพธิดา คอยห่วงใย กลางใจเรา”
“ทุกคนจง มารวมตัว ใต้สวรรค์”
“นำมือขวา กุมทับกัน อย่าสั่นไหว”
“เปล่งพระนาม เทพธิดา สื่อถึงใจ”
“แทนการมอบ รอยยิ้ม ให้คนตาย”
เสียงอันล่องลอยทะลวงผ่านโสตประสาท สาวกทุกคนพลันท่วมท้นไปด้วยความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์ คล้ายกับวิญญาณทุกดวงกำลังช่วยกันเปล่งเสียงกังวาน ในฐานะผู้วิเศษลำดับ 5 ไคลน์พบว่าวิญญาณของตนกำลังถูกชะล้างจนสะอาด กระแสการไหลเป็นไปอย่างนุ่มนวลและสะดวกสบาย
ถัดมาไม่นาน ความมืดมิดอันเงียบสงัดปกคลุมการมองเห็นของทุกคน เป็นความมืดที่ปราศจากสุ้มเสียงโดยสมบูรณ์
ท่ามกลางความมืด ไคลน์มองเห็นศพมากมายนอนเรียงราย มองเห็นใบหน้าอันขาวซีดที่เต็มไปด้วยความสุขสงบ ราวกับพวกเขาไม่ใช่คนตาย เพียงแค่นอนหลับไปเท่านั้น
ไคลน์ค่อยๆ ย่างกรายอย่างสงบภายในความมืด ก่อนจะหยุดลงกะทันหันและมองไปข้างหน้าในแนวเฉียง
ณ จุดที่มีดอกชมจันทร์เบ่งบานอย่างเงียบงัน ร่างของใครหลายคนกำลังนอนเรียง
ประกอบไปด้วยดันน์·สมิทในชุดกันลมสีดำ ไม่ได้สวมหมวก ลุงนีลล์ที่ยังคงสวมเสื้อคลุมสีดำทรงโบราณ และโคเฮนรี่ร่างเล็ก ผู้พยายามทำงานอย่างหนักเพื่อเก็บเงินสร้างตัว
ทุกคนหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย คล้ายกับมีรอยยิ้มเล็กๆ ตรงมุมปาก ทุกป้ายของหลุมศพล้วนสลักคำเดียวกัน
“ผู้พิทักษ์”
ไคลน์หลับตาลงทันที จากนั้น เสียงอันศักดิ์สิทธิ์และล่องลอยดังแว่ว
“จงประสาน สองมือ ให้แนบแน่น”
“จงยกแขน ประกบติด แนบชิดเต้า”
“จงสวดมนต์ ดลบันดาล เสียงแผ่วเบา:”
“การหลุดพ้น ของคนเรา คือนิพพาน”
ไคลน์ก้มหน้าลง ปิดตาสมิท ยกมือขึ้นมาทาบหน้าอก จากนั้นก็กระซิบ
“การหลุดพ้น ของคนเรา คือนิพพาน”
“การหลุดพ้น ของคนเรา คือนิพพาน”
…
เสียงเหล่านี้ดังซ้ำไปมา จนกระทั่งโถงสวดมนต์ใหญ่ตกอยู่ภายใต้ความเงียบสงบ ไคลน์ลืมตาขึ้น ยกมือขึ้นลูบหางตาทั้งสองข้าง
ชายหนุ่มหายใจออกเชื่องช้า เหลียวซ้ายแลขวา อาศัยแสงจากเชิงเทียน พบว่าสาวกส่วนใหญ่มีน้ำตาบนใบหน้าโดยไม่รู้ตัว กระทั่งบุรุษรับใช้ริชาร์ดสันก็ยังปล่อยให้น้ำตาไหลอาบสองแก้ม ไม่ได้เลื่อนมือขึ้นมาเช็ด
มิสซาจันทรามีความใกล้เคียงกับพิธีกรรมมาก… เป็นพิธีกรรมที่มีพลังพิเศษมาเกี่ยวข้อง… ผลลัพธ์คือการสั่นคลอนจิตใจของสาวก ทำให้แต่ละคนมองเห็นศพของคนใกล้ตัวในความมืด ปลดปล่อยความโศกเศร้าเพื่อสร้างความสงบสุขที่แท้จริง… การหลั่งน้ำตาไม่ได้เกิดจากพลังพิเศษ เราไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้… สำหรับคนธรรมดา นี่คือภาพลวงตาที่อัดแน่นไปด้วยอารมณ์ ทุกคนคงเข้าใจว่าเกิดจากพระบารมีของเทพธิดารัตติกาล ไม่ใช่พลังพิเศษ… ลำดับ 5 ของเส้นทางรัตติกาล ดูเหมือนว่าจะเชี่ยวชาญการครอบงำวิญญาณมาก… ไคลน์ถอนสายตากลับ วิเคราะห์หาคำตอบภายในใจ
ถัดมา ชายหนุ่มหวนนึกถึงภาพในความมืดเมื่อครู่ นึกถึงร่างไร้ชีวิตที่นอนเรียงกันท่ามกลางดอกชมจันทร์
หลับตาลง ไคลน์ปล่อยให้ความคิดของตนกระจัดกระจาย
ทุ่งกว้างอันมืดมิดซึ่งเต็มไปด้วยดอกชมจันทร์ สมุนไพรราตรี และดอกหลับใหล เป็นการสื่อถึงอาณาจักรแห่งเทพธิดา?
แล้วภัยอันตรายยามค่ำคืนใน ‘ซากสมรภูมิแห่งเทพ’ เกิดจากอะไรกันแน่?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ