ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 246

ตอนที่ 246 ลิ่งหูชิว

เมื่อได้ยินนามลิ่งหูชิว เฟ่ยฉางหลิว เจิ้งจิ่วเฟยและเซี่ยฮวาต่างสบตากันด้วยความมึนงง คล้ายไม่ค่อยอยากจะเชื่อ

หนิวโหย่วเต้ากลับแปลกใจ ฟังออกว่าวาจาของอู๋ซานเหลี่ยงมีความนัยแฝงอยู่ อะไรคือไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า? เขาจึงหันไปถามว่า “ลิ่งหูชิว? มีชื่อเสียงมากหรือ?”

อู๋ซานเหลี่ยงพยักหน้ารัวๆ “มีชื่อเสียงมากขอรับ เพียงแค่เคยได้ยินชื่อเสียงเขา ทว่าไร้วาสนาพานพบ ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าผู้ที่มาเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม”

หนิวโหย่วเต้าหันไปมองเจ้าสำนักทั้งสามด้วยความงุนงง คล้ายกำลังถามว่าพวกท่านรู้จักหรือไม่?

เซี่ยฮวาลุกขึ้นมาแล้วเอ่ยว่า “ลิ่งหูชิวเป็นคนที่มีชื่อเสียงของแคว้นจิ้น คนผู้นี้คบค้าสหายไปทั่วหล้า ชื่อเสียงโด่งดังมาช้านาน ทว่ายังไม่เคยพบหน้ามาก่อน”

เจิ้งจิ่วเซียวกล่าวว่า “คนผู้นี้ยังเป็นนายหน้าที่มีชื่อเสียงในโลกบำเพ็ญเพียรด้วย ถึงแม้ตัวเขาจะไม่มีอิทธิพลอันใด แต่เส้นสายคนรู้จักกลับกว้างขวางนัก ไม่อาจดูแคลนได้…”

เฟ่ยฉางหลิวเอ่ยว่า “ได้ยินว่าคนผู้นี้คบค้าสมาคมกับคนมากหน้าหลายตาในโลกบำเพ็ญเพียร พูดทำนองว่าจะผูกมิตรสร้างสหายไปทั่วหล้า ไปที่ใดก็ล้วนแต่มีสหาย…”

จากคำบอกเล่าของทั้งสาม หนิวโหย่วเต้าพอจะทราบแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นคนอย่างไร เขาเพิ่งเคยได้ยินชื่อคนผู้นี้เป็นครั้งแรก ใน ‘บันทึกสวรรค์พิสุทธิ์’ ของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์กลับไม่มีข้อมูลในเรื่องนี้

แล้วก็เป็นเพราะเหตุนี้ ทำให้เขารู้สึกสงสัยขึ้นมา เอ่ยถามอู๋ซานเหลี่ยงว่า “เจ้าแน่ใจนะว่ามาขอพบข้า มิใช่ขอพบพวกเขา?” พลางชี้นิ้วไปทางพวกเฟ่ยฉางหลิว

อู๋ซานเหลี่ยงตอบว่า “เขาระบุว่ามาพบเต้าเหยี่ยขอรับ”

พวกเฟ่ยฉางหลิวสบตากันเล็กน้อย ดูจากท่าทางแล้วเหมือนหนิวโหย่วเต้าจะไม่รู้จักกับลิ่งหูชิวผู้นั้นเลย หากว่าเป็นลิ่งหูชิวตัวจริง ไยต้องมาขอพบหนิวโหย่วเต้าด้วยเล่า? หรือว่าคิดจะผูกมิตรกับหนิวโหย่วเต้า

หากว่าเป็นเช่นนี้จริงล่ะก็ ในใจพวกเขาทั้งสามคนรู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย นี่มันหมายความว่าอย่างไรน่ะหรือ? มันหมายความว่าลิ่งหูชิวคิดว่าหนิวโหย่วเต้ามีอิทธิพลมากกว่าพวกเขาอย่างไรล่ะ

หนิวโหย่วเต้ายังคงรู้สึกยากจะเชื่อได้ มองดูพวกเขาสามคน ถามว่า “ไม่ได้มาหาพวกท่าน แต่มาหาข้า? พวกท่านคิดว่าคนผู้นี้คิดจะทำอะไร?”

เซี่ยฮวาพลันยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ดูเหมือนจะเข้าใจได้ไม่ยาก”

หนิวโหย่วเต้าถาม “หมายความว่าอย่างไร?”

เซี่ยฮวาเอ่ยแกมหยอกเย้าเล็กน้อย “หมายความว่าชื่อเสียงของพวกเราสามคนไม่อาจเทียบชื่อเสียงของ ‘เต้าเหยี่ย’ ได้อย่างไรล่ะ บางทีลิ่งหูชิวผู้นี้อาจจะไม่เคยได้ยินแม้กระทั่งชื่อสำนักของพวกเราทั้งสามคนด้วยซ้ำ แต่เจ้ากลับต่างออกไป สังหารราชทูตแคว้นเยี่ยน ก่อเรื่องใหญ่โตวุ่นวาย นั่นเป็นเรื่องที่ทั่วหล้าต่างทราบกันดี! แล้วยังมีข่าวลือที่หอหิมะเหมันต์เรื่องนั้นด้วย เกรงว่าคงเป็นไปได้ยากที่จะไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของเจ้า”

“…..” หนิวโหย่วเต้าพูดไม่ออก จากนั้นพลันหัวเราะฮ่าๆ ยิ้มหยันตัวเองพลางกล่าวว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ล่ะก็ อย่างนั้นมันก็เหมือนกับคำกล่าวที่ว่าเรื่องดีๆ ไม่มีใครรู้ แต่เรื่องชั่วๆ นี่กลับแพร่กระจายออกไปได้อย่างรวดเร็ว เอาจริงๆ นะ พวกท่านมีใครเคยพบเขาหรือไม่ ไม่อย่างนั้นเราจะรู้ได้อย่างไรว่าคนที่มาเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม?”

เซี่ยฮวาและเฟ่ยฉางหลิวส่ายหน้า พากันบอกว่าไม่เคยพบมาก่อน

เจิ้งจิ่วเซียวกล่าวว่า “ข้าเคยพบเขาอยู่สองหน แต่ก็เพียงแค่เห็นอยู่ไกลๆ เท่านั้น ยังไม่เคยพูดคุยทักทายกันมาก่อน ดังนั้นจึงไม่อาจนับได้ว่ารู้จักกัน แต่เรื่องจดจำไม่ใช่ปัญหา จะใช่ตัวจริงหรือไม่ เดี๋ยวเจอหน้าก็รู้”

“แขกคนสำคัญมาเยือนถึงที่ มาด้วยสาเหตุใดกัน? ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะเดินทางมาไกลเพียงเพื่อผูกมิตรสร้างสหาย แบบนั้นออกจะไร้สาระเกินไป…” หนิวโหย่วเต้าคล้ายเอ่ยพึมพำกับตัวเอง

เซี่ยฮวาผายมือออก “แต่คนผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องชอบคบค้าสหาย หากเขามีนิสัยเช่นนี้จริง เช่นนั้นก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิบัติต่อเจ้าต่างไปจากผู้อื่น”

“อย่างนั้นหรือ? คนผู้นี้น่าสนใจ…” มุมปากของหนิวโหย่วเต้ายกขึ้นมาเล็กน้อย เขาเองก็เป็นคนที่ชอบคบค้าสหายเช่นกัน นับว่าทั้งสองมีจุดที่เหมือนกันอยู่ ความรู้สึก ‘เข้าอกเข้าใจ’ เช่นนี้มันช่างน่าลองค้นหาดูยิ่งนัก แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังไม่อาจเทียบกับความแปลกประหลาดของคนผู้นี้ได้ จึงอดไม่ได้ที่จะหันไปมองแผนที่อย่างช้าๆ อีกครั้ง แววตาวูบไหว หลังจากใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เอ่ยถามว่า “มากันกี่คน?”

อู๋ซานเหลี่ยงตอบ “แค่สามคนขอรับ นอกจากตัวเขาแล้ว ยังมีคู่แฝดสาวงามอีกสองคนติดตามมาด้วย”

เจิ้งจิ่วเซียวเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ยิ่งไม่มีทางผิดตัวแน่ ที่ข้าพบเขาสองครั้งนั้น เขาก็มีคู่แฝดสาวงามติดตามอยู่ข้างกายจริงๆ ได้ยินว่าเป็นสาวใช้ประจำตัวของเขา เหมือนจะมีนามว่าหงซิ่ว หงฝูอันใดสักอย่าง”

“สามคนหรือ…” หนิวโหย่วเต้าพึมพำอีกครั้ง ยกมือขึ้นเล็กน้อย “เชิญเข้ามา!”

“ขอรับ!” อู๋ซานเหลี่ยงรับคำสั่งแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นหนิวโหย่วเต้ายกมือไพล่หลังยืนนิ่งๆ อยู่ตรงหน้าแผนที่ ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังคิดอะไรอยู่ พวกเฟ่ยฉางหลิวสามคนสบตากัน เจิ้งจิ่วเซียวเอ่ยขึ้นว่า “เผชิญหน้ากับคนผู้นี้ไม่ควรประมาท เขามาเยือนด้วยตัวเอง พวกเราควรจะไปต้อนรับสักหน่อยหรือเปล่า?”

“อืม ก็จริง ไม่ควรเสียมารยาท” หนิวโหย่วเต้าหันกลับมา เอ่ยยิ้มๆ “ไปเถอะ ไปต้อนรับแขกคนสำคัญผู้โด่งดังจากแคว้นจิ้นคนนั้นกันเถอะ”

ทั้งคณะออกมาจากคฤหาสน์ มายืนรออยู่ตรงหน้าประตู

ผ่านไปสักพัก เงาร่างหลายร่างเหินทะยานเข้ามา ผู้นำทางคืออู๋ซานเหลี่ยง เมื่อเห็นพวกหนิวโหย่วเต้ามารอต้อนรับอยู่ที่หน้าประตู เขาก็นำทางคนทั้งสามที่อยู่ด้านหลังร่อนลงตรงหน้าประตู

แขกและเจ้าบ้านพบหน้า ต่างฝ่ายต่างพินิจพิเคราะห์กัน

ผู้มาเยือนสวมเสื้อคลุมแขนกว้างสีเขียว เกล้ามวยผมปักปิ่นไม้จันทน์สีแดงด้ามหนึ่ง คิ้วหนาตาโต สองเนตรสดใสเปล่งประกาย แต่งกายเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่กลับให้ความรู้สึกอิสระเสรีไม่ผูกมัด

หญิงสาวสองนางที่ติดตามอยู่ด้านหลังหน้าตาเหมือนกันทุกประการ ต่างสวมชุดสีขาวดั่งหิมะ ใบหน้างดงาม เพียงแต่คนหนึ่งมีสีหน้าเย็นชา แต่อีกคนกลับมีรอยยิ้มสดใสประดับอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา ทันทีที่เห็นก็รู้แล้วว่าสตรีทั้งสองเป็นฝาแฝด แม้จะบอกว่าเป็นหญิงสาว แต่อันที่จริงอายุน่าจะไม่น้อยแล้ว ดูเหมือนจะอยู่ในวัยกลางคนแล้ว

เมื่อแขกทั้งสามร่อนลงสู่พื้น หนิวโหย่วเต้าก็เหลือบมองเจิ้งจิ่วเซียวเล็กน้อย เจิ้งจิ่วเซียวพยักหน้าให้นิดๆ สื่อว่าไม่ผิดแน่ เป็นลิ่งหูชิวจริงๆ

ลิ่งหูชิวกวาดตามองดูกลุ่มคนเล็กน้อย จากนั้นสายตาพลันไปหยุดอยู่ที่หนิวโหย่วเต้าที่ยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนทันที คล้ายว่ามองแวบเดียวก็ทราบแล้วว่าเป็นผู้นำ คิดอยู่ในใจ ไม่ผิดไปจากที่เล่าลือเลย อายุยังน้อยจริงๆ ด้วย!

“เต้าเหยี่ย ท่านผู้นี้คือท่านลิ่งหูชิวผู้เลื่องชื่อจากแคว้นจิ้นขอรับ” อู๋ซานเหลี่ยงก้าวเข้ามาเอ่ยแนะนำต่อหนิวโหย่วเต้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า