ตอนที่ 181 จริงหรือ?
อูเซ่าฮวนค่อยๆ หันไปมองลี่กวงที่เป็นศิษย์น้องของตน “ศิษย์น้อง เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
ลี่กวงนิ่งเงียบ
อันที่จริงแล้วตัวฉู่อันโหลวไม่ได้มีอะไรน่ากลัวเลย แต่ปัญหาคืออีกฝ่ายเป็นตัวแทนของทางหอหิมะเหมันต์แห่งนี้ คนที่กล้าล่วงเกินเขามีอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น หนิวโหย่วเต้าเป็นอาชญากรสังหารราชทูตแคว้นเยี่ยน ทว่าฉู่อันโหลวกลับให้การรับรองอย่างเปิดเผย นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?
“ส่งข่าวกลับไปขอให้เจ้าสำนักตัดสินใจดีกว่า!” ลี่กวงใคร่ครวญแล้วกล่าวออกมา
เซียวเถี่ยรีบเอ่ยว่า “อาจารย์อา ศิษย์เพิ่งส่งข่าวกลับไปยังสำนักเมื่อหนึ่งชั่วยามก่อนขอรับ”
อูเซ่าฮวนและลี่กวงมองหน้ากัน
“เช่นนั้นก็รอฟังข่าวก่อนเถอะ!” อูเซ่าฮวนถอนหายใจ เอ่ยขึ้นอีกว่า “จัดคนไปคอยจับตาดูรอบโรงเตี๊ยมก่อน รอให้ท่านเจ้าสำนักตอบกลับมาก่อนแล้วค่อยตัดสินใจกันอีกที”
ทั้งคณะเดินทางมาอย่างเร่งร้อน แต่กลับเหมือนถูกน้ำเย็นสาดราดหัว
….
ณ โรงเตี๊ยม หยวนกังที่จัดสรรหน้าที่ให้คนอื่นๆ เรียบร้อยแล้วกลับไปที่ห้องหนิวโหย่วเต้า
เมื่อเห็นห้องอาบน้ำที่ถูกปิดประตูเอาไว้มีไอน้ำลอยฟุ้งออกมา ซ้ำยังมีเสียงน้ำไหลแว่วออกมารางๆ เขารู้จักนิสัยของหนิวโหย่วเต้าดี คาดว่าหนิวโหย่วเต้าคงกำลังแช่น้ำร้อนอยู่ จึงยกมือเคาะประตูเป็นจังหวะเพื่อบอกว่าตนมาแล้ว
จากนั้นเดินไปที่หน้าต่างแล้วชะโงกศีรษะออกไป มองสำรวจสภาพแวดล้อมรอบด้านอย่างละเอียด แล้วถึงจะหมุนตัวเดินมาที่ริมโต๊ะ รินชาใส่ถ้วยแล้วถือไว้ในมือ ก่อนจะเดินกลับไปที่ริมหน้าต่างอีกครั้ง ชมทิวทัศน์ด้านนอกหน้าต่างพลางค่อยๆ จิบชา
ไม่นานนัก มีเสียงเปิดประตูแว่วมาจากทางห้องอาบน้ำ หยวนกังหันไปมอง ตกตะลึงไปทันที!
เขาเห็นเฮยหมู่ตานเดินออกมาพลางสวมใส่เสื้อผ้า เส้นผมที่แผ่สยายเปียกชื้น เห็นได้ชัดว่าเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
ในห้องของผู้หญิงคนนี้ก็มีห้องอาบน้ำอยู่ ทำไมถึงวิ่งมาที่ห้องของเต้าเหยี่ยล่ะ? หยวนกังเอ่ยถาม “เต้าเหยี่ยล่ะ?”
“ยังแช่น้ำอยู่” เฮยหมู่ตานหัวเราะคิกคัก ชอบใจที่ได้เห็นท่าทางแปลกใจของหยวนกัง
นางรู้สึกไม่ค่อยพอใจหยวนกังคนนี้เท่าไรนัก ในช่วงที่ผ่านมา นางคือคนที่คอยจัดการเรื่องต่างๆ อยู่ข้างกายหนิวโหย่วเต้า แต่พอหยวนกังมา ไม่พูดไม่จาก็เข้ามารับหน้าที่จัดการเรื่องต่างๆ ของนางไป ชี้นิ้วสั่งนางให้ทำโน่นทำนี่ไม่พอ ยังไปเรียกใช้พวกต้วนหู่ด้วย
เดิมทีนางต้องการปรนนิบัติหนิวโหย่วเต้าจนอาบน้ำเสร็จก่อนแล้วค่อยออกมา แต่หลังจากรู้ว่าหยวนกังมา นางจึงจงใจออกมาในเวลานี้ ด้วยต้องการให้หยวนกังได้เห็นกับตาว่านางกับเต้าเหยี่ยมีความสัมพันธ์กันอย่างไร ทำให้หยวนกังได้ตระหนักเสียบ้าง
เมื่อเห็นหยวนกังมีสีหน้าแปลกใจ ทำให้นางรู้สึกได้ใจขึ้นมานิดๆ
เฮยหมู่ตานเดินมาที่ริมหน้าต่าง ดึงผ้าขนหนูผืนหนึ่งมาเช็ดเรือนผมที่เปียกชื้น กล่าวตำหนิเสียงเบา “เข้ามาเวลานี้ทำไม ทำลายความสำราญของเต้าเหยี่ยหมด”
ความหมายที่แฝงอยู่ในวาจาชัดเจน หมายถึงเรื่องอย่างว่าของชายหญิงแน่นอน
หยวนกังที่หันกลับไปมองด้านนอกหน้าต่างและกำลังยกถ้วยชาขึ้นจรดริมฝีปากพลันหยุดชะงักเล็กน้อย ถ้วยชาที่อยู่ในมือค่อยๆ วางลง ก่อนจะหันกลับมาอย่างช้าๆ มองพินิจนางตั้งแต่หัวจรดเท้า เอ่ยอย่างเฉยชาว่า “อย่างเจ้าน่ะหรือ?”
เฮยหมู่ตานรับรู้ได้ถึงเจตนาดูแคลนอย่างรุนแรงที่แฝงอยู่ในคำพูดของอีกฝ่าย มือที่เช็ดผมอยู่พลันแข็งทื่อ ย้อนถามว่า “ข้าทำไม?”
หยวนกังเอ่ยว่า “ยกหางตัวเองให้มันน้อยๆ หน่อย มิใช่ว่าข้าดูถูกเจ้า แต่ต่อให้เจ้าเปลือยกายล้อนจ่อนเขาก็ไม่มีทางสนใจเจ้าหรอก”
“….” เฮยหมู่ตานพูดอะไรไม่ออก แม้นคำพูดของอีกฝ่ายจะระคายหู แต่สิ่งที่เขาพูดมากลับเป็นความจริง มาตรว่านางจะเปลือยกายและเปลือยใจแก่เต้าเหยี่ยแล้ว ทว่าเต้าเหยี่ยกลับมิเคยแตะต้องนางแม้แต่ปลายนิ้ว ทำให้นางนึกสงสัยในเสน่ห์ของตนอยู่บ้าง ถึงขนาดสูญเสียความมั่นใจไปเล็กน้อย ทำให้นางอยากลองท้าทายซ้ำๆ ด้วยไม่เชื่อว่าบนโลกนี้จะมีแมวที่ไม่ตะครุบปลาอยู่
ตอนนี้คำพูดประโยคนี้ได้แทงใจดำนางเข้าแล้ว ทำให้นางรู้สึกอับอายขึ้นมา ขณะเดียวกันก็นึกสงสัยว่าเหตุใดคนผู้นี้ถึงได้มั่นใจขนาดนี้ เห็นทีคงจะรู้อะไรบางอย่าง นางเองก็สงสัยใคร่รู้เช่นกัน จึงเอ่ยถามว่า “เจ้าจะบอกว่าร่างกายเขามีปัญหาผิดปกติอย่างนั้นหรือ?”
นางสงสัยเรื่องนี้มานานแล้ว
หยวนกังค่อยๆ หันกลับไปมองภูเขาหิมะที่อยู่ไกลออกไป สายตาค่อยๆ ฉายแววสับสน พึมพำขึ้นมาเนิบๆ ว่า “บรรพตสูงธาราล่องมองหาผู้รู้ใจ ยามสหายมลายจาก ยากหาคนรู้ใจ…สรรพชีวิตเวียนว่ายตายเกิด ข้ามพันเขาหมื่นธารามุ่งเสาะแสวงหา เพียงหวังได้พบพานกันอีกครา…เจ้าไม่มีทางเข้าใจหรอก!”
เฮยหมู่ตานมึนงง ไม่เข้าใจว่าเขาพูดบ้าอะไรอยู่
จากนั้นไม่นานนัก หนิวโหย่วเต้าที่ผมสยายยุ่งเหยิงก็เดินออกมา เมื่อเห็นหยวนกัง เขาก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “รู้สึกดีใช้ได้เลย ไปลองแช่ดูสิ” ว่าพลางเดินตรงไปนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
เฮยหมู่ตานหยิบหวีขึ้นมา ไม่ได้จัดการตัวเอง แต่ช่วยสางผมให้เขาก่อน
หยวนกังกอดอกมองดูอยู่ด้านข้าง
ในเวลานี้เอง ต้วนหู่เคาะประตูเดินเข้ามา เดินมาหยุดตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งแล้วแจ้งว่า “เต้าเหยี่ย มีคนสองคนมาขอพบท่านขอรับ คนหนึ่งแจ้งว่าตนคืออู๋คง เป็นเถ้าแก่ร้านค้าของสำนักหยกสวรรค์ อีกคนแจ้งว่าตนคือเกามู่หลาน เป็นเถ้าแก่ร้านค้าของวังสวรรค์หมื่นวิมานขอรับ”
พวกเขาทั้งสามได้รับการจัดสรรหน้าที่จากหยวนกัง ตัวเขาถูกจัดให้เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ที่โถงรับแขกของโรงเตี๊ยม คอยดูว่ามีความเคลื่อนไหวผิดปกติหรือไม่ ผลปรากฏว่าเพิ่งโผล่หน้าไปที่โถงรับแขกได้ไม่นานก็มีคนเข้ามาหาเขาแล้ว
หนิวโหย่วเต้าที่กำลังหลับตาปล่อยให้ผมถูกหวีไปค่อยๆ ลืมตาขึ้น จ้องมองเงาของตนที่อยู่ในคันฉ่องครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พาเข้ามา”
“ขอรับ!” ต้วนหู่รับคำสั่งแล้วออกไป
ผ่านไปพักหนึ่ง อู๋คงและเกามู่หลานก็เดินตามต้วนหู่ขึ้นมายังชั้นบนสุด เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายได้พักอยู่ในชั้นนี้ ทั้งสองต่างสบตากันทันที เพราะทั้งสองทราบดีว่าที่นี่ไม่เปิดให้บริการต่อภายนอก เป็นสถานที่รับรองแขกคนสำคัญของหอหิมะเหมันต์
กระทั่งได้เข้าไปในห้องของหนิวโหย่วเต้าแล้ว เมื่อได้เห็นสภาพห้องที่งดงามหรูหราอีกครั้ง พบว่าที่นี่ห่างชั้นกับห้องพักอื่นๆ ภายในโรงเตี๊ยมจริงๆ
ทั้งสองอยู่ที่นี่มานานหลายปี ทว่าเพิ่งเคยขึ้นมาที่ชั้นนี้เป็นครั้งแรก แล้วก็เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นห้องพักของชั้นนี้ว่ามีหน้าตาเป็นอย่างไร
ทั้งสองต่างมองไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง สตรีนางหนึ่งกำลังเกล้าผมให้บุรุษคนหนึ่ง ฝ่ายชายคือเป้าหมายที่พวกเขาต้องการมาหา ต่างเคยเห็นหน้าในหุบเขามาก่อนหน้านี้แล้ว
ก่อนหน้านี้ได้เห็นภาพฉู่อันโหลวเดินเล่นเป็นเพื่อนอีกฝ่ายด้วยตัวเอง ยามนี้เมื่อเห็นหนิวโหย่วเต้าได้พักอยู่ที่ชั้นนี้อีก ทั้งสองที่เดิมทีก่อนเข้ามาในโรงเตี๊ยมมีเจตนาจะสอบถามหยั่งเชิง ในเวลานี้เริ่มรู้สึกลังเลขึ้นมา หรืออีกฝ่ายจะมีสัมพันธ์กับทางหอหิมะเหมันต์จริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า