ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 181

ตอนที่ 181 จริงหรือ?

อูเซ่าฮวนค่อยๆ หันไปมองลี่กวงที่เป็นศิษย์น้องของตน “ศิษย์น้อง เจ้าคิดว่าอย่างไร?”

ลี่กวงนิ่งเงียบ

อันที่จริงแล้วตัวฉู่อันโหลวไม่ได้มีอะไรน่ากลัวเลย แต่ปัญหาคืออีกฝ่ายเป็นตัวแทนของทางหอหิมะเหมันต์แห่งนี้ คนที่กล้าล่วงเกินเขามีอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น หนิวโหย่วเต้าเป็นอาชญากรสังหารราชทูตแคว้นเยี่ยน ทว่าฉู่อันโหลวกลับให้การรับรองอย่างเปิดเผย นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?

“ส่งข่าวกลับไปขอให้เจ้าสำนักตัดสินใจดีกว่า!” ลี่กวงใคร่ครวญแล้วกล่าวออกมา

เซียวเถี่ยรีบเอ่ยว่า “อาจารย์อา ศิษย์เพิ่งส่งข่าวกลับไปยังสำนักเมื่อหนึ่งชั่วยามก่อนขอรับ”

อูเซ่าฮวนและลี่กวงมองหน้ากัน

“เช่นนั้นก็รอฟังข่าวก่อนเถอะ!” อูเซ่าฮวนถอนหายใจ เอ่ยขึ้นอีกว่า “จัดคนไปคอยจับตาดูรอบโรงเตี๊ยมก่อน รอให้ท่านเจ้าสำนักตอบกลับมาก่อนแล้วค่อยตัดสินใจกันอีกที”

ทั้งคณะเดินทางมาอย่างเร่งร้อน แต่กลับเหมือนถูกน้ำเย็นสาดราดหัว

….

ณ โรงเตี๊ยม หยวนกังที่จัดสรรหน้าที่ให้คนอื่นๆ เรียบร้อยแล้วกลับไปที่ห้องหนิวโหย่วเต้า

เมื่อเห็นห้องอาบน้ำที่ถูกปิดประตูเอาไว้มีไอน้ำลอยฟุ้งออกมา ซ้ำยังมีเสียงน้ำไหลแว่วออกมารางๆ เขารู้จักนิสัยของหนิวโหย่วเต้าดี คาดว่าหนิวโหย่วเต้าคงกำลังแช่น้ำร้อนอยู่ จึงยกมือเคาะประตูเป็นจังหวะเพื่อบอกว่าตนมาแล้ว

จากนั้นเดินไปที่หน้าต่างแล้วชะโงกศีรษะออกไป มองสำรวจสภาพแวดล้อมรอบด้านอย่างละเอียด แล้วถึงจะหมุนตัวเดินมาที่ริมโต๊ะ รินชาใส่ถ้วยแล้วถือไว้ในมือ ก่อนจะเดินกลับไปที่ริมหน้าต่างอีกครั้ง ชมทิวทัศน์ด้านนอกหน้าต่างพลางค่อยๆ จิบชา

ไม่นานนัก มีเสียงเปิดประตูแว่วมาจากทางห้องอาบน้ำ หยวนกังหันไปมอง ตกตะลึงไปทันที!

เขาเห็นเฮยหมู่ตานเดินออกมาพลางสวมใส่เสื้อผ้า เส้นผมที่แผ่สยายเปียกชื้น เห็นได้ชัดว่าเพิ่งอาบน้ำเสร็จ

ในห้องของผู้หญิงคนนี้ก็มีห้องอาบน้ำอยู่ ทำไมถึงวิ่งมาที่ห้องของเต้าเหยี่ยล่ะ? หยวนกังเอ่ยถาม “เต้าเหยี่ยล่ะ?”

“ยังแช่น้ำอยู่” เฮยหมู่ตานหัวเราะคิกคัก ชอบใจที่ได้เห็นท่าทางแปลกใจของหยวนกัง

นางรู้สึกไม่ค่อยพอใจหยวนกังคนนี้เท่าไรนัก ในช่วงที่ผ่านมา นางคือคนที่คอยจัดการเรื่องต่างๆ อยู่ข้างกายหนิวโหย่วเต้า แต่พอหยวนกังมา ไม่พูดไม่จาก็เข้ามารับหน้าที่จัดการเรื่องต่างๆ ของนางไป ชี้นิ้วสั่งนางให้ทำโน่นทำนี่ไม่พอ ยังไปเรียกใช้พวกต้วนหู่ด้วย

เดิมทีนางต้องการปรนนิบัติหนิวโหย่วเต้าจนอาบน้ำเสร็จก่อนแล้วค่อยออกมา แต่หลังจากรู้ว่าหยวนกังมา นางจึงจงใจออกมาในเวลานี้ ด้วยต้องการให้หยวนกังได้เห็นกับตาว่านางกับเต้าเหยี่ยมีความสัมพันธ์กันอย่างไร ทำให้หยวนกังได้ตระหนักเสียบ้าง

เมื่อเห็นหยวนกังมีสีหน้าแปลกใจ ทำให้นางรู้สึกได้ใจขึ้นมานิดๆ

เฮยหมู่ตานเดินมาที่ริมหน้าต่าง ดึงผ้าขนหนูผืนหนึ่งมาเช็ดเรือนผมที่เปียกชื้น กล่าวตำหนิเสียงเบา “เข้ามาเวลานี้ทำไม ทำลายความสำราญของเต้าเหยี่ยหมด”

ความหมายที่แฝงอยู่ในวาจาชัดเจน หมายถึงเรื่องอย่างว่าของชายหญิงแน่นอน

หยวนกังที่หันกลับไปมองด้านนอกหน้าต่างและกำลังยกถ้วยชาขึ้นจรดริมฝีปากพลันหยุดชะงักเล็กน้อย ถ้วยชาที่อยู่ในมือค่อยๆ วางลง ก่อนจะหันกลับมาอย่างช้าๆ มองพินิจนางตั้งแต่หัวจรดเท้า เอ่ยอย่างเฉยชาว่า “อย่างเจ้าน่ะหรือ?”

เฮยหมู่ตานรับรู้ได้ถึงเจตนาดูแคลนอย่างรุนแรงที่แฝงอยู่ในคำพูดของอีกฝ่าย มือที่เช็ดผมอยู่พลันแข็งทื่อ ย้อนถามว่า “ข้าทำไม?”

หยวนกังเอ่ยว่า “ยกหางตัวเองให้มันน้อยๆ หน่อย มิใช่ว่าข้าดูถูกเจ้า แต่ต่อให้เจ้าเปลือยกายล้อนจ่อนเขาก็ไม่มีทางสนใจเจ้าหรอก”

“….” เฮยหมู่ตานพูดอะไรไม่ออก แม้นคำพูดของอีกฝ่ายจะระคายหู แต่สิ่งที่เขาพูดมากลับเป็นความจริง มาตรว่านางจะเปลือยกายและเปลือยใจแก่เต้าเหยี่ยแล้ว ทว่าเต้าเหยี่ยกลับมิเคยแตะต้องนางแม้แต่ปลายนิ้ว ทำให้นางนึกสงสัยในเสน่ห์ของตนอยู่บ้าง ถึงขนาดสูญเสียความมั่นใจไปเล็กน้อย ทำให้นางอยากลองท้าทายซ้ำๆ ด้วยไม่เชื่อว่าบนโลกนี้จะมีแมวที่ไม่ตะครุบปลาอยู่

ตอนนี้คำพูดประโยคนี้ได้แทงใจดำนางเข้าแล้ว ทำให้นางรู้สึกอับอายขึ้นมา ขณะเดียวกันก็นึกสงสัยว่าเหตุใดคนผู้นี้ถึงได้มั่นใจขนาดนี้ เห็นทีคงจะรู้อะไรบางอย่าง นางเองก็สงสัยใคร่รู้เช่นกัน จึงเอ่ยถามว่า “เจ้าจะบอกว่าร่างกายเขามีปัญหาผิดปกติอย่างนั้นหรือ?”

นางสงสัยเรื่องนี้มานานแล้ว

หยวนกังค่อยๆ หันกลับไปมองภูเขาหิมะที่อยู่ไกลออกไป สายตาค่อยๆ ฉายแววสับสน พึมพำขึ้นมาเนิบๆ ว่า “บรรพตสูงธาราล่องมองหาผู้รู้ใจ ยามสหายมลายจาก ยากหาคนรู้ใจ…สรรพชีวิตเวียนว่ายตายเกิด ข้ามพันเขาหมื่นธารามุ่งเสาะแสวงหา เพียงหวังได้พบพานกันอีกครา…เจ้าไม่มีทางเข้าใจหรอก!”

เฮยหมู่ตานมึนงง ไม่เข้าใจว่าเขาพูดบ้าอะไรอยู่

จากนั้นไม่นานนัก หนิวโหย่วเต้าที่ผมสยายยุ่งเหยิงก็เดินออกมา เมื่อเห็นหยวนกัง เขาก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “รู้สึกดีใช้ได้เลย ไปลองแช่ดูสิ” ว่าพลางเดินตรงไปนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง

เฮยหมู่ตานหยิบหวีขึ้นมา ไม่ได้จัดการตัวเอง แต่ช่วยสางผมให้เขาก่อน

หยวนกังกอดอกมองดูอยู่ด้านข้าง

ในเวลานี้เอง ต้วนหู่เคาะประตูเดินเข้ามา เดินมาหยุดตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งแล้วแจ้งว่า “เต้าเหยี่ย มีคนสองคนมาขอพบท่านขอรับ คนหนึ่งแจ้งว่าตนคืออู๋คง เป็นเถ้าแก่ร้านค้าของสำนักหยกสวรรค์ อีกคนแจ้งว่าตนคือเกามู่หลาน เป็นเถ้าแก่ร้านค้าของวังสวรรค์หมื่นวิมานขอรับ”

พวกเขาทั้งสามได้รับการจัดสรรหน้าที่จากหยวนกัง ตัวเขาถูกจัดให้เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ที่โถงรับแขกของโรงเตี๊ยม คอยดูว่ามีความเคลื่อนไหวผิดปกติหรือไม่ ผลปรากฏว่าเพิ่งโผล่หน้าไปที่โถงรับแขกได้ไม่นานก็มีคนเข้ามาหาเขาแล้ว

หนิวโหย่วเต้าที่กำลังหลับตาปล่อยให้ผมถูกหวีไปค่อยๆ ลืมตาขึ้น จ้องมองเงาของตนที่อยู่ในคันฉ่องครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พาเข้ามา”

“ขอรับ!” ต้วนหู่รับคำสั่งแล้วออกไป

ผ่านไปพักหนึ่ง อู๋คงและเกามู่หลานก็เดินตามต้วนหู่ขึ้นมายังชั้นบนสุด เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายได้พักอยู่ในชั้นนี้ ทั้งสองต่างสบตากันทันที เพราะทั้งสองทราบดีว่าที่นี่ไม่เปิดให้บริการต่อภายนอก เป็นสถานที่รับรองแขกคนสำคัญของหอหิมะเหมันต์

กระทั่งได้เข้าไปในห้องของหนิวโหย่วเต้าแล้ว เมื่อได้เห็นสภาพห้องที่งดงามหรูหราอีกครั้ง พบว่าที่นี่ห่างชั้นกับห้องพักอื่นๆ ภายในโรงเตี๊ยมจริงๆ

ทั้งสองอยู่ที่นี่มานานหลายปี ทว่าเพิ่งเคยขึ้นมาที่ชั้นนี้เป็นครั้งแรก แล้วก็เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นห้องพักของชั้นนี้ว่ามีหน้าตาเป็นอย่างไร

ทั้งสองต่างมองไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง สตรีนางหนึ่งกำลังเกล้าผมให้บุรุษคนหนึ่ง ฝ่ายชายคือเป้าหมายที่พวกเขาต้องการมาหา ต่างเคยเห็นหน้าในหุบเขามาก่อนหน้านี้แล้ว

ก่อนหน้านี้ได้เห็นภาพฉู่อันโหลวเดินเล่นเป็นเพื่อนอีกฝ่ายด้วยตัวเอง ยามนี้เมื่อเห็นหนิวโหย่วเต้าได้พักอยู่ที่ชั้นนี้อีก ทั้งสองที่เดิมทีก่อนเข้ามาในโรงเตี๊ยมมีเจตนาจะสอบถามหยั่งเชิง ในเวลานี้เริ่มรู้สึกลังเลขึ้นมา หรืออีกฝ่ายจะมีสัมพันธ์กับทางหอหิมะเหมันต์จริงๆ

ต้วนหู่เข้าไปรายงาน “เต้าเหยี่ย มาแล้วขอรับ”

หนิวโหย่วเต้ามองแขกทั้งสองผ่านคันฉ่อง เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ยังใส่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย จึงไม่อาจคารวะได้ ขออภัยท่านทั้งสองด้วย”

“ไม่เป็นไรๆ” ทั้งสองกล่าววาจาตามมารยาทพร้อมกัน

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “เถ้าแก่อู๋คงแห่งสำนักหยกสวรรค์คือท่านใดหรือ?”

อู๋คงประสานหมัดตอบว่า “เป็นข้า”

หนิวโหย่วเต้าถาม “ไม่ทราบมีลำดับศักดิ์อย่างไรกับไป๋เหยา?”

อู๋คงตอบว่า “ไป๋เหยาคือศิษย์พี่ของข้า”

หนิวโหย่วเต้าร้องโอ้คำหนึ่ง เวลานี้เกล้าผมเสร็จพอดี เฮยหมู่ตานที่ผมเผ้ายังยุ่งเหยิงอยู่ถอยหลบไปอยู่ด้านข้าง หนิวโหย่วเต้าลุกขึ้นมา จัดแจงเสื้อผ้า จากนั้นถึงจะหมุนตัวเดินออกมาจากโต๊ะเครื่องแป้ง เข้ามาหาทั้งสองคนพลางประสานมือคำนับ “ผู้น้อยเสียมารยาทแล้ว!”

“มิเป็นไร” ทั้งสองเอ่ยยิ้มๆ

หนิวโหย่วเต้าส่งสัญญาณให้เฮยหมู่ตานยกชาขึ้นโต๊ะ ก่อนจะเชิญแขกทั้งสองคนนั่งลง

หลังจากแขกและเจ้าของห้องนั่งประจำที่แล้ว หนิวโหย่วเต้าก็เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า “เถ้าแก่อู๋มาหาข้า ข้ายังพอเข้าใจได้ ทว่าผู้น้อยมิเคยไปมาหาสู่กับวังสวรรค์หมื่นวิมาน ไม่ทราบว่าเถ้าแก่เกามาหาข้าด้วยมีเรื่องใดจะชี้แนะหรือ?”

เกาหมู่หลานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “มาด้วยเรื่องเดียวกับเถ้าแก่อู๋”

อันที่จริงแล้วไม่เหมือนกัน เดิมทีนางคิดจะให้คนมาเรียกตัวหนิวโหย่วเต้าไปพบตนที่ร้านแล้วอบรมสั่งสอนสัก หรืออาจจะสังหารทิ้งไปเลยเพื่อตัดปัญหา แต่เมื่อดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว ภายในใจนางไม่มีความมั่นใจ ท่าทีจึงพลอยเปลี่ยนไปด้วย

หนิวโหย่วเต้าร้องอ้อ จากนั้นมองไปที่อู๋คง “เถ้าแก่อู๋มีเรื่องใดจะสั่งการหรือ?”

อู๋คงกล่าวว่า “ก็ไม่ถึงกับเป็นการสั่งการ เพียงแต่ข้าได้รับคำสั่งจากทางสำนักให้มาถ่ายทอดข้อความ ยงผิงจวิ้นอ๋องได้รับข่าวจากเมืองหลวงแคว้นเยี่ยน เป็นทางมณฑลเป่ยโจวที่ติดต่อไปหาตระกูลซ่ง บอกว่าท่านกำลังจะเดินทางมาที่หอหิมะเหมันต์เพื่อขอผลตะวันชาดไปรักษาผู้ว่าการมณฑลจินโจว ตระกูลซ่งเร่งส่งสำนักเซียนสถิตมายังหอหิมะเหมันต์ เพื่อลงมือสังหารท่าน หวังว่าท่านจะระวังตัวให้มากด้วย”

เมื่อเอ่ยมาเช่นนี้ หยวนกังมองไปที่หนิวโหย่วเต้า เหตุใดเรื่องนี้ถึงไม่ค่อยเหมือนกับที่เต้าเหยี่ยว่ามาล่ะ มีคนทราบเรื่องมากมายเขนาดนี้แล้ว ยังจะดำเนินการตามแผนต่อได้หรือ?

เฮยหมู่ตานที่อยู่ด้านข้างตกใจ เดินทางกันมาตั้งนาน ที่แท้เต้าเหยี่ยมาเพื่อขอผลตะวันชาดหรอกหรือ?

นางเดาได้ว่าการต้อนรับอย่างเป็นมิตรของโรงเตี๊ยมเลื่อมรุ้งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวาดภาพที่เมืองไจซิง แต่นางกลับคิดไม่ถึงเลยว่าเต้าเหยี่ยจะมาเพื่อขอผลตะวันชาด เมื่อนำเรื่องราวทั้งก่อนและหลังมาร้อยเรียงเข้าด้วยกัน จากนั้นนึกเชื่อมโยงไปถึงเหตุการณ์ตอนที่วางเดิมพันกับเฮ่าชิงชิงผู้นั้นที่โถงรับแขกของโรงเตี๊ยม หนิวโหย่วเต้าได้สั่งให้นางลงชื่อจองที่พักด้วยชื่อที่เขาใช้ในโรงเตี๊ยมเชิญจันทร์

นางยิ่งคิดก็ยิ่งตกใจ ที่แท้เขาคิดหาวิธีที่จะเข้ามาในหอหิมะเหมันต์ตั้งแต่ตอนอยู่ในเมืองไจซิงแล้ว

ยามนี้นางเข้าใจแล้วว่าเหตุใดถึงต้องวาดภาพนั้นให้นาง นั่นมิใช่ความคิดที่เกิดขึ้นในชั่วขณะอย่างแน่นอน หากแต่เป็นการแอบวางเหยื่อทิ้งเอาไว้ เงียบเชียบไร้ซึ่งสุ้มเสียง

เล่ห์เหลี่ยมของเต้าเหยี่ยผู้นี้ช่างล้ำลึกยิ่งนัก ทำให้นางรู้สึกตกใจจริงๆ!

ม่านตาหนิวโหย่วเต้าพลันหดตัววูบ ลอบรู้สึกตกใจ

ข่าวจากทางตระกูลซ่งในเมืองหลวงแคว้นเยี่ยน ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงเลย เป็นข่าวจากเฉินกุยซั่วอย่างแน่นอน

แต่เรื่องที่เขาคิดไม่ถึงคือทางเป่ยโจวทราบได้อย่างไรว่าเขาต้องการมาขอผลตะวันชาดจากหอหิมะเหมันต์? เรื่องนี้เขากำชับไห่หรูเยวี่ยไว้หลายครั้งแล้วว่าห้ามแจ้งต่อวังสวรรค์หมื่นวิมาน เพราะว่าไม่ต้องการให้วังสวรรค์หมื่นวิมานเข้ามาช่วยเหลืออยู่แล้ว กลับเป็นกังวลด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายจะมาขัดขวางจนทำให้เสียเรื่อง

เกามู่หลานเอ่ยว่า “วังสวรรค์หมื่นวิมานได้รับคำขอร้องมาจากมณฑลจินโจวถึงได้ทราบเรื่องนี้”

หนิวโหย่วเต้ามองหน้าคนทั้งสองสลับไปมา ไม่ต้องพูดอะไร เป็นทางซางเฉาจงที่ส่งข่าวไปแจ้งต่อมณฑลจินโจวแน่นอน เจตนาดีของทางซางเฉาจงยังคงทำให้เสียเรื่อง ทางวังสวรรค์หมื่นวิมานทราบเรื่องนี้เข้าแล้ว หากว่าเขาใช้วิธีการที่ไม่เหมาะสมเอาผลตะวันชาดมา วังสวรรค์หมื่นวิมานกลัวทางหอหิมะเหมันต์จะมาถามหาความรับผิดชอบหลังรู้เรื่องเข้า เกรงว่าทางวังสวรรค์หมื่นวิมานคงยินดีปล่อยให้เซียวเทียนเจิ้นป่วยตาย แต่ไม่มีทางยอมให้เซียนเทียนเจิ้นได้กินผลตะวันชาดเป็นแน่

แต่เรื่องนี้ก็ไม่อาจกล่าวโทษซางเฉาจงได้เช่นกัน ในทางกลับกัน เขากลับต้องรับน้ำใจนี้เอาไว้ เห็นได้ชัดว่าทางฝั่งซางเฉาจงก็ห่วงใยในความปลอดภัยของตนเช่นกัน

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ทราบว่าทั้งสองสำนักได้ส่งกำลังคนมาช่วยเหลือผู้น้อยจากอันตรายนี้มากน้อยเท่าไรหรือ?” หนิวโหย่วเต้าผายมือสื่อให้ทั้งสองดื่มชา ขณะเดียวกันก็เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มละไม

ทั้งสองเอ่ยขอบคุณ อู๋คงเอ่ยว่า “พื้นที่ที่สำนักหยกสวรรค์ต้องดูแลมิได้มีแค่เพียงจังหวัดกว่างอี้และจังหวัดชิงซานเท่านั้น กำลังคนมีจำกัด ประกอบกับระยะทางยาวไกล เกรงว่ากำลังคนคงยากจะเดินทางมาถึงในชั่วระยะเวลาสั้นๆ ได้”

เกามู่หลานพยักหน้า “ถูกต้องๆ”

สรุปแล้วก็คือไม่คิดจะช่วยเขา หนิวโหย่วเต้าแค่นหัวเราะอยู่ในใจ เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “เกรงว่าเถ้าแก่เกาคงมิได้พูดออกมาจากใจจริงกระมัง ทางวังสวรรค์หมื่นวิมานมิได้ให้ท่านมาขัดขวางผู้น้อยหรอกหรือ?”

ไม่คิดเลยว่าจะถูกอีกฝ่ายมองออก เกามู่หลานลอบรู้สึกตกใจขึ้นมาเล็กน้อย เด็กคนนี้ดูคล้ายอ่อนเยาว์ แต่กลับรับมือได้ไม่ง่ายเลย ทว่าภายนอกกลับเอ่ยไปด้วยสีหน้าจริงจัง “หากสามารถขอผลตะวันชาดมารักษาอาการป่วยของผู้ว่าการมณฑลจินโจวให้หายดีได้ นั่นย่อมต้องเป็นเรื่องดีอย่างมาก ทางเราจะขัดขวางได้อย่างไร?”

หนิวโหย่วเต้าโน้มตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย เอ่ยถามด้วยดวงตาที่เป็นประกาย “จริงหรือ?”

เกามู่หลานตอบว่า “ย่อมต้องเป็นความจริง! ไหนเลยจะโป้ปดได้!”

“ดี!” หนิวโหย่วเต้าปรบมือชมเชย “ตระกูลเซียวทำงานรับใช้วังสวรรค์หมื่นวิมานมาสามชั่วคน วังสวรรค์หมื่นวิมานไม่ทอดทิ้งตระกูลเซียวจริงๆ ด้วย เรื่องนี้น่าสรรเสริญ!”

เกามู่หลานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เป็นเรื่องสมควรอยู่แล้ว ไม่ควรค่าให้กล่าวถึง ไม่ควรค่าให้กล่าวถึง!”

หนิวโหย่วเต้าโบกมือพลางสั่งว่า “เตรียมอุปกรณ์เครื่องเขียน!”

เกามู่หลานมึนงง หมายความว่าอย่างไร? จะเอาเครื่องเขียนมาทำไม?

หยวนกังปรายตามองเขา มุมปากยกโค้งขึ้นนิดๆ

เฮยหมู่ตานรับคำสั่ง ไปนำอุปกรณ์เครื่องเขียนมาให้ หนิวโหย่วเต้าลุกขึ้น รินน้ำฝนหมึกด้วยตัวเอง

พอหมึกข้นได้ที่แล้ว หนิวโหย่วเต้าหยิบพู่กันประคองส่งให้เกามู่หลานด้วยสองมือ

เกามู่หลานไม่กล้ารับพู่กัน เอนตัวถอยไปด้านหลัง เอ่ยถามด้วยความหวาดระแวง “น้องหนิว นี่หมายความว่าอย่างไร?”

…………………………………………….

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า