หนูสีเทาคลานออกจากรูพร้อมกับส่งเสียงพึมพำ วิ่งตรงไปยังใต้ระเบียงห้องนอนใหญ่
ของเหลวสีดำเหนียวข้นคล้ายแป้งเปียกลอยออกมา หนูสีเทาจับมันวางไว้เหนือศีรษะประหนึ่งกำลังเล่นกายกรรม
มันหันหลังกลับทันที วิ่งออกจากบ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน มายังทางเข้าท่อระบายน้ำในบริเวณใกล้เคียง
ทันใดนั้น หนูสีเทายืนสองขา สองอุ้งเท้าเหยียดไปด้านหน้า
กรงเล็บของมันยืดยาวอย่างน่าประหลาด มัดกล้ามเนื้อกำลังปูดขึ้นบนขาหน้า!
ถัดมา มันอาศัยอุ้งเท้าที่กลายพันธุ์ยกฝาท่อระบายน้ำขึ้นอย่างไร้สุ้มเสียง!
หนูสีเทาวิ่งตรงยาวๆ ไปหาจุดที่แม่มดทริสซี่เคยซ่อนตัว
มันลงมือขุดดินตรงมุมหนึ่ง ก่อนจะดึงเศษกระจกขึ้นมาจากโคลน
จัดการทั้งหมดเสร็จ หนูสีเทาโยนก้อนแป้งเปียกสีดำบนศีรษะไปยังจุดที่สะอาดกว่าด้านข้าง บรรจงถอยกลับเข้ามุม ร่างกายค่อยๆ ยืดยาวประหนึ่งถูกมนุษย์ล่องหนดึงขึ้น แปรสภาพกลายเป็นชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อนอกสีแดงเข้มและหมวกสามมุมทรงโบราณ ไม่ใช่ใครนอกจากหนึ่งในพลเรือเอกที่เคยโดดแล่นในทะเล
ทว่า เซนอลรายนี้ รวมถึงเสื้อผ้าบนร่างกาย ทั้งหมดแบนราบหนึ่งกระดาษที่ตัดให้เป็นรูปคน
“หนูตัวนี้อ้วนไม่เบา…” พลเรือเอกโลหิตที่ดูคล้ายมนุษย์กระดาษยกมือขึ้นมาจับคาง ร่างกายโยกเอนไปตามสายลมหนาวในท่อ
คนที่กำลังพูดไม่ใช่ใครนอกจากไคลน์ ร่างต้นอยู่ในห้องนอนใหญ่ คอยควบคุมด้ายวิญญาณและเปลี่ยนหนูสีเทาให้เป็นหุ่นเชิด พา ‘วัตถุดิบพิธีกรรม’ ไปที่ท่อระบายน้ำและเตรียมติดต่อกับแม่มดทริสซี่
‘เซนอล’ โน้มตัวลงและใช้แขนที่บิดไปตามแรงลมหยิบก้อนสีดำที่คล้ายแป้งเปียก สิ่งนี้คือวัตถุที่ทริสซี่เหลือทิ้งไว้โดยการเผาปอยผมด้วยเพลิงทมิฬ สามารถใช้เป็นสื่อกลางในพิธีกรรม
หลังจากนั้นทันที มันเช็ดเศษกระจก ตามด้วยป้ายของเหลวสีดำในมือ
จัดการเสร็จ ไคลน์บังคับให้หุ่นเชิดถือกระจกถอยหลังสองก้าว ขว้างลงบนผนังที่มีตะไคร่น้ำเกาะ ดูคล้ายกับภาพวาดสีน้ำมันที่เสมือนจริง
…
เขตตะวันออก ภายในห้องที่ถูกขึงด้วยผ้าม่านหนาจนแทบไม่มีแสง
หนวดรยางค์สีเข้มและเรียบเนียน รัดพันกันเองจนกลายเป็นทรงกลมขนาดใหญ่
และด้านบนของหนวดรยางค์เหล่านี้ บ้างมีลูกตาสีดำสลับขาว บ้างเป็นหัวอสรพิษ บ้างเป็นปากที่แยกจากกันเล็กน้อย รายหลังสามารถแลบลิ้น ทั้งหมดมีรูปร่างแปลกประหลาดและน่ากลัว
ทันใดนั้น พวกมันบ้างหดตัว บ้างสะบัดไปมา ส่งผลให้ทรงกลมค่อยๆ พังครืนทีละชั้น
ใจกลางของทรงกลมดังกล่าว เด็กสาวคนหนึ่งกำลังขดตัวเป็นลูกบอล ใบหน้าอ่อนหวาน คิ้วขมวดชนกัน สีหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อยจากความเจ็บปวด ค่อนข้างน่าสงสาร
หนวดรยางค์ลื่นๆ เหล่านั้นหดตัวจนมีขนาดลีบเล็ก กลับคืนสภาพเดิมของมัน:
เส้นผมสีดำยาวสลวย!
สีหน้าของหญิงสาวผมสลวยเริ่มบรรเทาลง เธอค่อยๆ ลุกขึ้นยืน เดินทางเตียงที่ถูกแบ่งเป็นสัดส่วน หยิบชุดนอนบนเตียงขึ้นมาทาบลำตัว
จากนั้น หญิงสาวรวบผมสลวยสีดำ เดินทางยังกระจกบานใหญ่และเหยียดมือขวา เช็ดผิวกระจก
เปลวไฟสีดำพลันลุกไหม้ เผาไหม้อากาศอย่างเงียบงันและดับลงอย่างรวดเร็ว เหลือทิ้งไว้เพียงกระจกสีดำสนิทบรรยากาศลุ่มลึก
ภายในกระจก แสงและเงาตัดกันชัดเจน เผยให้เป็นสภาพแวดล้อมของท่อระบายน้ำที่สกปรก ชายวัยกลางคนสวมหมวกโบราณและเสื้อนอกสีแดง ก้มหน้าจ้องหน้าหญิงสาวที่ไม่แน่ใจว่าอยู่ห่างกันแค่ไหน ทั้งหมดดูราวกับเป็นภาพวาดสีน้ำมันอันโด่งดัง
ใบหน้าอันกลมกลึงของหญิงสาวเจ้าของดวงตาเรียวยาว สบตากับอีกฝ่ายสองสามวินาที ก่อนจะยิ้ม
ด้วยรอยยิ้มอันสดใส คล้ายกับห้องสลัวๆ สว่างขึ้นทันที
หญิงสาวอ้าปากบางๆ พลางกล่าวเย้ยหยัน
“มิสเตอร์เกอร์มัน·สแปร์โรว์… นี่คือความบ้าและเลือดเย็นของนักผจญภัยที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาลือกัน? หรือควรเรียกว่าพลังของตัวตลกดี?”
สำหรับเรื่องที่ว่า แม่มดทริสซี่ทราบตัวจริงของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ไคลน์ไม่แปลกใจเลยสักนิด เพราะมันยังคงใช้ใบหน้าของ ‘พลเรือเอกโลหิต’ เซนอลที่ตายมานานมากแล้ว
ย้อนกลับไปในตอนนั้น ทริสซี่ได้รับบาดเจ็บและต้องหมกตัวในท่อระบายน้ำ หมกมุ่นอยู่กับการสืบสวนและแก้แค้น ย่อมไม่ได้รับข่าวสารทางทะเล เป็นเรื่องปรกติที่จะไม่ทราบข่าวเกี่ยวกับพลเรือเอกโลหิต แต่หลังจากฟื้นฟูร่างกายและหนีออกจากท่อระบายน้ำ หากไม่ตัดสินใจสืบข่าวเกี่ยวกับเพื่อนร่วมงานเลย เกรงว่าเธอคงจะขาดคุณสมบัติของทั้ง ‘นักลอบสังหาร’ และ ‘นักกระตุ้น’
เห็นได้ชัดว่า แม้อดีตของทริสซี่จะเต็มไปด้วยวีรกรรมเลวร้าย แต่สติปัญญายังคงเฉียบแหลม
ไคลน์ไม่โต้แย้ง เพียงควบคุมกระดาษคนเซนอลให้ยิ้มและตอบ
“ทำไมตัวตลกจะบ้าและเลือดเย็นไม่ได้?”
โดยไม่รอให้ทริสซี่ตอบ มันชิงถาม
“สอบสวนหัวหน้าองครักษ์หลวงไปถึงไหนแล้ว?”
ทริสซี่ตอบด้วยสีหน้าดำมืด
“คงใช้เวลาอีกราวหนึ่งเดือนกว่าจะมีความคืบหน้า… หรืออาจสองเดือน”
“ถ้าต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อกลับมาได้ทุกเมื่อ” ไคลน์เน้นย้ำ
ทริสซี่อืมในลำคอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ