ในฐานะผู้ปลอบวิญญาณ มันสามารถมองเห็นสิ่งมีชีวิตวิญญาณได้โดยไม่ต้องเปิดเนตร
รับจดหมายของไคลน์มาถึง เลียวนาร์ดเตรียมกล่าวขอบคุณ แต่ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ได้เดินหายเข้าไปในความว่างเปล่าเรียบร้อยแล้ว
“ตาแก่… ทำไมไคลน์ถึงมีผู้ส่งสารระดับนี้ได้? เป็นสิทธิพิเศษของข้ารับใช้หรือ?” เลียวนาร์ดอดไม่ได้ที่จะบีบเสียงถามพาลีส·โซโรอาสเตอร์
ในตอนแรก มันคิดว่านี่คือมาตรฐานของสมาชิกชุมนุมทาโรต์ แต่กลายเป็นว่ามันวิตกไปเอง
เสียงค่อนข้างชราของพาลีส·โซโรอาสเตอร์ดังขึ้น
“ดูเหมือนว่าจะเกี่ยวกับไคลน์·โมเร็ตติมากกว่า… ทุกคนสามารถพบเจอเรื่องราวดีๆ ที่เปลี่ยนชีวิตได้ทั้งนั้น แม้แต่เจ้าเองก็เคยไม่ใช่หรือ? หึหึ… ข้าคิดว่าเจ้าจะนิยามท่านผู้นั้นว่า ‘เทวทูตบาดเจ็บ’ เสียอีก แต่โชคดีที่เลือกใช้คำว่า ‘ผู้ส่งสารระดับนี้’ ไม่เลว… ถือว่ายังจำคำเตือนของข้าได้”
เลียวนาร์ดยกริมฝีปาก คลี่กระดาษจดหมายอ่านเนื้อหา
“อย่างที่คิด เขาเป็นข้ารับใช้ของทั้งความลับและชะตากรรม…” พาลีส·โซโรอาสเตอร์อ่านข้อความผ่านดวงตาของเลียวนาร์ดอย่างรวดเร็ว
เลียวนาร์ดไม่ยืนอ่านนาน เลือกจะถอยหลังสองสามก้าวและทิ้งตัวลงบนโซฟา
“ไคลน์สามารถมองเห็นการปลูกถ่ายชะตากรรม… แปลว่าเราต้องรีบตามหาสมบัติปิดผนึกระดับครึ่งเทพของเส้นทางนักจารกรรมแล้วใช่ไหม?”
“ถึงจะรีบสักเพียงใด แต่เจ้ารู้หรือว่าต้องไปหาที่ไหน?” พาลีสเย้ยหยัน
แม้แต่ในชุมนุม ‘ผู้สันโดษแห่งชะตา’ กว่าจะมีของแบบนี้ออกมาขายก็ต้องใช้เวลาหลายปี และการชุมนุมคราวหน้าจะเริ่มขึ้นในช่วงสิ้นปี
เลียวนาร์ดครุ่นคิดอย่างจนปัญญาสักพัก ก่อนจะพับเก็บปัญหาไปก่อนและอ่านเนื้อหาส่วนถัดไป
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง มันหัวเราะในลำคอ
“ผมสงสัยมาตลอด ในตอนที่เผชิญหน้ากับเมกูส ทำไมไคลน์ถึงมือยันต์ระดับสูงในขอบเขตสุริยันได้ เคยคิดว่ายันต์ดังกล่าวมาจากกงสุลมรณะ แต่นั่นก็ยิ่งน่าแปลก ครึ่งเทพเส้นทางมรณาจะรวบรวมยันต์ขอบเขตสุริยันไปทำไม? นั่นไม่เท่ากับฆ่าตัวตายหรือ? ตอนนี้กระจ่างเสียที… ตาแก่… ผมเคยถือ 3-0782 มาแล้ว ทำไมคุณถึงมองไม่เห็นหยดเลือดของสุริยันเจิดจรัสด้านใน? หากในสมัยนั้นคุณขโมยพลังบางส่วนจากมันมาได้ เรื่องราวก็คง…”
เดิมที เลียวนาร์ดมีเจตนาจะเย้ยหยันชายชรา แต่สุดท้ายกลับเป็นฝ่ายเงียบเสียเอง
พาลีส·โซโรอาสเตอร์ถอนหายใจ
“ถ้าเลือดหยดนั้นถูกพบได้ง่ายๆ ตราศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวคงไม่ถูกเก็บอยู่ในทิงเก็นแน่”
เลียวนาร์ดเงียบสักพัก ก่อนจะถาม
“แล้วผมจะนำตราศักดิ์สิทธิ์นั่นออกมาสร้างเป็นยันต์เพลิงสุริยันได้ยังไง?”
แม้ว่าไคลน์จะเขียนอธิบายมาให้ฟังดูง่าย แต่เลียวนาร์ดทราบดีว่าเรื่องราวคงไม่ราบรื่นขนาดนั้น เพราะตนไม่ใช่เหยี่ยวราตรีของทิงเก็นอีกต่อไป แม้จะใช้ข้ออ้างกลับไปเยี่ยมเพื่อนเก่า แต่ก็ไม่มีสิทธิ์เข้ากับหลังประตูยานิส
ได้ยินคำถาม พาลีส·โซโรอาสเตอร์กล่าวเสียงขรึม
“เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ก็ต้องถาม? คิดเองไม่เป็นรึไง?”
เลียวนาร์ดกระแอมแห้ง รวบรวมสมาธิเพื่อนเค้นสมองนึก
“แม้ตอนนี้ผมจะทำงานเดี่ยว แต่ท่านเจ้าคุณอาร์ชบิชอปให้สิทธิ์ในการดึงเหยี่ยวราตรีท้องถิ่นมาช่วย… อา… ถ้าวิญญาณรอบๆ เบ็คลันด์ถูกปลอบประโลมจนหมด แต่โอสถของผมยังย่อยไม่เสร็จ… หมายความว่าสามารถย้ายตัวเองไปทำงานในมุขมณฑลอื่นได้… เมื่อถึงตอนนั้น ถ้ามีเหตุการณ์ผิดปรกติเกี่ยวกับผีสางเกิดขึ้นที่ทิงเก็น ผมสามารถอาสาตัวเองไปทำงานได้อย่างสมเหตุสมผล จากนั้นก็ดึงเหยี่ยวราตรีสักสองคนพร้อมกับยืม 3-0782…”
รอจนกระทั่งเลียวนาร์ดพูดกับตัวเองเสร็จ พาลีส·โซโรอาสเตอร์หัวเราะ
“ไม่เลว เจ้าหาทางออกได้เร็วกว่าที่คิด… แต่ไม่คิดว่ามันแปลกบ้างหรือ ถ้าภารกิจเป็นการปลอบวิญญาณจริง แล้วทำไมถึงต้องยืม 3-0782 ที่มีพลังชำระล้าง? นั่นจะทำให้ตกเป็นเป้าสงสัย”
เลียวนาร์ดที่ถูกเยินยอ ขำเล็กๆ
“ตาแก่ มีบางเรื่องที่คุณยังไม่รู้ สมัยที่ผมสังกัดเหยี่ยวราตรีใหม่ๆ เรื่องหนึ่งที่ถูกสอนมาก็คือ: ต้องแน่ใจว่าสามารถชำระล้างเป้าหมายได้ จึงจะมีสิทธิ์ออกไปทำภารกิจปลอบวิญญาณ… แม้แต่จักรพรรดิโรซายล์ก็ยังเคยกล่าวไว้ว่า ทุกการแก้ปัญหา มือหนึ่งต้องถือไม้เรียว ส่วนอีกมือถือแคร์รอต”
พาลีส·โซโรอาสเตอร์จุ๊ปาก
“อยากทำอะไรก็ตามใจ แต่ต้องไม่ลืมว่า เจ้าต้องเคลียร์ภารกิจของแอนโทนี·สตีเวนสันให้ได้ภายในสองถึงสามสัปดาห์ หากยืดเวลาออกไปจนกระทั่งแผนการกวาดล้างร่างโคลนอามุนด์เริ่มขึ้น ถึงตอนนั้นกระสุนเพลิงสุริยันก็ไม่มีความหมาย”
เลียวนาร์ดนึกทบทวนรายชื่อและจำนวนงานที่ถูกมอบหมาย หน้าผากกระตุกทันใด
มันบังคับตัวเองให้ลืมปัญหา พึมพำภายในใจ
“ผมไม่รู้ว่าปฏิบัติการสั่งสอนผีดูดเลือดจะเริ่มขึ้นตอนไหน… ไม่แน่ว่า ผีดูดเลือดตนดังกล่าวอาจครอบครองสมบัติวิเศษระดับครึ่งเทพของเส้นทางนักจารกรรม… สำหรับโลกแห่งความฝันชั่วคราว ผมสามารถทำได้ และนำพลังไปไว้ในยันต์ได้ แต่ไม่แน่ใจว่าพลังมีระดับสูงพอที่จะต้านทานความมืดจากดินแดนเทพทอดทิ้งได้ไหม”
…
เขตเชอร์วู้ด ภายในบ้าน
ฟอร์สในสภาพถือนิยาย กำลังนั่งบนโซฟา มองซิลเดินไปสวมรองเท้า เตรียมออกไปข้างนอก
“ไม่เห็นต้องรีบร้อนเลย สุภาพบุรุษคนนั้นบอกว่าจะไม่มอบหมายภารกิจในเร็วๆ นี้” ฟอร์สอดสงสัยไม่ได้ ตัดสินใจเอ่ยปาก
ซิลชำเลืองอีกฝ่าย จากนั้นก็ตอบ
“ฉันเป็นนักล่าเงินรางวัล ยังมีงานอื่นให้ทำ”
กล่าวถึงตรงนี้ เธอเว้นวรรค พูดต่อไปด้วยความลังเล
“ฟอร์ส เธอคิดบ้างไหมว่า มิสจัสติสมีความคล้ายคลึงกับมิสออเดรย์”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ