ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 260

ตอนที่ 260 ไล่ล่าใต้ดิน

ในกลุ่มคนที่ตามไล่ล่ากันเป็นทอดๆ นอกจากหนิวโหย่วเต้าที่หลบหนีอยู่ด้านหน้าสุดแล้ว ทั้งหมดล้วนเป็นยอดฝีมือระดับโอสถทองทั้งสิ้น

จากจุดนี้จะเห็นได้ว่าเพื่อสังหารหนิวโหย่วเต้าที่อยู่ในระดับสร้างฐานเพียงคนเดียวแล้ว ผู้บงการน่าจะลงทุนไปไม่น้อย ทำแบบนี้คือต้องการให้หนิวโหย่วเต้าตายสถานเดียว

ขณะเดียวกันก็เห็นได้ว่าเพื่อที่จะรักษาชีวิตไว้แล้ว หนิวโหย่วเต้าก็ใช้ทรัพยากรไปเป็นจำนวนมหาศาลเช่นกัน ใช้ผู้บำเพ็ญเพียรระดับโอสถทองสิบห้าคนจากสามสำนักเพื่อคุ้มกัน!

สภาวะของทั้งสองฝ่ายห่างชั้นกันเกินไป อีกไม่ช้าก็จะตามทันแล้ว

จู่ๆ หนิวโหย่วเต้าที่กำลังจะตกลงพื้นพลันซัดฝ่ามือลงบนพื้นอย่างแรง ตู้ม เม็ดทรายฟุ้งกระจาย เขาร่วงลงไปจากบนอากาศ จมหายเข้าไปในฝุ่นทรายที่ระเบิดขึ้นมา

ในเวลาเดียวกับที่เม็ดทรายร่วงหล่นลงมาดังซ่าๆ ชายผอมสูงที่นำหน้าคนทั้งสามอยู่หลายช่วงตัวพลันตวัดกระบี่ ปราณกระบี่ที่ดุดันและรุนแรงสายหนึ่งพุ่งแหวกอากาศ โจมตีเข้าไปยังจุดที่หนิวโหย่วเต้ามุดซ่อนตัวลงไป

ท่ามกลางฝนทรายที่ฟุ้งกระจาย ในเวลาเดียวกับที่ร่วงลงมา ตัวคนได้ตวัดกระบี่ส่งปราณกระบี่อันทรงพลังฟาดฟันลงไปใต้พื้นทรายในทุกทิศทุกทาง

หลังจากเม็ดทรายร่วงหล่นลงมาดังซ่าๆ เขาถือกระบี่พลางกวาดตามองไปรอบๆ ไหนเลยจะยังเห็นเงาร่างของหนิวโหย่วเต้าอีก

เขาเสียบกระบี่เก็บไว้ด้านหลังอย่างรวดเร็ว คุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น ทาบฝ่ามือข้างหนึ่งลงบนพื้น ใช้พลังตรวจสอบ ไม่นานพลันขมวดคิ้วขึ้นมา ฝ่ามือข้างหนึ่งตวัดไปมาอยู่บนพื้น ตะโกนขึ้นว่า “เปิด!”

พลังปราณที่พลุ่งพล่านหมุนควง เจาะพื้นทรายจนเกิดเป็นโพรงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นชักกระบี่ออกมาแล้วพุ่งลงไป ปากโพรงพังถล่มจมหายตามไป

อีกสามคนที่เหินกายตามลงมาหลังจากนั้นคล้ายค่อนข้างจนปัญญา ถึงแม้ทุกคนจะเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับโอสถทองเหมือนกัน แต่ระหว่างผู้บำเพ็ญเพียรระดับโอสถทองด้วยกันก็ยังมีความต่างชั้นกันอยู่มาก เคล็ดวิชาที่แต่ละคนบำเพ็ญเพียรแตกต่างกันไป ประโยชน์ใช้สอยและวิธีการใช้พลังก็แตกต่างกันไปด้วย

พวกเขาไม่สามารถมุดลงไปใต้พื้นทรายแล้ววิ่งพล่านไปทั่วได้

พอหยุดชะงักเช่นนี้ สิบคนที่อยู่ด้านหลังจึงตามมาทัน ยอดฝีมือจากสามสำนักเข้าปิดล้อมทั้งสามคนไว้ รุมโจมตีอย่างดุเดือด!

ทั้งสามย่อมต้องตอบโต้กลับอย่างสุดความสามารถ ฉากต่อสู้อันดุเดือดรุนแรงพลันอุบัติขึ้น!

รอบกายชายผอมสูงที่มุดลงไปใต้พื้นทรายมีพลังปราณหมุนวนอย่างรวดเร็วและรุนแรง ทำให้รอบกายเขามีพื้นที่ว่างอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งพลังปราณที่หมุนวนอยู่รอบกายก็คอยทะลวงเปิดทางให้เขาเหมือนสว่านอันหนึ่ง

ชายผอมสูงที่ถือกระบี่ไว้ในมือเรียกได้ว่ากำลังวิ่งอยู่ใต้พื้นทราย ตรงไปยังจุดซ่อนตัวของเป้าหมาย

ส่วนหนิวโหย่วเต้าในเวลานี้ก็กำลังซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางทราย เขาไม่มีความสามารถเท่าชายผอมสูงที่สร้างพื้นที่ว่างรอบตัวในชั้นทรายลึกหลายสิบเมตรได้ แต่เขากลับไม่กริ่งเกรงแรงกดดันมหาศาลใต้พื้นทรายเลย สามารถหาจุดถ่วงดุลกับแรงดันน้อยนิดนั้นได้

เขาหลับตากำหนดสมาธิ หลอมรวมเป็นหนึ่งกับเม็ดทรายรอบกาย สงบนิ่ง!

รับรู้ได้ว่ามีบางสิ่งกำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว การเคลื่อนไหวของศัตรูที่กำลังเปิดทางมาชัดเจนเป็นอย่างมาก เป็นไปได้ยากที่จะไม่พบเห็น หนิวโหย่วเต้าขมวดคิ้วเล็กน้อย แตกตื่นอยู่ในใจ ผู้ที่มาเป็นใครกัน? คิดไม่ถึงว่าจะส่งยอดฝีมือระดับนี้มาตามล่าสังหารตน!

ครั้งนี้ถึงคราวที่เขาต้องลอบโอดครวญในใจบ้างแล้ว ทั้งๆ ที่รู้ว่ามีอันตราย แต่ก็ยังกล้ามาตามนัดหมายในทะเลทรายเพียงลำพัง ก็เนื่องเพราะคิดว่าตนเองมีทักษะนี้ คิดไม่ถึงว่าจะเผชิญกับยอดฝีมือตัวจริงเข้าแล้ว!

นี่มิใช่แค่ยอดฝีมือระดับโอสถทองเด็ดขาด หากแต่เป็นยอดฝีมือที่แท้จริงในบรรดาผู้บำเพ็ญเพียรระดับโอสถทอง!

ในใจก่นด่าโคตรเหง้าของเซ่าผิงปอ ไหนเลยจะกล้ารั้งอยู่ต่อ สำแดงเคล็ดเคลื่อนย้ายมหาจักรวาล ตัวคนแหวกว่ายอยู่ในผืนทรายดั่งมัจฉา มุดหนีไปอย่างรวดเร็ว หลบหนีลึกลงไปใต้ดิน

เขาต้องการหยั่งเชิงดูว่าอีกฝ่ายจะทนแรงดันใต้ดินได้ดีเท่าตนหรือไม่ หากอีกฝ่ายทนรับไม่ไหว ก็จะเป็นโอกาสให้ตนได้หลบหนี

คนหนึ่งแหวกว่ายหนีท่ามกลางผืนทราย อีกคนใช้พลังอันแกร่งกล้าเปิดทางเพื่อไล่ล่า

หลังจากดำลงไปได้หลายสิบเมตร หนิวโหย่วเต้าเกือบจะสบถด่าแม่ออกมา ข้างล่างไม่มีทางให้ไปต่อแล้ว เป็นก้อนหิน

เขาไหนเลยจะมุดเข้าไปในก้อนหินได้ เคล็ดเคลื่อนย้ายมหาจักรวาลของเขาสามารถแหวกว่ายในสายน้ำและบ่อทรายได้เท่านั้น แต่หากชนเข้ากับพื้นดินปกติก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงก้อนหินเลย

เขาวิ่งไปในแนวขนานอีกหลายสิบเมตร พบว่าด้านล่างยังคงเป็นก้อนหินแข็งๆ อยู่

ไม่มีวิธีแล้ว มุดลงไปใต้ดินต่อไม่ได้ ทำได้เพียงหลบหนีไปในแนวขนาน

ทว่าระดับความเร็วในการไล่ตามของอีกฝ่ายเร็วเกินไป ทั้งสองฝ่ายใกล้กันเข้ามาเรื่อยๆ

เมื่ออยู่ใกล้ในระยะสายตา ชายผอมสูงที่ตามไล่ล่าพลันตวัดกระบี่ฟันออกไป

เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น พลังโจมตีอันรุนแรงพุ่งแหวกทรายเข้ามา หนิวโหย่วเต้าตวัดแขนซัดฝ่ามือออกไปอย่างรวดเร็ว แสงสีแดงสายหนึ่งพุ่งออกมาจากฝ่ามือของเขา

ตัวเขาในปัจจุบันนี้มิใช่เด็กน้อยที่ไม่เข้าใจและไม่สามารถควบคุมพลังปราณได้เหมือนอย่างเมื่อในอดีตแล้ว สำหรับเขาในตอนนี้ สามารถโคจรพลังควบคุมยันต์ถ่ายทอดธรรมคุ้มกายภายในร่างได้แล้ว

ตู้ม! พลังฝ่ามืออันทรงพลังและปราณกระบี่อันดุดันปะทะกัน คล้ายการระเบิดอย่างรุนแรงอย่างไรอย่างนั้น

ครืน! จากนั้นมีเสียงแปลกๆ ดังตามมา หนิวโหย่วเต้ารับรู้ได้ถึงทรายที่กำลังไหลลงไปอย่างรวดเร็ว อดรู้สึกดีใจขึ้นมาไม่ได้ ดูเหมือนพื้นหินด้านล่างจะถูกระเบิดแล้ว ใต้พื้นคล้ายว่ามีช่องว่างอยู่

หนิวโหย่วเต้ามุดตามทรายที่ไหลลงไปอย่างรวดเร็ว

ทรายไหลลงไปด้านล่างอยู่ครู่ก็คล้ายว่าจะหยุดลงอีกครั้ง หนิวโหย่วเต้าที่พุ่งออกมาจากกองทรายพบว่ารอบข้างว่างเปล่า คิดไม่ถึงว่าจะหนีออกมาจากในทรายแล้ว รอบข้างมืดสนิทไปหมด ดูคล้ายว่าเป็นพื้นที่โล่ง

เขาโคจรพลังตรวจสอบรอบข้างเล็กน้อย พบว่าเหมือนจะเป็นอุโมงค์ใต้ดินเส้นหนึ่ง

แสงสว่างสายหนึ่งส่องขึ้นมา เขาเรียกผีเสื้อจันทราออกมาส่องทาง เป็นอุโมงค์ใต้ดินที่ก่อขึ้นมาจากหินจริงๆ

ยังมีอะไรต้องพูดอีก ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน ขอเพียงมีทางหนีเอาชีวิตรอดก็พอ เขาทะยานพุ่งไปตามอุโมงค์ ผีเสื้อจันทราบินตามคอยส่องทางให้

ชายผอมสูงที่ยังอยู่ในผืนทรายกลับตกใจ แรงระเบิดจากการปะทะกันอย่างรุนแรงเมื่อครู่นี้ทำให้พลังปราณที่หมุนวนอยู่รอบตัวเขาถูกระเบิดสลายไป เม็ดทรายที่อยู่รอบข้างเข้าท่วมทับเขาทันที

แรงดันมหาศาลโถมเข้าใส่ร่าง บีบอัดจนเขาเกือบจะขย้อนอวัยวะภายในออกมา พยายามใช้พลังต้านไว้อย่างสุดกำลัง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า