ทันใดนั้น เหงื่อเย็นๆ ไหลออกจากแผ่นหลังจนเสื้อเปียกชุ่ม
สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มประหลาดใจมากที่สุดไม่ใช่เนื้อหาของประโยค แต่เป็นการที่เสียงเมื่อครู่ดังขึ้นในหัวโดยตรง แถมยังเลียนแบบเสียงของตนได้เหมือนมาก
หมายความว่า… จากความฝันเมื่อครู่ แม้ว่าเราจะครองสติไว้ได้ แต่ร่างวิญญาณก็ยังถูกปนเปื้อนด้วยจิตคลุ้มคลั่งของอีกฝ่าย? หรือว่ามีใครส่งผู้คุมคนนี้มาแจ้งข้อความถึงเรา? ในใจไคลน์ผุดคำถามและการคาดเดามากมาย ก่อนจะสรุปเป็นข้อสันนิษฐานเบื้องต้น
มีไม่กี่คนที่รู้ว่าเราคือไคลน์·โมเร็ตติ เช่นเดียวกับคนที่ทราบว่าไคลน์·โมเร็ตติเคยสาบานต่อหน้าดาบศักดิ์สิทธิ์ และคนสองกลุ่มนี้แทบไม่ซ้อนทับกันเลย
มิสเตอร์อะซิกอาจทราบเรื่องหลัง แต่ถ้าเขาต้องการเตือน แค่ส่งผู้ส่งสารมาแจ้งข่าวโดยตรงก็พอ ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีน่ากลัวขนาดนี้… วิล·อัสตินก็เช่นกัน ราวนี้เป็นถึง ‘อสรพิษปรอท’ ไม่แปลกที่รู้ความลับมากมายของเรา แต่เฉกเช่นมิสเตอร์อะซิก เขาสามารถแจ้งให้เราทราบได้ด้วยวิธีอื่น… บางที นี่อาจเป็นการกลั่นแกล้งจากเขา หลังจากที่เราคิดเล่นๆ ว่าจะเป็นบิดาอุปถัมภ์เมื่อช่วงเที่ยง…
หรือว่าบันทึกตระกูลอันทีโกนัสจะกัดกร่อนผู้คุม เหมือนที่เคยทำกับตุ๊กตาอัปมงคลเพื่อวาดสัญลักษณ์ให้เราเห็น? แต่ถ้าเป็นแบบนั้น ทำไมถึงไม่มอบสูตรโอสถมาให้เลย? หรือไม่ก็พยายามติดต่ออย่างเป็นมิตรเพื่อให้เราเข้าไปช่วยขโมยออกมา… แต่ว่า วิหารนักบุญแซมมวลคือสำนักงานใหญ่ของมุขมณฑลกรุงเบ็คลันด์ มีระดับสูงกว่าวิหารพระแม่เซเลน่า สมุดบันทึกเล่มดังกล่าวไม่น่าจะเคลื่นไหวอะไรได้อีก ถูกปิดตายอย่างแน่นหนา…
นอกจากคนเหล่านี้ มีเพียงบุคคลเดียวที่ทราบข้อมูลทั้งสองอย่าง… เทพธิดารัตติกาล… แต่ด้วยศักดิ์ศรีและความสง่างามของเทพ พระองค์ไม่จำเป็นต้องฝากข้อความผ่านคนอื่นด้วยท่าทีสยองขวัญ… เรากำลังอยู่ในวิหารนักบุญแซมมวล เพียงท่านส่ง ‘วิวรณ์’ สั้นๆ ก็มากพอจะทำให้หน่วยพิเศษนับสิบคนกรูเข้ามาล้อมจับกุมเรา และเนื่องด้วยที่นี่คือสำนักงานใหญ่ของมุขมณฑล ย่อมต้องมีอุปกรณ์มากมายที่ช่วยสยบพลัง ‘นักท่องเที่ยว’ … ไม่เห็นต้องทำให้ยุ่งยาก…
หืม… ไม่สิ ยังมีอีกหนึ่งคนที่รู้ทั้งสองเรื่อง…
ตัวเราเอง!
ก่อนจะวางแผนขโมยสมุดบันทึก เราเคยพิจารณาเกี่ยวกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและได้ข้อสรุปว่าไม่ต้องกังวลมากนัก เพราะหลังจากกลายเป็น ‘ผู้ไร้หน้า’ ออร่าสายหมอกสามารถแทรกแซงโลกความจริงได้ในระดับหนึ่ง มีเพียงครึ่งเทพที่ตรวจพบความพิเศษดังกล่าว รวมไปถึงเส้นทางสัตว์ประหลาด… ย้อนกลับไปขณะเราสัมผัสกับดาบศักดิ์สิทธิ์ ตอนนั้นยังไม่ได้เป็น ‘ตัวตลก’ ด้วยซ้ำ…
แม้ว่าการเชื่อมต่อกับเทพธิดาและลั่นวาจาสาบานจะทำให้พระองค์ตระหนักถึงความผิดปรกติเล็กๆ ในตัวเรา แต่ปัจจุบันก็ผ่านมานานมาก ยังไม่เห็นว่าพระองค์จะลงมือทำอะไร… หรือจะเป็นเทวทูตสาวตนนั้น… มีพลังอยู่ในระดับเทวทูตไม่ผิดแน่… หลังจากลบมิสเตอร์ A หายไป เธอหันมายิ้มให้เรา… ถ้าเธอคือตัวแทนของเทพธิดา พระองค์คงไม่คัดค้านเรื่องที่เราจะขโมยสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัส… แม้จะยังไม่ทราบจุดประสงค์แท้จริงของพระองค์ แต่ด้วยระดับปัจจุบัน เราคงทำอะไรไม่ได้มาก ไว้ค่อยคิดหาวิธีรับมือในภายหลัง เพราะการเข้าหาพระองค์ย่อมปลอดภัยกว่าการไปเยือนยอดเขาโฮนาซิส… แต่สมมติฐานนี้จะเป็นความจริงก็ต่อเมื่อ เทวทูตสาวที่ ‘ลบ’ มิสเตอร์ A คือเทวทูตของโบสถ์รัตติกาล…
อา… แม้ว่าเราจะใช้เทคนิคสวมบทบาทจนย่อยโอสถ ‘ผู้ไร้หน้า’ อย่างสมบูรณ์แล้ว แต่การดื่มโอสถที่ปรุงจากตะกอนพลังนักเชิดหุ่น ทำให้มีตะกอนพลังของผู้ไร้หน้าเพิ่มเข้ามาใหม่… นอกจากนั้น นักเชิดหุ่นยังต้องกำหนดให้หุ่นเชิดแต่ละตัวมีอุปนิสัยที่แตกต่าง สิ่งนี้สามารถทำไปสู่อาการทางจิตที่เรียกว่าภาวะ ‘หลายบุคลิก’ … และในสภาพที่ไม่มั่นคงดังกล่าว การถูกผู้คุมที่คลุ้มคลั่งกัดกร่อนจิตของ ได้กระตุ้นให้ร่างวิญญาณของเราสร้างบุคลิกใหม่ขึ้นมา?
คิดถึงจุดนี้ เสียงที่คุ้นเคยแต่ไม่เคยชิน ดังก้องในหัวอีกครั้ง
“เฮ่อ… นายคิดเข้าข้างตัวเองเกินไปแล้ว! การที่เอาชีวิตรอดมาถึงทุกวันนี้ได้ เพราะนายดวงดีต่างหาก! ถ้าอาวุโสใหญ่ผู้เป็นเจ้าของดาบศักดิ์สิทธิ์ เครสไทน์·ซีสม่าคนนั้นอยู่ในเบ็คลันด์และกำลังทำคดีพิเศษ คิดหรือว่าขณะที่นายย่างกรายเข้ามาในวิหาร ดาบศักดิ์สิทธิ์จะไม่แสดงปฏิกิริยา? นายกับดาบเล่มนั้นถูกเชื่อมต่อกันด้วยคำสาบาน!”
ถ้าอาวุโสซีสม่ากลับมายังเบ็คลันด์ เราจะล้มเลิกแผนการทันที… ใช่แล้ว ยังพอจะมีโอกาสหลบหนีก่อนที่อีกฝ่ายจะรู้ตัว อ้างเหตุผลที่ฟังขึ้นสักข้อ เดินทางออกจากกรุงเบ็คลันด์สักระยะหนึ่ง… ไคลน์พึมพำในใจตามความเคยชิน
จากนั้น มันได้ยินเสียงของตัวเอง ดังขึ้นในหัวตัวเอง
“มีตัวแปรเหนือความคาดหมายมากเกินไป… ก่อนจะเข้ามาในวิหารวันนี้ นายเคยคิดไหมว่า ลำพังการเปิดเนตรด้ายวิญญาณจะทำให้เกิดความวุ่นวาย?”
ความกังวลของเราก่อนจะมาที่นี่ อาจทำให้เราเตรียมใจกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันไว้บ้างก็จริง… แต่ต้องยอมรับตามตรง เราคิดไม่ถึงว่า แค่การแอบมองด้วยเนตรด้ายวิญญาณจะทำให้เกิดความวุ่นวายเช่นนี้ตามมา… เคยคิดง่ายๆ ว่าถ้าไม่ได้สัมผัสโดยตรงก็คงไม่เป็นอะไร เรื่องนี้เราประมาทเกินไป… อย่างไรก็ตาม ตัวแปรที่คาดไม่ถึงสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกสถานการณ์อยู่แล้ว… ว่าแต่ แกเป็นใครกันแน่? ไคลน์หลับตาลง แสร้งทำเป็นตั้งใจสวดวิงวอน
เสียงเดิมกล่าวด้วยความลังเล
“ฉันคือไคลน์ ส่วนนายคือโจวหมิงรุ่ย… ไม่สิ ฉันคือโจวหมิงรุ่ย ส่วนนายคือไคลน์…”
นึกแล้วเชียว… ไคลน์ที่ขนลุกเกรียวไปทั้งร่าง เชื่อว่าตนต้องรีบออกจากวิหารนักบุญแซมมวล ตรงกลับบ้านเพื่อแก้ปัญหาอาการหลายบุคลิก
ในระยะเริ่มแรก ปัญหายังถูกขจัดได้ง่ายดาย แต่ถ้าปล่อยไว้จนกระทั่งบุคลิกอื่นแข็งแรงและมั่นคง มันจะเริ่มเข้ายึดครองร่างกายทีละนิด และวิธีรักษาจะเหลือแค่การขอช่วยเหลือจากภายนอก!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ