ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 232

ตอนที่ 232 ตกม้าตาย

ลู่เซิ่งจงที่นั่งขัดสมาธิอยู่สบตากับเซ่าหลิ่วเอ๋อร์ที่ว่ายอยู่ในน้ำ เรือยังคงล่องตามแม่น้ำต่อไปเรื่อยๆ ทั้งสองฝ่ายค่อยๆ ทิ้งระยะห่างกันไป

เห็นเขานั่งนิ่งอยู่ที่ท้ายเรือไม่ขยับเขยื้อน คิดว่าอีกฝ่ายน่าจะติดกับแล้ว เซ่าหลิ่วเอ๋อร์จึงถอนใจด้วยความโล่งอก หันกลับไปทุ่มกำลังทั้งหมดเพื่อว่ายน้ำเข้าไปหาถานเย่าเสี่ยนที่ลอยผลุบๆ โผล่ๆ อยู่บนผิวน้ำ

ถุงลมหนังแกะถูกดันเข้าไป มือที่ตะเกียกตะกายอยู่บนผิวน้ำคว้าเชือกตาข่ายที่อยู่ด้านบนเอาไว้ เสมือนคว้าฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายเอาไว้ได้ ถานเย่าเสี่ยนที่ในที่สุดศีรษะก็โผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำได้พยายามปีนป่ายอย่างสุดกำลัง ปีนขึ้นมาก็ร่วงตกลงไปใหม่ ร่วงตกลงไปก็ปีนขึ้นมาใหม่ เรียกได้ว่าร้อนรนอยากจะเอาชีวิตรอด รีบสูดหายใจ แต่กลับสำลักน้ำอยู่หลายครั้ง

“พี่ถาน พี่ถาน…” เซ่าหลิ่วเอ๋อร์ตะโกนเรียกอยู่ด้านข้าง เรียกเพื่อให้เขาใจเย็นลง จากนั้นก็ดำลงไปในน้ำ กอดขาเขาแล้วดันขึ้นมา

ทุลักทุเลกันอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดถานเย่าเสี่ยนก็ปีนขึ้นไปบนถุงลมหนังแกะได้สำเร็จ สีหน้าประเดี๋ยวขาวประเดี๋ยวคล้ำ สภาพดูเหมือนลูกหมาตกน้ำไม่มีผิด สำลักน้ำออกมาเป็นครั้งคราว

เซ่าหลิ่วเอ๋อร์คว้าเชือกตาข่ายของถุงลมไว้ จับถุงลมให้มั่น ไม่ปล่อยให้มันไหลไปตามผิวน้ำ มิเช่นนั้นถานเย่าเสี่ยนจะร่วงตกลงไปในน้ำอีก

ดวงหน้างามลออ สะบัดผมที่เปียกชื้น เรือนร่างบอบบางกำลังออกแรงว่ายอยู่ในน้ำ ลากถุงลมหนังแกะไปด้วย พยายามว่ายเข้าหาฝั่ง

ลู่เซิ่งจงที่นั่งอยู่ท้ายเรือมองภาพเหตุการณ์ช่วยชีวิตบนผิวน้ำ เรียกได้ว่าแค้นใจจนกัดฟันกรอด เขาเคยใกล้ชิดคลุกคลีกับถานเย่าเสี่ยนมาแล้ว ทราบว่าถานเย่าเสี่ยนไม่มีควาดคิดเช่นนี้ แล้วก็ไม่มีทางปกปิดสายตาเขาได้ด้วย เขาติดกับเซ่าหลิ่วเอ๋อร์เข้าเสียแล้ว

หลงนึกว่านังเด็กนั่นโง่งม ถูกหลอกออกมาง่ายๆ ทั้งยังถูกหลอกให้ทอดกายง่ายๆ ผู้ใดจะทราบว่านี่กลับเป็นแผนแสร้งปลอมเป็นหมูเพื่อหลอกกินเสือ

ไหนบอกว่าว่ายน้ำไม่เป็น? ภาพเหตุการณ์ที่ช่วยชีวิตคนในแม่น้ำเมื่อครู่นี้เรียกว่าว่ายน้ำไม่เป็นหรือ? วางแผนเอาไว้ตั้งแต่ขึ้นเรือมาแล้วชัดๆ

แย่งทำงานด้วยเพราะรู้หน้าที่อย่างนั้นหรือ? ต้องการหาโอกาสวางยาพิษชัดๆ

เห็นๆ อยู่ว่าแสร้งทำเป็นอ่อนแอมาโดยตลอด ทำให้ตนคลายความระแวงจนดื่มสุราที่นางนำมาคารวะ แล้วก็คิดไม่ถึงว่าจะถูกนังเด็กนั่นหลอกเอาอาวุธประจำตัวไปอีก

สมแล้วที่นังเด็กนั่นเป็นน้องสาวมารดาเดียวกับเซ่าผิงปอ เจ้าเล่ห์โหดเหี้ยมเหมือนกัน เมื่อดูจากการที่สามารถวางยาคนรับใช้ใกล้ตัวได้โดยไร้ซึ่งความลังเลแล้ว ตนควรจะต้องระมัดระวังถึงจะถูก เพียงแค่นึกสงสัยว่าคนแจวเรือจะนำมาซึ่งอันตรายด้วย ถึงขนาดตัดสินใจจัดการแม้แต่คนแจวเรืออย่างไม่ลังเล นี่ยิ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นในจุดนี้แล้ว

เขามองคู่หญิงร้ายชายโง่ลอยห่างออกไปเรื่อยๆ ทว่าเขากลับจนปัญญาจะจัดการได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห คิดไม่ถึงว่าจะตกม้าตายในตอนสุดท้าย!

แต่เขาก็จำเป็นต้องข่มโทสะลงไป ทำให้อารมณ์ของตนสงบลง สงบใจโคจรลมปราณขับพิษ!

ในที่สุดถานเย่าเสี่ยนที่เกาะอยู่บนถุงลมหนังแกะก็สงบใจลงได้ มองสภาพแวดล้อมรอบตัว กอดถุงลมไว้แน่น ไม่กล้าขยับเขยื้อนด้วยกลัวว่าจะหล่นลงไปอีก

เขาเงยหน้ามองดูเซ่าหลิ่วเอ๋อร์ที่พยายามออกแรงว่ายไปด้านหน้า จากนั้นเหลียวมองดูเรือที่อยู่ไกลออกไปอีกครั้ง เขาตะโกนถามว่า “หลิ่วเอ๋อร์ ทำไมอยู่ดีๆ ถึงผลักข้าลงน้ำล่ะ?”

เซ่าหลิ่วเอ๋อร์ที่ว่ายน้ำอยู่หันกลับมาตอบ “ไม่ใช่ว่าผลักท่านตกน้ำ ท่านมองไม่ออกหรือว่าพวกเรากำลังหนีเอาชีวิตรอดอยู่? ”

“หนีเอาชีวิตรอดหรือ?” หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นพูดแบบนี้ เกรงว่าต่อให้เขาใจเย็นแค่ไหนก็คงจะโมโหขึ้นมาแล้ว แต่เวลานี้กลับมีสีหน้ายิ้มไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “นี่มันใช่หนีเอาชีวิตรอดแน่เหรอ? เราเกือบจะจมน้ำตายกันทั้งคู่แล้วนะ หลิ่วเอ๋อร์ เจ้าว่ายน้ำเป็นแท้ๆ…นี่เจ้ากำลังทำอะไรกันแน่! หรือว่านึกเสียใจไม่อยากหนีไปกับข้าแล้ว”

เซ่าหลิ่วเอ๋อร์กล่าวว่า “พี่ถาน หนีไปไหนกับท่านข้าก็ไม่เสียใจทั้งสิ้น แต่หลี่ซยงคนนั้นของท่านไม่ใช่คนดีเลย เขาไม่ได้ช่วยท่าน หากแต่กำลังปองร้ายท่านต่างหาก”

ถานเย่าเสี่ยนตกใจ “จะเป็นไปได้อย่างไร?”

เซ่าหลิ่วเอ๋อร์อธิบาย “เขามิใช่บัณฑิตอันใดเลย หากแต่เป็นฝ่าซือในโลกบำเพ็ญเพียร วิธีการนั่งขัดสมาธิของเขาเมื่อครู่นี้ก็ได้พิสูจน์แล้วว่าข้อสันนิษฐานของข้าถูกต้อง เรื่องบางเรื่องถึงพูดไปตอนนี้ท่านก็ไม่มีทางเข้าใจ แต่ข้ากล้าฟันธงเลยว่าเขาไม่ได้ทำไปเพื่อช่วยท่าน หากแต่ต้องการล่อข้าออกมา ต้องการใช้ประโยชน์จากตัวข้าไปจัดการตระกูลเซ่า อีกเดี๋ยวพวกเราก็ต้องถูกพวกเขาควบคุมตัวแน่นอน แบบนั้นพวกเราหนีออกไปจากเป่ยโจวจะมีประโยชน์อะไรล่ะ?”

“นี่…จะเป็นไปได้อย่างไร?” ถานเย่าเสี่ยนมีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ “หากว่าเขาเป็นฝ่าซือ ไฉนเจ้ากับข้าถึงหนีรอดมาได้ล่ะ?”

เขาไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าเซ่าหลิ่วเอ๋อร์แอบใช้ลูกไม้อันใดลงไป

เซ่าหลิ่วเอ๋อร์เองก็ไม่อยากให้เขาทราบว่าคนแจวเรือคนนั้นก็คงไม่รอดด้วยเช่นกัน กลัวเขาจะรับความโหดเหี้ยมของนางไม่ได้ นางหันหน้ากลับไปทันที ว่ายน้ำไปด้วยพลางเอ่ยถามว่า “พี่ถาน ท่านไม่เชื่อข้าหรือ?”

ถานเย่าเสี่ยนพยักหน้าอย่างไม่ลังเล “ข้าเชื่อ!”

เซ่าหลิ่วเอ๋อร์ยิ้มออกมา ผู้ชายคนนี้บางทีก็โง่งมนัก แต่นางกลับชอบ นางไม่ต้องการให้ผู้ชายในอนาคตของตนเป็นคนแบบพี่ใหญ่ เรียบง่ายหน่อยเนี่ยแหละดี

แม้ว่าตอนนี้จะเหนื่อยยิ่งนัก แต่ในใจนางกลับเปี่ยมไปด้วยความหวานชื่น

“พี่ถาน ข้าเป็นคนของท่านแล้ว เรื่องที่ข้าจะหนีไปกับท่านก็เป็นเรื่องระหว่างท่านกับข้า ข้าตัดสินใจเลือกด้วยตัวข้าเอง ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร ไม่ว่าในอนาคตท่านจะดีกับข้าหรือไม่ นั่นล้วนเป็นสิ่งที่ข้าควรจะเลือกแบกรับเอาไว้เอง ข้าไม่อาจนำความเดือดร้อนมาให้ตระกูลเซ่าเพราะเรื่องส่วนตัวของตนได้ ดังนั้นข้าถึงได้ยอมเสี่ยงผลักท่านลงน้ำ ท่านอย่าโกรธข้าเลยนะ!” เซ่าหลิ่วเอ๋อร์พูดพลางหอบหายใจ ค่อนข้างเหนื่อยแล้ว ทักษะการว่ายน้ำของนางก็ไม่นับว่าดีนัก

“หลิ่วเอ๋อร์ ข้าจะดีต่อเจ้าไปชั่วชีวิต”

“ข้าเชื่อท่าน ต่อให้ท่านไม่ดีกับข้า ข้าก็ยอมรับ เส้นทางที่ตัวเองเลือก ข้าก็ต้องแบกรับมันเอง!”

“ข้าขอสาบานต่อสวรรค์ หากกล้าทรยศหลิ่วเอ๋อร์ ขอให้ข้าไม่ตายดี!”

“อย่าพูดเหลวไหล ท่านต้องมีชีวิตที่ดีเพื่อข้า!”

แม้จะเอ่ยเช่นนี้ แต่ถานเย่าเสี่ยนที่เกาะอยู่บนถุงลมหนังแกะยังคงเหลียวมองจุดสีดำที่ลอยห่างออกไปไกลบนแม่น้ำเป็นระยะๆ ยังคงรู้สึกไม่อยากจะเชื่อว่าหลี่ซยงจะมุ่งร้ายต่อเขาได้

ทว่าในยามที่ทั้งสองกำลังจะถึงฝั่ง ด้านหน้าพลันมีเสียงฝีเท้าม้ากุบกับดังแว่วมา

ถานเย่าเสี่ยนที่เกาะอยู่บนถุงลมหนังแกะเงยหน้าขึ้นมา เซ่าหลิ่วเอ๋อร์หน้าเปลี่ยนสีทันที

ม้าสิบกว่าวิ่งควบมายังริมแม่น้ำแล้วหยุดลง เพียงแต่คนที่อยู่บนหลังม้าดูเหมือนจะไม่ใช่คนของจวนผู้ว่าการมณฑล นางไม่เคยเห็นเลยสักคน

นอกจากคนสองคนแล้ว คนที่เหลือต่างสวมหน้ากากสีดำปิดบังใบหน้า สวมอาภรณ์สีดำ

หรือจะเป็นพรรคพวกของหลี่ซยงคนนั้น? หัวใจนางดิ่งวูบลงในชั่วพริบตา จู่ๆ พลันได้ยินเสียงวิหคร้องดัง ‘วี้ด’ แว่วมาจากด้านบน นางเงยหน้าขึ้นมอง ถึงได้พบว่าบนอากาศมีวิหคยักษ์สามตัวกำลังบินวนอยู่ ค่อยๆ บินลดระดับลงมา ไม่นานก็ร่อนลงบนฝั่งของแม่น้ำ

คนหกคนกระโดดลงมาจากวิหคทั้งสามตัว มีห้าคนที่สวมผ้าคลุมสีดำมีหมวกคลุมหน้า ยกเว้นเซ่าผิงปอ เขายืนอยู่ริมแม่น้ำ ผ้าคลุมสีดำที่คลุมอยู่บนไหล่ปลิวสะบัดอยู่ท่ามกลางสายลม จ้องมองน้องสาวที่พยายามลากใครคนหนึ่งขึ้นฝั่งด้วยสายตาเย็นชา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า