ด้านหน้าของชายหนุ่มคือสมุดบันทึกเล่มเท่าฝ่ามือ สีเขียวขี้ม้า ปกหนังสือมองผิวเผินจะดูแข็งมาก เป็นอื่นไปไม่ได้นอกจาก ‘สมุดบันทึกการเดินทางของเลมาโน่’ ที่ ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สส่งมาถึงล่วงหน้า
หลังจากพลิกหนังสือที่ดูคล้ายกับสมุดเวทมนตร์ ไคลน์จ้องหน้ากระดาษสีเหลืองไหม้ ยกมือขึ้น เรียกคทาเทพสมุทรออกจากซากกองขยะ ถือไว้ในมือ
ชายหนุ่มถ่ายเทพลังวิญญาณบางส่วนเข้าไปในบันทึกการเดินทางของเลมาโน่ ส่งผลให้สมุดเล่มดังกล่าวสว่างขึ้นเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็ใช้พลังวิญญาณอีกส่วนหนึ่ง ทำให้อัญมณีสีน้ำเงินบนหัวคทาเปล่งแสงสุกใส
ท่ามกลางเสียงแสบแก้วหูดัง ‘เปรี้ยะๆ’ สายฟ้าสีเงินเส้นแล้วเส้นเล่าปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า ทั้งทรงพลังและน่าพรั่นพรึง สอดประสานกันกลายเป็นพายุเฮอร์ริเคนสายฟ้า
ขณะเดียวกัน บนหน้ากระดาษสีเหลืองไหม้ของสมุดเวทมนตร์ สัญลักษณ์และลวดลายอันซับซ้อนปรากฏขึ้นทีละภาพอย่างรวดเร็ว ค่อยๆ ซ้อนทับจนกระทั่งรวมเป็นภาพใหญ่
ขณะหน้าดังกล่าวกำลังจะถูกย้อมด้วยแสงสีเงินขาว อสรพิษสายฟ้าพลันพุ่งออกจากผิวกระดาษ ทำลายสัญลักษณ์ทั้งหมดในคราวเดียว!
ล้มเหลวอีกแล้ว… ไคลน์ถอนหายใจเงียบ ทำซ้ำขั้นตอนเดิมอีกครั้ง
นี่ไม่ใช่ความพยายามครั้งแรก นับตั้งแต่ได้รับ ‘บันทึกการเดินทางของเลมาโน่’ มาในคืนวันพุธ ชายหนุ่มส่งตัวเองเข้ามิติหมอกอย่างต่อเนื่อง พยายามใช้หนังสือเวทมนตร์เพื่อบันทึกพลังชนิดต่างๆ ที่สำแดงโดยคทาเทพสมุทร จนกระทั่งพลังวิญญาณเหือดแห้งและไร้เรี่ยวแรง ต้องกลับสู่โลกความจริงเพื่อพักผ่อน
ระหว่างกระบวนการ มีทั้งความสำเร็จและล้มเหลวเกิดขึ้น ไคลน์ค่อยๆ บันทึกไปทีละพลังอย่างใจเย็น จนกระทั่งมาถึงพลังสุดท้ายอย่าง ‘พายุสายฟ้า’ ที่มันปรารถนามากที่สุด!
นี่คือพลังของครึ่งเทพเส้นทาง ‘นักเดินเรือ’ !
ก่อนจะเผชิญหน้ากับความล้มเหลวเมื่อครู่ ไคลน์เคยล้มเหลวมาแล้วเกือบยี่สิบครั้ง เรียกว่าโชคไม่เข้าข้างสักเท่าไร
ส้มเหลว ล้มเหลว แล้วก็ล้มเหลว รอจนกระทั่งครั้งที่ห้า ชายหนุ่มบังเกิดความยินดีปรีดาเมื่อได้เห็นแสงสีเงินอมขาวถูกฉาบไปทั่วหน้ากระดาษสีเหลืองไหม้ สัญลักษณ์ที่เรียบง่ายแต่ลึกลับและยากจะบรรยาย เริ่มก่อตัวขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน ทุกคนที่ได้เห็นสัญลักษณ์นี้ มีอันต้องเกิดความรู้สึกประหนึ่งถูกฟ้าผ่า
ฟู่ว… สำเร็จสักที… ไคลน์ใช้นิ้วสัมผัสหน้ากระดาษ ถอนหายใจโล่งอก
ชายหนุ่มพลิกหน้า ‘บันทึกการเดินทางของเลมาโน่’ เพื่อเชยชมผลลัพธ์ในความพยายาม
สองวันที่ผ่านมา มันไม่ได้ก้มหน้าก้มตาบันทึกพลัง ‘พายุสายฟ้า’ เพียงอย่างเดียว ยังมีพลังครึ่งเทพอีกสองชนิด หนึ่งคือ ‘เทวทูตกระดาษ’ ที่เกิดจากการใช้พลังบางส่วนของมิติหมอก มีอำนาจในการรบกวนพลังทำนาย และอีกหนึ่งคือ ‘ทอร์นาโด’ ที่มาจากพลังของคทาเทพสมุทรเช่นกัน
ขณะพยายามบันทึกพลังเหล่านั้น ไคลน์ค่อนข้างโชคดี อย่างแรกสำเร็จในเก้าครั้ง ส่วนอย่างหลังสำเร็จในสิบสองครั้ง
สำหรับพลังจำพวก ‘บิน’ ‘ร่อน’ หรือ ‘อสนีบาต’ ที่มีระดับต่ำกว่าครึ่งเทพ ใช้เวลาเพียงหนึ่งถึงสองครั้งก็สำเร็จ หน้าหนังสือในปัจจุบันจึงถูกบันทึกจนเกือบเต็ม
หากหนังสือเวทมนตร์เล่มนี้ไปอยู่ในมือผู้วิเศษไร้สังกัด การใช้ประโยชน์จะทำได้ไม่เต็มที่ เสียเวลานานในการบันทึกพลังแต่ละชนิด… ยิ่งเป็นพลังที่สูงกว่าลำดับ 6 โอกาสสำเร็จก็ยิ่งต่ำลง การบันทึกไม่ใช่เรื่องง่ายเลย… อย่างไรก็ตาม ในโลกของศาสตร์เร้นลับ พลังพิเศษมีทั้งหมดยี่สิบสองเส้นทาง หากเลือกบันทึกพลังในลำดับต้นๆ ที่สอดประสานกัน การโค่นลำดับ 5 ก็ไม่ใช่เลือกยาก… ไคลน์ปิดบันทึกการเดินทางของเลมาโน่ รำพันสองสามคำในใจ
ตามความคิดของมัน หากหนังสือเวทมนตร์เล่มนี้ไปอยู่ในมือผู้วิเศษไร้สังกัด พลังอำนาจจะเทียบเท่าครึ่งหนึ่งของสมบัติปิดผนึก แม้ว่าการใช้งานในช่วงแรกจะยากกว่า ‘ยุบพองหิวโหย’ แต่ก็จะค่อยๆ ดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ทว่า หากหนังสือเล่มนี้ไปอยู่ในมือผู้วิเศษที่สังกัดองค์กรใหญ่ บันทึกการเดินทางของเลมาโน่จะยิ่งทรงพลังอย่างเหนือจินตนาการ เรียกว่าเข้าขั้นโกงก็ยังได้ เพราะสิ่งนี้สามารถบันทึกพลังของครึ่งเทพ!
ตราบเท่าที่ต้องการ ครึ่งเทพสามารถสำแดงพลังได้ครั้งแล้วครั้งเล่าจนกระทั่งบันทึกสำเร็จ แต่กลับกัน ทางด้าน ‘ยุบพองหิวโหย’ มีโอกาสสูงที่การ ‘กลืนวิญญาณ’ ครึ่งเทพจะล้มเหลว แม้แต่ ‘คนเลี้ยงแกะ’ ตัวจริง การกลืนวิญญาณของผู้วิเศษลำดับสูงก็ยังถือเป็นเรื่องที่สำเร็จได้ยาก แถมทรัพยากรประเภทนี้ก็มีจำนวนจำกัด และยังเกิดคลุ้มคลั่งได้ง่าย… ในกรณีของอาวุโสโลเฟียร์แห่งเมืองเงินพิสุทธิ์ เธอโชคดีมากที่สามารถกลืนวิญญาณมารซึ่งมีระดับสูงกว่าหรือเทียบเท่าลำดับ 4 … คิดถึงตรงนี้ ไคลน์มองไปยังหินสีน้ำเงินเข้มที่วางอยู่ด้านข้าง พื้นผิวตะปุ่มตะป่ำและมีรอยไหม้ ไม่ใช่สิ่งใดนอกจากหินของ ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์ส มีพลังในการเดินทางผ่านโลกวิญญาณ
ด้วยบันทึกการเดินทางของเลมาโน่และหินก้อนนี้ ผนวกกับยันต์ ‘โจรปล้นดวง’ และหุ่นเชิด ‘วิญญาณอาฆาต’ ต่อให้มีตัวตนระดับนักบุญคอยคุ้มครองมิสเตอร์ X แต่เราก็คงลอบสังหารสำเร็จและหนีกลับมาได้อย่างปลอดภัย… ไคลน์ลูบหน้าผาก กลับสู่โลกความจริง จัดเตรียมพิธีกรรมรับมอบ นำวัตถุที่เกี่ยวข้องกลับมายังโลกความจริง
หลังจากเตรียมการเสร็จ ชายหนุ่มเดินไปยังกระจกเต็มบาน มองภาพลักษณ์ปัจจุบันที่สะท้อนบนผิวกระจก ปรับเปลี่ยนภายนอกให้ซีดเซียวกว่าปรกติ
หลังจบมื้อค่ำ ไคลน์อ้างว่าไม่สบายตัว เดินกลับมายังห้องนอนใหญ่
ชื่นชมวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนสักพัก ชายหนุ่มหยิบกระจกเงาขนาดเท่าฝ่ามือออกจากลิ้นชัก วางไว้บนหมอนอ่อนนุ่ม
วินาทีถัดมา ไคลน์โน้มตัวเข้าใกล้ จนผิวกระจกสะท้อนดวงตาสีน้ำเงินเข้มและจอนสีขาวของดอน·ดันเตส
ชายหนุ่มค่อยๆ เหยียดตัวยืนตรง เดินถอยหลัง และทันใดนั้น ดอน·ดันเตสอีกหนึ่งคนได้ปรากฏตัวบนเตียงนอน!
สุภาพบุรุษตรงหน้าอยู่ในชุดนอนผ้าไหมสีเข้ม เอนหลังนั่งพิงหมอน ในมือถือหนังสือ ดวงตาปิดลงราวกับกำลังครุ่นคิด
ไม่เลว… พลัง ‘กระจกลวงตา’ แทบไม่ต่างจาก ‘กระดาษคนลวงตา’ … ไคลน์เดินกลับไปที่โต๊ะอ่านหนังสือ หยิบปากกา วาดสัญลักษณ์พิสดารของความลึกลับและการส่องความลับ
เงียบงันสักพัก ดอน·ดันเตสบนเตียงเริ่มลืมตาขึ้น ยิ้มอย่างประจบประแจงพลางกล่าว
“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์และถ่อมตนของท่าน อาโรเดส อยู่ที่นี่แล้ว!”
ว่ากันตามตรง ถึงจะเป็นใบหน้าของดอน·ดันเตส แต่รอยยิ้มแบบนั้นไม่มีทางทำให้คนในบ้านเชื่อว่าปรกติ… ไคลน์ถอนหายใจเงียบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ