กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตราบเท่าที่ต้องการ มันสามารถเปลี่ยนให้ทุกคนในบ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุนให้กลายเป็นหุ่นเชิดโดยไม่ต้องลุกจากเตียง แน่นอน สำหรับ ‘จอมเวทพิสดาร’ ครึ่งเทพ แม้แต่เพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียงก็ยังอยู่ในระยะควบคุม
มีร่างวิญญาณจำนวนมากอยู่รอบๆ … หนึ่งในนั้นช่วยให้ผู้บุกรุกบินขึ้นลงจอดบนระเบียง… เป็นผู้วิเศษเส้นทางผู้เก็บซากศพหรือรัตติกาล? การจะทำได้ระดับนี้ อย่างน้อยก็ต้องลำดับ 6… มาหาริชาร์ดสัน? ไม่ใช่ อีกฝ่ายเดินมาที่ประตูห้องนอนเรา… หยุดอยู่หน้าประตู เหยียดมือขวาออก เคาะประตู… ทางนั้นมั่นใจว่าเราสามารถตระหนักถึง? ไคลน์ลุกขึ้นนั่งบนเตียงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ในตอนแรก มันคาดเดาจากด้ายวิญญาณ แต่ในภายหลังเป็นการ ‘เห็น’ จากทัศนวิสัยในใจ
หลังจากไคลน์กลายเป็นลำดับ 4 ไม่เพียงนิมิตลางสังหรณ์ของตัวตลกจะรุนแรงขึ้น พลังของมิติหมอกในส่วนที่มันสามารถควบคุมก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน เมื่อผนวกทั้งสองสิ่ง จึงไม่ใช่เรื่องยากที่ชายหนุ่มจะตรวจจับนิมิตลางสังหรณ์จากระยะไกล มองเห็นการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายภายในใจ
นอกจากนั้น เมื่อผสานเป็นหนึ่งเดียวกับมิติหมอกมากขึ้น ไคลน์สามารถปกปิด ‘พร’ จากมิติหมอกที่ส่งผลต่อโลกความจริง แม้แต่ผู้วิเศษลำดับสูงในบางเส้นทางก็มองไม่เห็น และจากที่มันประเมิน หากอยู่บนมิติหมอกโดย ‘สวม’ ไพ่เย้ยเทพและถือคทาเทพสมุทร พลังอำนาจที่เดอะฟูลสามารถสำแดงบนโลกความจริงนั้นจะใกล้เคียงกับเทวทูตเลยทีเดียว
หากไม่แล้ว ไคลน์คงไม่กล้าส่งมิสจัสติสไปเผชิญหน้ากับผู้วิเศษลำดับ 4 หรือ 3 เส้นทางผู้ชม ต่อให้เทวทูตกระดาษของตนมีพลังในการ ‘คืนสติ’ ภายในความฝันก็ตาม
ท่ามกลางกระแสความจริง มันลุกออกจากเตียง สวมรองเท้าแตะ จัดระเบียบชุดนอน เดินไปทางเก้าอี้เอนหลัง ทิ้งตัวนั่งลงและกล่าวอย่างเชื่องช้า
“เชิญเข้ามาได้”
ประตูห้องนอนใหญ่เปิดออกอย่างเงียบงัน สายลมหนาวมิได้พัดผ่านเข้าไป เพียงหมุนวนบนทางเดิน
‘ผู้มาเยือน’ มีอายุพอๆ กับดอน·ดันเตส ส่วนสูงใกล้เคียงกัน ผมสีดำ ดวงตาสีน้ำตาล ใบหน้าลุ่มลึก โครงหน้าเหมือนกับชาวโลเอ็นทั่วไป
อีกฝ่ายสวมหมวกผ้าไหม ใบหน้าค่อนข้างเรียว บรรยากาศรอบตัวเย็นชา แต่มิได้ชวนให้อึดอัด เป็นประเภทคล้ายคลึงกับสุสานแถบชานเมืองในยามค่ำคืน
ทันใดนั้น ไคลน์เห็นร่างวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังรายล้อมสุภาพบุรุษคนดังกล่าว เปลี่ยนให้บรรยากาศโดยรอบหม่นหมอง ซ้อนทับหลายชั้น คล้ายกับภายในนั้นคือโลกอีกใบ
สัมผัสวิญญาณของไคลน์กำลังบ่งบอกว่า นี่คือครึ่งเทพ
ทันทีที่กลับถึงเบ็คลันด์ ทำไมถึงมีครึ่งเทพมาหาทันที? นอกจากอาร์ชบิชอปของโบสถ์รัตติกาล ไม่น่าจะมีใครทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของดอน·ดันเตส… ไคลน์มองไปทางประตูด้วยความฉงน แต่สีหน้าเรียบเฉย ปราศจากอารมณ์ ยากจะบอกว่าโกรธหรือตกใจ
ครึ่งเทพรายดังกล่าวเดินสองก้าว ห้อยมือลงในแนวดิ่ง โน้มตัวจนสุดประหนึ่งคันศรถูกโก่ง
มันทำความเคารพอย่างเคร่งขรึมด้วยท่าทีพิสดาร สีหน้าแววตาเคร่งขรึม ในเวลาเดียวกัน สายลมหนาวพัดผ่านเข้ามา ปิดประตูห้องอย่างเงียบเชียบ
ไคลน์เกือบผงะ ไม่ทราบว่าต้องตอบโต้อย่างไร ภายในหัวผุดความคิดมากมาย พยายามคาดเดาอย่างคลุมเครือ
ทันใดนั้น ครึ่งเทพกล่าวโดยไม่เปลี่ยนท่าทาง
“แพทริค·เบรนแห่งนิกายวิญญาณ ผมมาที่นี่ตามพระวิวรณ์”
วิวรณ์… ไคลน์ควบคุมกล้ามเนื้อบนใบหน้ามิให้กระตุก ผนวกกับการคาดเดาเมื่อครู่ มันพอจะทราบว่าเกิดอะไรขึ้น
เทพธิดารัตติกาล หรือก็คือมรณาเทียม ประสบความสำเร็จในการควบคุม ‘เอกลักษณ์’ ของเส้นทางมรณาอย่างลึกซึ้ง สามารถส่งวิวรณ์ให้กับสมาชิกระดับสูงของนิกายวิญญาณฝ่ายมรณาเทียมได้แล้ว!
ไคลน์เหยียดมือขวากดหน้าอก กึ่งถอนหายใจกึ่งยิ้ม แต่ไม่กล่าวคำใดเพิ่ม
“วิวรณ์ของพระองค์ว่าอย่างไร”
เบรนค่อยๆ ยืนตัวตรง จ้องสุภาพบุรุษจอนสีขาวบนเก้าอี้เอนหลัง ตอบกลับอย่างเปี่ยมศรัทธา
“พวกเราทำสำเร็จแล้ว ในที่สุดพระองค์ก็ลืมตาตื่น พระองค์ตรัสว่านับแต่นี้เป็นต้นไป ให้ผมคอยคำตามคำสั่งของคุณ”
แม้ไคลน์จะคาดเดาไว้บ้าง แต่หลังจากได้ยินคำตอบ มันยังคงรู้สึกทึ่ง หัวเราะไม่ได้ร่ำให้ไม่ออก
ถ้าเป็นแบบนี้… นอกจากเราจะเป็นข้ารับใช้ของเทพธิดารัตติกาล ยังรับงานนอกเป็นข้ารับใช้ของมรณาเทียม คอยเป็นผู้นำของนิกายวิญญาณฝ่ายมรณาเทียม… นี่คือของขวัญจากโชคชะตา หรือเป็นราคาที่ต้องจ่ายเพื่อแลกกับการมี ‘ลูกพี่’ ? พิจารณาจากการที่เทพธิดาไม่สั่งให้อาร์ชบิชอปหรืออาวุโสใหญ่ของโบสถ์จัดการแทน หมายความว่าพระองค์ต้องการเก็บเป็นความลับ… ไคลน์ลุกขึ้นยืน พยายามทำสีหน้าและน้ำเสียงให้เปี่ยมไปด้วยความศรัทธา
“น้อมรับพระบัญชา… ประสงค์ของพระองค์คือประสงค์ของผม!”
กล่าวจบ มันนั่งลงอีกครั้ง มองไปยังครึ่งเทพที่ยืนตัวตรง ชี้ไปยังโซฟาฝั่งตรงข้ามและกล่าว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ