ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 931

สรุปบท ราชันเร้นลับ 931 : แนวทางใหม่ในการสืบข่าว: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ตอน ราชันเร้นลับ 931 : แนวทางใหม่ในการสืบข่าว จาก ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ราชันเร้นลับ 931 : แนวทางใหม่ในการสืบข่าว คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายInternet ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ราชันเร้นลับ 931 : แนวทางใหม่ในการสืบข่าว
ชำเลืองไปทางสีหน้าเดนิส แอนเดอร์สันกล่าวต่อทันทีราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

“แต่ว่า สมองของพวกมันคล้ายกับถูกซอมบี้กัดกิน แต่ละคนโง่จนไม่เข้ากับความสง่างามของฉัน… ฉันจึงตัดสินใจโกหกในบางเรื่องและถอนตัวออกมา… หืม… ทำไมถึงหน้าซีดขนาดนั้น? เหงื่อออกเยอะไปหน่อยไหม? เป็นโรคลมแดดหรือ? ในฐานะนักล่า นายต้องปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมนะ จำเอาไว้”

เดนิสยกมือขวาขึ้นปาดเหงื่อ ภายในใจสาปแช่งคำสองสามคำ ก่อนจะฝืนยิ้มและกล่าว

“ฉันเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า หากใครเคยศรัทธาเทพมารไปแล้ว คนผู้นั้นจะไม่มีวันถอนตัวได้”

ขณะกล่าว มันยกคางขึ้นพร้อมกับทำท่าทางบอกใบ้ว่าอีกฝ่ายจะมีจุดจบแบบไหน โดยที่เรื่องของเกอร์มัน·สแปร์โรว์มิได้อยู่ในหัวอีกแล้ว ไม่สนว่าอีกฝ่ายไปทำอะไรกับชุมนุมแสงเหนือ และไม่ได้คิดว่าต้นตนของความยุ่งเหยิงมาจากเทพมารที่ชื่อ ‘เดอะฟูล’

“ที่พูดมาก็ไม่ผิด” แอนเดอร์สันตอบด้วยรอยยิ้มปราศจากความขุ่นเคือง “แต่ในตอนนั้น ฉันมิได้ศรัทธาเทพมารดังกล่าวจากก้นบึ้ง บทสวดทั้งหมดที่ท่อง ฉันแอบเปลี่ยนชื่อเป็นเทพปัญญาความรู้… หึหึ พวกมันไม่ชอบใช้สมองอยู่แล้ว ไม่สิ… พวกมันไม่มีของแบบนั้นด้วยซ้ำ เมื่อนายอยู่ท่ามกลางคนโง่พวกนี้ ขอเพียงแสร้งทำตัวศรัทธาอย่างสุดโต่ง พวกมันก็พร้อมจะเชื่อคำโกหกงี่เง่าทุกรูปแบบ”

โดยไม่รอให้เดนิสพูด มันชิงถาม

“แล้วทำไมจู่ๆ ถึงถามเกี่ยวกับชุมนุมแสงเหนือ?”

เดนิสกัดบาร์บีคิว เคี้ยว และกลืนอย่างเชื่องช้า หลังจากผ่านไปราวยี่สิบวินาที มันเรียบเรียงคำพูดและถาม

“ฉันนึกถึงบางเรื่องขึ้นมาได้พอดี… ด้วยเหตุผลบางอย่าง เกอร์มัน·สแปร์โรว์กลายเป็นเป้าหมายหลักที่ชุมนุมแสงเหนือหมายหัว รวมถึงนิกายวิญญาณก็ด้วย… ต้องไม่ลืมว่า นายกับฉันเป็นคนรู้จักของหมอนั่น”

“ให้ฉันคอยระวังตัวจากคนของชุมนุมแสงเหนือและนิกายวิญญาณใช่ไหม?” แอนเดอร์สันพยักหน้ารับพลางหัวเราะ “ดูเหมือนว่านายจะเพิ่งบอกอะไรที่คล้ายๆ กันเมื่อไม่นานมานี้ มีทั้งโรงเรียนกุหลาบ โบสถ์วายุสลาตัน กองทัพโลเอ็น… ฟู่ว… บางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่า เกอร์มัน·สแปร์โรว์เหมาะที่จะเป็นนักล่ามากกว่าฉันเสียอีก”

เดนิสเถียงไม่ออก ทำได้เพียงถอนหายใจในฐานะผู้ร่วมชะตากรรม

แอนเดอร์สันครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“แล้วนายมาทำอะไรที่ไบลัมตะวันตก? ช่วยเกอร์มัน·สแปร์โรว์ทำงาน?”

ได้ยินคำถามดังกล่าว เดนิสเงียบไปครู่หนึ่ง วางสิ่งของในมือลงพลางจัดเสื้อผ้าอย่างไม่รีบร้อน

“สำรวจศาสนาของคนทุกชนชั้นในไบลัมตะวันตก”

นี่คือเป้าหมายแบบ ‘สวยหรู’ ที่คิดชื่อขึ้นมาหลังจากปรึกษากับ ‘พลเรือโทธารน้ำแข็ง’ เอ็ดวิน่า แต่ความจริงแล้วเป็นการตรวจสอบขอบเขตของอิทธิพลขององค์กรลับที่สำคัญในไบลัมตะวันตก

แน่นอน หนึ่งในวัตถุประสงค์ก็คือ การเข้าไปเจรจาครั้งแรกกับกองกำลังปกครองท้องถิ่น สอบถามว่าอีกฝ่ายต้องการซื้อเครื่องกระสุนและอาวุธปืนหรือไม่

“สำรวจศาสนาของคนทุกชนชั้นในไบลัมตะวันตก…” แอนเดอร์สันทวนคำพูดของเดนิส ยกมือขวาขึ้นลูบหน้าผากคล้ายกับกำลังปวดหัว

หลังจากจบชุมนุมทาโรต์พร้อมกับตักเตือน ‘พลเรือเอกดวงดาว’ ให้ใส่ใจ ‘การสอบสวน’ ของชุมนุมแสงเหนือและนิกายวิญญาณให้ดี โดยแนะนำว่าเป็นการดีที่สุดที่จะขอความช่วยเหลือจากนิกายมอสส์ ไคลน์ก็ต้องมาวุ่นวายกับธุรกรรมสามทางของเดอะเวิร์ล เดอะมูน และเดอะซัน ก่อนจะรับเงินห้าพันปอนด์

จนกระทั่งเสร็จมื้อค่ำ มันหยิบหนังสือพิมพ์พร้อมกับคาบกล้องยาสูบปลอมที่ไม่ได้จุดไฟ พลางอ่านหนังสือพิมพ์ จนกระทั่งเห็นผู้ส่งสารเดินออกจากความว่างเปล่าพร้อมกับจดหมาย

ของเลียวนาร์ดสินะ… ไคลน์เอื้อมมือไปรับพลางสังเกตว่าไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์จะหยุดรอหรือไม่ และพบว่ามิสผู้ส่งสารเดินกลับเข้าไปในโลกวิญญาณอย่างรวดเร็ว

สิ่งนี้หมายความว่า เลียวนาร์ด·มิเชลทำการชำระเงินค่าไปรษณีย์เรียบร้อยแล้ว ไคลน์จึงใช้มืออีกข้างคลี่กระดาษออกมาอ่าน

“อินซ์·แซงวิลล์ปรากฏตัวในไบลัมตะวันออก ต้องสงสัยว่าจะนัดพบกับปาลังเก้·ทัสซิบแห่งนิกายวิญญาณสังกัดฝ่ายที่สนับสนุนโครงการมรณาเทียม…”

อินซ์·แซงวิลล์… ไคลน์เคี้ยวชื่อพลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างไม่รีบร้อน

ในจดหมาย เลียวนาร์ดระบุว่ามันต้องการแอบสืบสวนอย่างลับๆ เพื่อค้นหาจุดประสงค์ของอินซ์แซงวิลล์

แต่ปัญหาก็คือ ตามที่หมอนั่นบอกใบ้เมื่อครั้งก่อน ‘0-08’ จะมีคุณสมบัติพิเศษในทำนองว่า ‘ทุกการเอ่ยถึงจะถูกล่วงรู้’ หลังจากนั้นมันจะสร้างชุดความบังเอิญและชักนำผู้คนโดยที่เหยื่อไม่รู้ตัว… ในสถานการณ์ปัจจุบัน การตรวจสอบอินซ์·แซงวิลล์โดยที่ 0-08 ไม่รู้ตัวนั้นแทบเป็นไปไม่ได้ ไม่เพียงจะล้มเหลว ยังทำให้ตัวตนของเราถูกเปิดเผยได้ง่าย… ไคลน์ครุ่นคิดพลางสั่งให้เอ็นโซยืนนวดไหล่จากด้านหลัง

มันอ่านทบทวนจดหมายของเลียวนาร์ด·มิเชลใหม่ตั้งแต่ต้น โดยหวังว่าจะพบเบาะแสเพิ่มเติม หรือไม่ก็จุดตั้งต้นของการสืบสวนภายในประโยคเหล่านี้

ไบลัมตะวันออก… นิกายวิญญาณ… มรณาเทียม… ปาลังเก้·ทัสซิบ… อินซ์แซงวิลล์อยากได้อะไรจากพวกมัน? พยายามหาพันธมิตรให้กับฝ่ายราชวงศ์ที่อยู่เบื้องหลังโศกนาฏกรรมมหาหมอกควันแห่งเบ็คลันด์?

มรณาเทียม… นิกายวิญญาณ…

ขณะกำลังใช้สมอง ไคลน์เริ่มฉุกคิดถึงบางสิ่ง เป็นเรื่องไม่มีใครรู้นอกจากตนกับมิสเตอร์อะซิก

เทพธิดารัตติกาลได้ครอบครอง ‘เอกลักษณ์’ ของเส้นทาง ‘มรณา’ เรียบร้อยแล้ว สิ่งนั่นก็คือ ‘เทพมรณาเทียม’ โดยที่ปัจจุบัน พระองค์กำลังพยายาม ‘ย่อย’ ‘แย่งชิง’ และ ‘ยึดครอง’ อำนาจดังกล่าวมาเป็นของตัวเอง!

กล่าวอีกนัยหนึ่ง เป้าหมายการสวดวิงวอนของฝ่ายสนับสนุนเทพมรณาเทียมแห่งนิกายวิญญาณในปัจจุบัน จะถูกส่งผ่านไปถึงเทพธิดารัตติกาลในที่สุด รอจนกระทั่งพระองค์สามารถกุม ‘อำนาจ’ เบ็ดเสร็จ พวกมันจะถูกล้างสมองในระดับหนึ่งและค่อยๆ กลายเป็นผู้ศรัทธาแห่งโบสถ์รัตติกาล หรือไม่ก็ พวกมันจะถูกใช้งานเพื่อการติดต่อกับนิกายวิญญาณอีกฝั่งหนึ่ง ขณะเดียวกันก็แอบร่วมมือกับเหยี่ยวราตรีอย่างลับๆ

อันดับแรก มันเตรียมประกอบพิธีกรรม ‘สังเวยและรับมอบ’ เริ่มจากการนำหนึ่งในสองขนนกที่ยังเหลือ พร้อมกันกับน้ำมันสกัดจันทร์เต็มดวง ผงวานิลลารัตติกาล และวัตถุดิบอื่นๆ ที่ไม่ได้ใช้เป็นเวลานาน ออกจากมิติหมอกกลับมายังโลกแห่งความจริง จากนั้นก็ดัดแปลงแท่นบูชาเล็กน้อย เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นแรกของพิธีกรรม เพราะเหนือสิ่งอื่นใด เป้าหมายที่มันสวดวิงวอนถึงคือเทพธิดารัตติกาล จึงไม่จำเป็นต้องเตรียมวัตถุดิบยิบย่อยในเส้นทางมรณา

แก่นแท้ของพิธีกรรมในทุกศาสนานั้นค่อนข้างคล้ายคลึงกัน อาศัยความชำนาญ ไคลน์จุดเทียนและหยดน้ำมันสกัดสมุนไพร ตามด้วยการวาดสัญลักษณ์ของ ‘มนุษย์’ และ ‘การปกปิด’ ลงบนกระดาษหนัง ท่ามกลางหมอกควันจางๆ ไคลน์ปิดท้ายด้วยการวางนกหวีดทองแดงของอะซิกลงไป

โดยไม่มัวรีรอ มันใส่ขนนกสีขาวที่เปื้อนน้ำมันบางๆ ลงในหม้อเงินที่มีผงสมุนไพรถูกเผา จากนั้นก็เฝ้ามองขนนกที่บิดงอแต่ไม่ปรากฏรอยไหม้

หายใจออกเชื่องช้า ไคลน์ก้าวถอยหลังพร้อมกับท่องเป็นภาษาเฮอร์มิส

“พระองค์ผู้เป็นแก่นแท้ของความตาย”

“พระองค์ผู้ปกครองเหนือความตายทั้งปวง”

“พระองค์ผู้เป็นจุดหมายสุดท้ายของทุกสิ่งมีชีวิต”

“ข้าขอสวดวิงวอน ขอให้พระองค์ช่วยบอกจุดประสงค์ที่อินซ์·แซงวีลล์แอบติดต่อกับนิกายวิญญาณ”

“…”

ทันทีที่กล่าวจบ แสงเทียนทั้งสามขยายขนาดด้วยสีสันสว่างสดใส แต่เพียงไม่นานก็ถูกฉาบด้วยแสงสีเขียวเข้ม เปลี่ยนให้บรรยากาศเย็นยะเยือกและน่าขนลุก

ไคลน์หลับตาลงด้วยความประหม่า เข้าฌานนานสามสิบวินาที ก่อนจะเดินไปที่หน้าแท่นบูชาและหยิบน้ำมันสกัดจันทร์เต็มดวง หยดลงบนเทียนไขทั้งสามอย่างละหนึ่งหยด

จัดการเสร็จ มันเก็บนกหวีดทองแดงอะซิก จากนั้นก็นำกระดาษหนังไปจ่อเทียนไขที่เป็นสัญลักษณ์แทนตัวเอง ลนไฟให้ไหม้แล้วโยนลงในหม้อเงิน

ท่ามกลางเสียงสายลม ขนนกสีขาวที่ไม่ยอมไหม้ในตอนแรก พลันลุกโชนไปด้วยเปลวไฟสีซีดจนท่วมท้นหม้อเงิน บดบังการมองเห็นของไคลน์

สองสามวินาทีถัดมา เปลวไฟดับลงโดยสมบูรณ์ เหลือเพียงเศษผงในหม้อเงิน

โดยไม่มีลมพัด เศษผงเหล่านั้นเรียงตัวเป็นประโยค:

“ถูกวิญญาณมารสิงร่าง กำลังมองหาวิธีปัดเป่า”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ