“วันนี้คุณโชคดีมาก แถมยังเต็มไปด้วยความกล้าหาญ”
ถ้าหมายถึงการหมอบทันทีหลังจากถูก ‘ติดสินบน’ หลีกเลี่ยงการเสียเงินก้อนใหญ่ นั่นไม่ใช่โชค แต่เป็นความรู้… สำหรับฉัน ดวงของ ‘ผู้ชนะ’ เอ็นยูนไม่ใช่สิ่งที่จะเอามาผลาญเล่นในวงไพ่… ไคลน์เขย่าแก้วที่เต็มไปด้วยเหล้าสีทองในมือ ถอนหายใจและยิ้ม
“ถ้าเล่นโดยไม่สนใจผลลัพธ์ ก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องกลัว… ฮะฮะ! เทพธิดาจงเจริญ”
ประโยคเมื่อครู่สื่อเป็นนัยตามแบบฉบับโลเอ็นว่า ตนจงใจมาที่นี่เพื่อเสียไพ่ แต่ดันดวงดีเป็นพิเศษ จึงขอยกความดีความชอบให้ทวยเทพ มิได้เกี่ยวกับตัวเอง
ในคืนนี้ โจนาสมิได้เสียไปมากมาย ราวหนึ่งถึงสองร้อยปอนด์เท่านั้น จริงอยู่ เงินจำนวนดังกล่าวฟังดูเยอะหากเทียบกับเงินเดือนปรกติของมัน แต่สำหรับรองผอ. MI9 ที่เป็นครึ่งเทพ รายได้หลักของโจนาสมิได้มาจากเงินเดือนอยู่แล้ว มันจึงไม่แยแสนัก
“มนุษย์มิอาจจะมองเห็นชะตากรรมล่วงหน้าสินะ… คุณเป็นคนที่น่าสนใจมาก ยินดีที่ได้รู้จัก”
ประโยคส่วนหลัง ครึ่งหนึ่งเป็นคำชมตามมารยาท ครึ่งหนึ่งเป็นการตัดบทสนทนา
ทว่า สำหรับไคลน์ที่ ‘เสแสร้ง’ มาตลอดทั้งคืนเพื่อตีสนิทกับครึ่งเทพเส้นทางจักรพรรดิมืด มันไม่มีทางยอมถอดใจแค่นี้ ก่อนอื่น มันตอบกลับไปว่า ‘ผมเองก็เช่นกัน ดีใจที่ได้รู้จักคุณ’ จากนั้นก็ถามต่อ
“ท่านรองผอ. พอจะมีข้อมูลเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ในเขตชานเมืองเบ็คลันด์บ้างไหมครับ? ถ้ามีป่าสำหรับล่าสัตว์จะดีมาก”
จากข้อมูลที่ไคลน์ได้รับจากมิสจัสติส โจนาส·โคลเกอร์ รองผู้อำนวยการ MI9 มักไม่จัดงานเลี้ยงเต้นรำ งานเลี้ยงรับประทานอาหาร หรือซาลอนที่บ้านของตัวเองนัก และถึงจะถูกชวนก็ไม่ไปไหน ไม่มีใครทราบว่าเป็นรสนิยมส่วนตัวหรือเพราะหน้าที่การงาน
เอกลักษณ์ของมันไม่ซับซ้อน หนึ่งคือการสูบซิการ์ โดยเฉพาะ ‘ซิการ์หัวหน้าเผ่า’ ที่ผลิตในแคว้นมิโคเฮนที่ถูกขนานนามให้เป็นซิการ์อันดับหนึ่งของโลก สองคือ มันชอบเล่นไพ่ โดยเฉพาะไพ่เท็กซัสโปเกอร์ และสาม มันชอบล่าสัตว์ มักตระเวนไปตามชานเมืองของเบ็คลันด์ในช่วยฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว แถมพักหลังยังไปล่าที่แคว้นอาโฮว่าหรือเชสเตอร์ตะวันออกเป็นต้น
เดิมที ไคลน์แค่ต้องการจะซื้อคฤหาสน์ชานเมืองสักหลัง เพียงเพื่อจะใช้เงินและเข้าร่วมแวดวงชนชั้นสูง ไม่เคยคิดเรื่องการล่าสัตว์มาก่อน จนกระทั่งได้พบกับโจนาส·โคลเกอร์ จึงเสริมเงื่อนไขดังกล่าวเข้าไป หวังจะดึงดูดความสนใจจากอีกฝ่าย หากมีโอกาส มันสามารถเชิญรองผอ. MI9 ไปล่าสัตว์แถบชานเมืองในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ จากนั้นก็หาโอกาสลงมือ
โจนาส·โคลเกอร์จิบแชมเปญ คิดสักพักก่อนจะตอบ
“ผมจะช่วยดูให้ ถ้าเจอหลังที่เหมาะ ผมจะส่งคนไปหาที่… เอ่อ… ถนนเบิร์คลุนใช่ไหม? อา… ผมจะส่งคนไปหาที่ถนนเบิร์คลุน”
“ขอบคุณมาก” ไคลน์ตอบจากใจ
ขณะเดียวกัน มันรู้สึกผิดต่อริชาร์ดสัน อดีตบุรุษรับใช้ที่กลายมาเป็นผู้ช่วยพ่อบ้าน ในระยะหลัง ริชาร์ดสันกระตือรือร้นที่จะออกไปตั้งแต่เช้าและกลับดึก คอยรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับคฤหาสน์และที่ดินในเขตชานเมืองเบ็คลันด์ให้นายจ้าง ตรวจสอบว่าที่ใดตรงตามข้อกำหนด และต้องพร้อมขาย จากนั้นก็เข้าไปสำรวจด้วยตัวเองทีละหลัง ยืนยันให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหา โดยจะไม่ยอมให้นายจ้างต้องผิดหวังหลังจากดูข้อมูลและชื่นชอบหลังใดหลังหนึ่ง แต่พอจะติดต่อขอซื้อกลับไม่ขาย หรือไม่ก็หลังที่สภาพจริงแย่กว่าที่เขียนอธิบายไว้ในข้อมูล
แน่นอน ในวินาทีที่ไคลน์เพิ่มเงื่อนไขใหม่ ความพยายามทั้งหมดที่ริชาร์ดสันทำมาแทบจะกลายเป็นหมันทันที
นายจ้างใจร้ายสินะ… อา… ไว้เสร็จงานนี้ เราจะให้ทาเนญ่าขึ้นค่าจ้างรายปีให้เขาห้าปอนด์… ในฐานะผู้ช่วยพ่อบ้าน ค่าจ้างย่อมต้องสูงกว่าที่เคยรับในสมัยยังเป็นบุรุษรับใช้เล็กน้อย… ห้าปอนด์… แค่เรา ‘เรส’ สักครั้งสองครั้งก็ลอยหายไปกับสายลม… ค่าจ้างรายปีของริชาร์ดสันนำไปเล่นเท็กซัสโปเกอร์ได้แค่ไม่กี่เกม… ไคลน์ถอนหายใจเงียบ ทันใดนั้นก็พบว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมาทางตน
มันมองกลับโดยไม่เก็บซ่อน และพบว่าเป็นนายพลอมิรุสที่กำลังจ้องมา
ชายวัยกลางคนหัวโบราณมาดขรึมพยักหน้ารับก่อนจะถอนสายตากลับ ไม่มีความตั้งใจที่จะสนทนากับดอน·ดันเตส ไม่คิดจะจับกุมผู้วิเศษเถื่อน เพราะท้ายที่สุด เศรษฐีรายนี้เป็นพันธมิตรกับกองทัพ เป็นนักธุรกิจที่มีเส้นสายกว้างขวางในทวีปใต้ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะดื่มโอสถเข้าโดยบังเอิญ
ทันใดนั้น พันเอกคาลวินและส.ส. มัคท์เดินมาหาดอน·ดันเตสพร้อมกับแก้วไวน์ในมือ
“คุณทำได้ยังไง?” คาลวินลดเสียงลง ถามอย่างจนปัญญา
เนื่องจากดอน·ดันเตสชนะรัวๆ จนได้ไพ่ไปเกือบพันปอนด์ มันและส.ส. มัคท์ที่ไม่ต้องการให้นายพลอมิรุสเสียไพ่ จึงต้องเปลี่ยนกลยุทธ์เสียเอง จากที่แอบทำลับๆ กลายเป็นลงมืออย่างประเจิดประเจ้อ สูญเงินไปหลายร้อยปอนด์ด้วยความปวดใจ
ลงเอยด้วย เนื่องจากมีเหยื่อต้องสังเวยเป็นจำนวนมาก นายพลอมิรุสจึงได้ไพ่ไปราวสองสามร้อยปอนด์
สำหรับคำตอบ ไคลน์กางมือออก
“ผมไม่ได้ดูไพ่ตัวเองด้วยซ้ำ!”
ความหายของมันก็คือ ทั้งหมดนี้คือพรจากทวยเทพ
ในปัจจุบัน เทพ เทวทูต และ ‘ตัวตนลึกลับ’ ที่มีอำนาจบนเส้นทาง ‘ชะตากรรม’ เท่าที่ทราบประกอบไปด้วยเทพธิดารัตติกาล เดอะฟูล อสรพิษปรอท พาลีส·โซโรอาสเตอร์ ‘ผู้เย้ยเทพ’ อามุนด์ และ ‘เทวทูตโชคชะตา’ โอโรเลอุส
“นี่มันหายนะจริงๆ” ส.ส. มัคท์และคาลวินยิ้มแห้งพลางส่ายหน้า “ผมกับคาลวินเสียหนักเกินกว่าจะกลับบ้านได้”
พวกมันสูญเสียเงินไปกว่าครึ่งของรายได้ประจำปี
ดอน·ดันเตสเจ้าของจอนสีขาว เผยสีหน้าประหลาดใจ
“เล่นยังไงถึงเสียไพ่จนเข้าขั้นวิกฤติ?”
จากนั้นก็ชี้ไปยังกองชิปที่วางอยู่ด้านหน้าเก้าอี้ของตน
“ผมขอแค่เงินค่าชิปตั้งต้นหนึ่งพันปอนด์คืน ที่เหลือเป็นของพวกคุณ”
พันเอกคาลวินและส.ส. มัคท์ต่างเผยสีหน้าตกตะลึง หันมายิ้มให้กัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ