“นายท่าน เรื่องที่คุณต้องการสืบ ได้รับคำตอบแล้ว”
ต่อหน้าคนรับใช้ ไคลน์ไม่ได้ถามเพิ่มเติม เพียงพยักหน้ารับอย่างใจเย็น
“ไปคุยที่ห้องหนังสือ”
วอลเตอร์เดินตามชายหนุ่มจนถึงชั้นสาม เฝ้ามองริชาร์ดสันเปิดประตูห้องอ่านหนังสือ ตามด้วยจุดตะเกียงแก๊สริมผนังด้านใน
ไคลน์เดินไปที่โต๊ะทำงานอย่างไม่รีบร้อน นั่งลงและมองหน้าพ่อบ้าน รอให้อีกฝ่ายเล่าออกมา
วอลเตอร์ส่งสัญญาณให้ริชาร์ดสันออกไปเฝ้าด้านนอกประตู เดินเข้าไปใกล้โต๊ะทำงาน เรียบเรียงคำพูดในใจ
รอจนกระทั่งประตูปิด มันกล่าว
“สามีของมาดามวาฮาน่าเป็นพ่อค้าผ้า ทำงานกับเพื่อนคนหนึ่ง ลงทุนไปเป็นเงินหนึ่งพันปอนด์ แต่อีกฝ่ายกลับหนีไปกับพร้อมสินค้า… เธอขอร้องให้ส.ส. มัคท์และมาดามลีอานน่า ช่วยกดดันให้ตำรวจเร่งติดตามคดีโดยเร็ว แต่คดีลักษณะแบบนี้ กรมตำรวจเองก็ไม่รับประกันความสำเร็จ”
ไคลน์หยิบปากกาหมึกซึมสีดำบนโต๊ะทำงาน วาดเล่นในอากาศ
“สำหรับครอบครัวของมาดามวาฮาน่า เงินจำนวนหนึ่งพันปอนด์ไม่ใช่ก้อนเล็กๆ”
เท่าที่มันทราบ รายได้ต่อปีของครูสอนพิเศษมักไม่เกินหนึ่งร้อยห้าสิบปอนด์ ยิ่งถ้านายจ้างจัดหาที่พักและอาหาร ค่าจ้างก็ยิ่งถูกลง
แม้วาฮาน่าจะมีนายจ้างเป็นชนชั้นสูงหลายตระกูล แต่รายได้ต่อปีสูงสุดก็คงไม่เกินห้าร้อยปอนด์… นอกจากนั้น รายจ่ายส่วนใหญ่ยังต้องหมดไปกับเครื่องแต่งกายและการดูแลรูปร่างหน้าตา เพื่อไม่ให้นายจ้างมองว่าไม่เหมาะสมที่จะเป็นครูสอนมารยาท…
“ใช่ครับ สามีของเธอมีรายได้ค่อนข้างปานกลางในหมู่พ่อค้าผ้า เงินลงทุนหนึ่งพันปอนด์จึงนับว่ามหาศาล” วอลเตอร์เล่าเสียงเบา
เป็นเงินที่เยอะสำหรับเราเหมือนกัน… ไคลน์ถอนหายใจและยิ้ม
“ผมเพิ่งมาถึงเบ็คลันด์ ยังไม่สนิทกับกรมตำรวจ”
วอลเตอร์ตอบกลับทันที
“นายท่าน เมื่อครั้งที่เคยรับใช้ไวเคาต์คอนราด ผมมีโอกาสได้รู้จักคนในสมาคมนายตำรวจอาวุโสประจำกรุงเบ็คลันด์”
สมาคมนายตำรวจอาวุโสประจำกรุงเบ็คลันด์? เท่าที่เราทราบ สมาคมนี้เป็นกลุ่มตำรวจยศใหญ่ในซิลวารัสยาร์ด แม้แต่ผู้กำกับการที่ดูแลเขตระดับเขต ก็ยังไม่มีสิทธิ์ได้เข้าร่วม…
ซิลวารัสยาร์ดหมายถึงกรมตำรวจของเบ็คลันด์ ตั้งชื่อถามถนนที่ตั้ง
สมแล้วที่เคยเป็นพ่อบ้านตระกูลใหญ่… ไคลน์ถอนหายใจเงียบ ยิ้มและส่ายหน้า
“สำหรับตอนนี้ พวกเรายังไม่จำเป็นต้องออกหน้า มาดามวาฮาน่าคงมีคนคอยให้ความช่วยเหลือมากมาย ถึงจะไม่นับส.ส. มัคท์ แต่ก็ยังมีอีกไม่น้อยที่สามารถทำให้ซิลวารัสยาร์ดหันมาสนใจคดีนี้”
มันเว้นวรรค พูดอย่างไม่แยแส
“ผมเคยเห็นจุดต่ำสุดของสังคมมาแล้ว รู้จักกฎการอยู่รอดของมนุษย์เป็นอย่างดี ในบางกรณี ตำรวจก็มีประโยชน์ไม่มากเท่ากลุ่มอันธพาลหรือนักล่าค่าหัว… วอลเตอร์ คุณไปที่กรมตำรวจเพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับคดี จากนั้นก็แวะไปยังผับชื่อดังในย่านสะพานเบ็คลันด์และเขตตะวันออก ประกาศค่าหัวพร้อมเงินรางวัล… ไม่ว่าจะเป็นการพบตัวคนร้ายหรือพบสินค้า ผมจะมอบรางวัลให้สองร้อยปอนด์… หึหึ หวังว่าแก๊งนักต้มตุ๋นนั่นจะยังอยู่ในเบ็คลันด์”
“รางวัลสองร้อยปอนด์?” วอลเตอร์ทวนตัวเลข อดไม่ได้ที่จะหันไปมองนายจ้าง คล้ายกับไม่อยากเชื่อว่าอีกฝ่ายจะเต็มใจจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อสะสางปัญหาให้วาฮาน่า
มันอ้าปากเล็กน้อย ราวกับต้องการเตือนบางสิ่ง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้กล่าวออกไป เพียงตอบกลับด้วยเสียงขึงขัง
“ครับ นายท่าน”
“ผมจะฝากเงินไว้กับคุณ” ไคลน์ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ล้วงหยิบกระเป๋าสตางค์
วอลเตอร์รับปึกเงินสดก้อนใหญ่ ครุ่นคิดสักพักก่อนจะถาม
“ให้ผมบอกมาดามวาฮาน่าไหมครับ?”
ไคลน์ยิ้ม
“ไม่ต้อง”
วอลเตอร์พยักหน้าและทำความเคารพ
“ความใจกว้างของนายท่านจะแพร่กระจายไปทั่วละแวกนี้”
…
เขตตะวันออก ถนนดาราวี ภายในผับที่คับแคบแต่มีชีวิตชีวา
ซิล สตรีเจ้าของผมสีทองสั้นที่ถูกหวีอย่างประณีต เดินแหวกฝูงชนอันพลุกพล่านซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าและเหงื่อโชยหึ่ง ตรงดิ่งไปยังเคาน์เตอร์บาร์
หญิงสาวใช้นิ้วเคาะแผ่นกระดาน กล่าวกับบาร์เทนเดอร์
“วันนี้มีงานใหม่เข้ามาบ้างไหม”
หากเป็นคนอื่น การโพล่งถามตรงๆ โดยไม่สั่งเครื่องดื่ม บาร์เทนเดอร์จะทำเป็นหูทวนลม แต่เมื่อเหลือบเห็นซิล นักล่าค่าหัวที่ไม่มีใครอยากให้เธอเมา มันทำได้เพียงถอนหายใจ
“มีงานน่าสนใจมาใหม่ จ่ายหนักถึงสองร้อยปอนด์”
“สองร้อยปอนด์?” ซิลเกือบคิดว่าตนหูฝาด เพราะนอกจากงานของมิสออเดรย์ ซึ่งเป็นงานที่ยากกว่านี้หลายเท่า เธอไม่เคยพบงานใดที่มีค่าตอบแทนสูงเท่านี้ในย่านสะพานเบ็คลันด์หรือเขตตะวันออกมาก่อน แม้กระทั่งภารกิจตามหาตัวอะซิก·อายเกสที่ทำให้นักล่าค่าหัวต่างพากันฮือฮา ก็ยังมีค่าตอบแทนเพียงหนึ่งร้อยห้าสิบปอนด์
สำหรับนักล่าค่าหัวทั่วไป ขอเพียงทำงานเช่นนี้ให้สำเร็จ พวกมันไม่ต้องทำงานไปอีกหนึ่งปีเต็มก็ยังได้!
และสำหรับซิล เงินก้อนนี้มีความหมายต่อเธอมาก เพราะหลังจากทำงานให้ชายสวมหน้ากากสีทองมาหลายเดือน เธอทราบเบื้องต้นว่าอีกฝ่ายคือคนของ MI9 หากตนสะสมคะแนนผลงานถึงค่าที่กำหนด เธอสามารถนำไปแลกเปลี่ยนกับสูตรโอสถ ‘นักสอบสวน’ ได้
ด้วยเหตุผลข้างต้น ค่าตอบแทนส่วนใหญ่จึงมาในรูปแบบของ ‘คะแนนผลงาน’ มากกว่าเงิน ส่วนเงินเก็บของซิลจะมาจากการทำงานล่าค่าหัวด้วยพลังของ ‘เจ้าพนักงาน’ เป็นหลัก
หากแลกสูตรปรุงโอสถได้เมื่อไร เรายังต้องใช้เงินเพื่อซื้อวัตถุดิบหลัก แต่ตอนนี้มีเงินติดตัวแค่สามร้อยปอนด์เศษเท่านั้น… ฟอร์สพูดถูก เงินไม่ใช่ทุกสิ่ง แต่ก็สำคัญต่อชีวิตมาก… คิดถึงจุดนี้ ซิลมองไปทางบาร์เทนเดอร์ ถามหลังจากใคร่ครวญ
“ภารกิจอะไร? ใครเป็นคนจ้าง?”
“ตามหาแก๊งต้มตุ๋น พวกมันโกงค่าผ้าเป็นเงินหนึ่งพันปอนด์” บาร์เทนเดอร์หยิบใบประกาศส่งให้ซิล พลางกล่าว “ผู้ว่าจ้างน่าจะเป็นพ่อบ้าน เรียกตัวเองว่าวอลเตอร์ ทำงานรับใช้มิสเตอร์ดอน·ดันเตสบนถนนเบิร์คลุน หากจับคนร้ายได้หรือเจอผ้าที่เป็นสินค้า เธอสามารถไปรับรางวัลได้ที่นั่น”
ซิลพลิกอ่านข้อมูลอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น ฉากที่สอดคล้องกันเริ่มปรากฏขึ้นภายในใจ ช่วยนำทางการสืบสวน
“ฉันจะทำงานนี้” หญิงสาวเงยหน้าและตอบ
บาร์เทนเดอร์ยักไหล่
“ไม่ใช่แค่เธอ นักล่าค่าหัวทุกคนของที่นี่ต่างเลือกทำงานนี้… แถมบางคนยังมีความคิดแหวกแนว”
“แหวกแนว?” ซิลถามอย่างสงสัย
บาร์เทนเดอร์หัวเราะในลำคอ
“พวกเขาบอกว่า มิสเตอร์ดอน·ดันเตสทั้งร่ำรวยและใจกว้าง หากเขายังขาดบอดี้การ์ด คนเหล่านั้นจะเสนอตัวทำงานให้… แต่ผ่านไปสักพักก็ต้องล้มเลิกความคิด เพราะงานบอดี้การ์ดไม่มีอิสระเท่ากับนักล่าค่าหัว แค่จะดื่มยังต้องรอให้เลิกงานก่อน”
นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับเรา แต่ว่า… เราเป็นได้แค่นักล่าค่าหัว… ซิลพยักหน้า กระโดดลงจากเก้าอี้สูงหน้าเคาน์เตอร์ เดินออกจากร้านโดยไม่มัวรีรอ
…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ