ไคลน์ไม่รีบร้อนลงมือทำนาย ก่อนอื่น ตอบสนองต่อพิธีกรรมสังเวยจาก ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ และนำไม้เท้าที่สร้างจากตะกอนพลัง ‘ผู้ขับขานสมุทร’ มาวางตรงหน้า
วาจาสมุทร… ชื่อนี้ทำเอาคิดถึงวันเก่าๆ อย่างบอกไม่ถูก ตั้งได้ไม่เลว… คุณสมบัติพื้นฐานคล้ายคลึง ‘คทาเทพสมุทร’ แต่เป็นรุ่นที่อ่อนแอกว่า นอกจากนั้นยังไม่มีพลังระดับครึ่งเทพจำพวก ‘พายุสายฟ้า’ และ ‘สึนามิ’ … แถมยังมีผลข้างเคียงด้านลบไม่น้อยทีเดียว… นึกถึงคำอธิบายของแฮงแมน ไคลน์ลูบหัวไม้เท้าสีดำเข้มที่เลี่ยมด้วยโลหะเงิน
บางที อาจเป็นผลจากการสยบตามธรรมชาติของมิติลึกลับเหนือสายหมอกสีเทา ไม้เท้าวิเศษอันนี้จึงมิได้แสดงสัญญาณชีพให้เห็น ทำเพียงนอนนิ่งอย่างเงียบงันราวกับเป็นแค่ไม้เท้าแสนธรรมดา
ไคลน์พยักหน้าเล็กๆ พลางพึมพำกับตัวเอง
สมบัติวิเศษที่มีสัญญาณชีพ ว่ากันตามตรงค่อนข้างน่ารำคาญไม่น้อย แต่ในอีกมุมหนึ่ง นั่นหมายความว่าเราสามารถสื่อสารกับมันได้โดยตรง ต้องไม่ลืมว่า ‘ลูกเต๋าความน่าจะเป็น’ เคยมีนิสัยเลวร้ายแค่ไหน แต่หลังจากถูกอบรมก็กลายเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายทันทีไม่ใช่หรือ?
นอกจากนั้น เรายังสามารถนำไปให้คนรับใช้ถือในยามปรกติ… อา… ‘ผู้ชน’ เอ็นโซเหมาะสมอย่างมาก แม้ปัจจุบันจะไม่มีพลังการเสริมโชคแบบติดตัว แต่สามารถ ‘สะสม’ โชคเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับช่วงเวลาสำคัญได้ การปล่อยให้เกิดความซวยเล็กๆ น้อยๆ นั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ ดังนั้น ถึงจะเผลอสะดุดล้ม ตกบันได หรือถูกไม้เท้ากระแทกหน้าไปบ้าง ก็ยังสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปรกติ ไม่มีเรื่องให้ผิดสังเกต
หลังจากครุ่นคิดอย่างรอบคอบ มันพบว่าการกลั่นแกล้งของไม้เท้ามิได้ไร้ประโยชน์เสียทีเดียว หากเผชิญหน้ากับ ‘นักเชิดหุ่น’ คนอื่น หรือหัวขโมยโลกวิญญาณ หรือมารพิสดาร และตนเกิดเป็นฝ่ายเสียท่าให้ก่อน เมื่อถูกควบคุมขั้นต้น ทั้งความคิดและการกระทำจะตกอยู่ในภาวะเฉื่อยชา ยากที่จะหลุดพ้นด้วยตัวเอง แต่ทันใดนั้นเอง เจ้าไม้เท้าขี้แกล้งเกิดนึกอยากจะทำให้เจ้าของสะดุดล้มหรือตกบันไดขึ้นมา นั่นไม่เท่ากับว่าไคลน์จะหลุดพ้นจากปัญหาทันทีเลยหรือ?
หึหึ… ถ้าผลข้างเคียงด้านลบของสมบัติวิเศษถูกนำมาใช้ให้ถูกวิธี พวกมันสามารถกลายเป็นความช่วยเหลือได้เช่นกัน…
แน่นอน ในการต่อสู้ปกติ การกลั่นแกล้งในทำนองเดียวกันอาจก่อให้เกิดอันตรายโดยไม่จำเป็น คงต้องชั่งน้ำหนักให้ดี และต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกหลายครั้งเพื่อหาจุดสมดุลให้ได้…
ในส่วนผลกระทบด้านลบเกี่ยวกับความเสี่ยงที่จะถูกฟ้าผ่าขณะเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ไคลน์มิได้สนใจ ประการแรก หากไม่ได้เข้าไปในพื้นที่พิเศษ พายุฝนฟ้าคะนองก็ไม่ใช่สิ่งที่พบเจอได้บ่อยนัก ไม่จำเป็นต้องไปคำนึงถึง ประการที่สอง ในฐานะ ‘นักทำนาย’ การทำนายสภาพอากาศก่อนออกไปข้างนอกถือเป็นกิจวัตรประจำวัน และท้ายที่สุด หากยังไม่สามารถหลีกเลี่ยงพายุฝนฟ้าคะนองได้จริงๆ ไคลน์ก็แค่มอบไม้เท้าให้เอ็นโซเป็นคนถือ ด้วยเหตุนี้ แม้สายฟ้าจะผ่าลงมายัง ‘ผู้ชนะ’ แต่ก็คงไม่แคล้วกระทบกับสายล่อฟ้าใกล้ๆ
ได้แต่หวังว่าตัวเราจะไม่ใช่สายล่อฟ้านั่น… ไคลน์หัวเราะจิกกัดตัวเอง จากนั้นก็ครุ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งที่รบกวนจิตใจมากที่สุดจากในบรรดาผลข้างเคียงทั้งหมด:
ร้องเพลงด้วยพลังพิเศษทุกหกชั่วโมง!
ความฉิบหายที่ไม่จำแนกมิตรหรือศัตรู… ผลลัพธ์เป็นแบบสุ่ม แถมยังโจมตีเป็นวงกว้าง!
หลังจากใช้ความคิด ไคลน์ตัดสินใจว่าจะสื่อสารกับไม้เท้า ‘วาจาสมุทร’ เพื่อลดความถี่ในการร้องเพลง รวมถึงการให้อีกฝ่ายบอกกล่าวล่วงหน้าก่อนจะร้อง
จริงสิ… วันนี้เรากินข้าวเช้าเร็ว จากที่คำนวณ ‘ยุบพองหิวโหย’ ใกล้ถึงเวลาเห่าหอนแล้ว… ไคลน์ครุ่นคิดพลางถอดถุงมือหนังมนุษย์ออกจากมือซ้าย โยนลงบนที่ว่างด้านข้างกองขยะ
จากนั้น มันหยิบไม้เท้าสีดำเข้มเลี่ยมโลหะสีเงินโยนไปยังทิศทางเดียวกัน ตามด้วยการเคลื่อนย้ายพลังส่วนหนึ่งของมิติลึกลับเหนือสายหมอกเพื่อสร้างบาเรียที่สามารถกีดขวางเสียงและภาพทั้งหมด ปล่อยให้ ‘ยุบพองหิวโหย’ และ ‘วาจาสมุทร’ อยู่ด้วยกันตามลำพัง
จัดการเสร็จ ไคลน์ตวัดมือเล็กน้อย เสกกระดาษและปากกาขึ้นมาเขียนประโยคทำนาย:
“วันนี้เป็นวันอันตรายที่จะลาดตระเวนเขตรอบนอกของเมืองกัลเดรอน”
วางปากกาหมึกซึมสีแดงเข้มลง ไคลน์ปลดลูกตุ้มวิญญาณออกจากข้อมือซ้ายและถือไว้ ห้อยลงบนกระดาษในลักษณะจ่อสัมผัส
หลังจากท่องประโยคทำนายเจ็ดครั้งด้วยเสียงแผ่ว ชายหนุ่มลืมตาและพบว่าจี้บุษราคัมแน่นิ่ง ไม่มีการหมุนเกิดขึ้น
กล่าวอีกนัยหนึ่ง การทำนายล้มเหลว
“สถานการณ์เฉพาะของเมืองกัลเดรอน เป็นความลับไปทั่วทั้งโลกวิญญาณ ส่งผลให้การทำนายล้มเหลวตั้งแต่เริ่ม… นอกจากนั้น สถานที่ดังกล่าวเคยเป็นอาณาจักรเทพบรรพกาล เคยมีการจัดเตรียมแผนสำหรับคืนชีพไว้ที่นั่น อาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่รบกวนการทำนาย” ไคลน์เก็บลูกตุ้ม กลับมานั่งคิดอย่างรอบคอบ “มีแต่ต้องเชื่อในคำบอกเล่าของ ‘แสงแดง’ ที่กล่าวว่า เขตรอบนอกของกัลเดรอนไม่อันตรายมากนัก… นอกจากนั้นเรายังมีหุ่นเชิด สามารถปล่อยให้พวกมันเข้าไปสำรวจก่อน ตรวจสอบว่าภายในนั้นกีดขวางพลังของมิติสายหมอกหรือไม่… หากพลังของมิติหมอกเข้าไปไม่ถึง เราคงไม่มีทางเลือกนอกจากยอมแพ้ ไม่สามารถเข้าไปได้ด้วยตัวเอง”
ไคลน์ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ไม่ลังเลอีกต่อไป โบกมือเพื่อสลายม่านพลังที่สร้างขึ้นเมื่อครู่
จากนั้น มันเห็นยุบพองหิวโหยที่ล่าถอยไปจนถึงขอบกองขยะ กำลังพยุงตัวยืนด้วยนิ้วสามนิ้ว โดยมีนิ้วโป้งและนิ้วก้อยกำลังเอนไปด้านหลังเพื่อพิงกับ ‘การเดินทางของกรอซาย’ ท่าทางคล้ายกับกำลังอ่อนเพลียจนยากจะยืนให้ตรง
ขณะเดียวกัน กึ่งกลางฝ่ามือเผยรอยแยกคล้ายปาก เผยให้เห็นฟันมายาสีขาวสองแถว ปากขยับหายใจหอบต่อเนื่อง
อีกด้านหนึ่งของม่านพลัง ไม้เท้าสีดำเข้มเลี่ยมด้วยโลหะเงินที่ถูกวางอยู่บนพื้น ดีดเด้งตัวเองเป็นระยะโดยมีฟองน้ำสีฟ้าลอยขึ้นมาจากด้านบน
“ดี… เงียบสักที” เห็นฉากดังกล่าว ไคลน์พึมพำโล่งใจ
กล่าวจบ ทันใดนั้นไม้เท้าวาจาสมุทรพลันลุกขึ้น ‘ยืน’ คล้ายกับมีคนถือ จากนั้นก็ค่อยๆ ‘เขย่ง’ มาหาไคลน์ทีละก้าวจนกระทั่งถึงเก้าอี้เดอะฟูลและเข้าไปหลบที่ใดสักแห่ง ในทางกลับกัน ‘ยุบพองหิวโหย’ เริ่มออกวิ่งโดยใช้นิ้วทั้งห้าต่างเท้า แต่ก็ยากที่จะตามทัน ผ่านไปได้ครึ่งทาง สุดท้ายก็สะดุดล้ม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ