ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 262

สรุปบท ตอนที่ 262 ถูกหนิวโหย่วเต้าสังหารไปแล้ว!: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 262 ถูกหนิวโหย่วเต้าสังหารไปแล้ว! – ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า โดย Internet

บท ตอนที่ 262 ถูกหนิวโหย่วเต้าสังหารไปแล้ว! ของ ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 262 ถูกหนิวโหย่วเต้าสังหารไปแล้ว!

ชายผอมสูงเซถอยไปหลายก้าว ในที่สุดก็ค้ำกระบี่ที่อยู่ในมือลงไปบนพื้น ค่อยๆ ทรุดตัวคุกเข่าลงไปบนพื้นทราย

ผู้บำเพ็ญเพียรสิบกว่าคนจากสามสำนักตะลึงงัน คนที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้ ถูกจัดการง่ายๆ แบบนี้น่ะหรือ?

ผ้าคลุมสีดำปลิวสะบัด หนิวโหย่วเต้าเหินเข้ามา ร่อนลงตรงหน้าชายผอมสูง มองสำรวจจากบนลงล่างพลางเอ่ยถาม “เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ?”

นี่มิใช่การเย้ยหยัน แล้วก็มิใช่การแสร้งถามทั้งที่รู้อยู่แล้ว เขาหมายความว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บมาตั้งแต่อยู่ใต้พื้นทรายก่อนหน้านี้หรือ มิเช่นนั้นตัวเขาเองก็ไม่เชื่อว่าจะคนแบบนี้จะถูกจัดการได้ง่ายๆ เช่นนี้

ชายผอมสูงที่มีโลหิตไหลซึมจากมุมปากค่อยๆ เงยหน้าขึ้น มองหนิวโหย่วเต้า เมื่อครู่เขาทราบแล้วว่าตนไม่เหลือแรงพอสู้ต่ออีก เดิมคิดจะใช้พลังทั้งหมดโจมตีทุกคน ทำให้ทุกคนไม่กล้าเสี่ยงลงมือง่ายๆ จากนั้นค่อยรีบหลบหนีไป ผู้ใดจะทราบว่าหนิวโหย่วเต้ากลับไม่ให้โอกาสเขาเลย พอเห็นช่องโหว่ก็ตัดสินใจลงมืออย่างเฉียบขาด ตัดช่องทางหนีของเขา

เขาค่อยๆ ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมา ชี้หนิวโหย่วเต้า “เจ้า…”

มือที่ยกขึ้นมาสั่นไหวเล็กน้อย แกว่งไปมาอย่างไร้เรี่ยวแรง ศีรษะเองก็ค่อยๆ เอียงพับลงมาที่หน้าอกอย่างอ่อนแรง มือยันกระบี่ไว้ไม่ล้มลงไป คุกเข่านิ่งเงียบอยู่ท่ามกลางพื้นทราย โลหิตซึมออกมาจากปาก ไหลหยดลงไปไม่หยุดคล้ายสร้อยไข่มุกที่ขาดออกจากกัน

ภายใต้ม่านรัตติกาล ทะเลทรายที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขตยังคงดูแปลกประหลาดและเต็มไปด้วยอันตราย

จันทราเดียวดาย ส่องแสงกระทบร่างหนิวโหย่วเต้าที่ยืนหลุบตามองอยู่ตรงนั้น ผ้าคลุมสีดำปลิวไสว แล้วก็ยังมีร่างคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นตรงหน้าเขาด้วย

สีหน้าหนิวโหย่วเต้านิ่งเฉย ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วอีกฝ่ายต้องการจะพูดอะไร มองเขาอยู่เนิ่นนาน

แม้ว่าแมงป่องทรายรอบข้างจะกรูกันเข้ามาอีก เขาก็ยังนิ่งเฉยไม่แยแส

ศิษย์จากสามสำนักที่ยังมีชีวิตรอดพุ่งเข้ามา มีคนกระจายตัวล้อมอยู่รอบข้างคอยสกัดแมงป่องทรายเหล่านั้น ไม่ปล่อยให้แมงป่องทรายเหล่านั้นได้เข้าใกล้

มีคนมองชายผอมสูงที่คุกเข่าอยู่ตรงนั้น จากนั้นก็มองหนิวโหย่วเต้าที่นิ่งเงียบไม่พูดจา ต่างรู้สึกยากจะเชื่อได้

ขอเพียงมิใช่คนโง่ก็ล้วนแต่ทราบกันทั้งสิ้น พลังของชายผอมสูงคนนี้แกร่งกล้าเป็นอย่างยิ่ง มาตรว่าการโจมตีสุดท้ายจะทุ่มพลังทั้งหมดออกมาถึงได้น่าหวาดกลัวถึงเพียงนั้น แต่นั่นก็เพียงพอจะแสดงให้เห็นถึงพลังของคนผู้นี้แล้ว เกรงว่าต่อให้ทั้งกลุ่มร่วมมือกันก็คงขวางคนผู้นี้ไม่ได้

พลังของคนผู้นี้ ทั่วทั้งสามสำนักรวมถึงเจ้าสำนักและเหล่าผู้อาวุโส คาดว่าคงไม่มีใครที่จะต่อกรคนผู้นี้ได้เช่นกัน!

มิน่าล่ะ ทั้งๆ ที่เห็นอยู่ว่ามีกองหนุนมากมายขนาดนี้ไล่ตามมาก็ยังไม่ยอมหนี ยังคงตามไล่ล่าหนิวโหย่วเต้าต่อไป เพราะมีความสามารถระดับนี้ จึงไร้ความหวั่นเกรงอย่างสิ้นเชิง

และเนื่องด้วยเหตุนี้ ทุกคนถึงไม่อยากจะเชื่อว่ายอดฝีมือที่แข็งแกร่งปานนี้จะมาถูกสังหารง่ายๆ เช่นนี้ได้

พวกเขาย่อมทราบดีว่าไม่ได้มีสาเหตุมาจากการกลุ้มรุมโจมตีของพวกเขาเลย เมื่อครู่พวกเขาถึงขนาดที่ว่าหาทางเข้าใกล้อีกฝ่ายไม่ได้ด้วยซ้ำ ซ้ำยังถูกโจมตีจนได้รับบาดเจ็บอีก กระทั่งมีคนถูกโจมตีจนเสียชีวิตไปสองคนพร้อมกัน พลังของคนผู้นี้น่ากลัวขนาดไหน เพียงแค่คิดดูก็รู้แล้ว!

เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้บาดเจ็บตั้งแต่ดำอยู่ใต้ดินก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งยังบาดเจ็บสาหัสด้วย

สาเหตุที่บาดเจ็บสาหัสก็เดาได้ไม่ยากเช่นกัน เพียงแต่แววตาที่พวกเขามองหนิวโหย่วเต้าเต็มไปด้วยความสับสนลังเล ด้วยพลังของหนิวโหย่วเต้าจะสามารถทำร้ายคนผู้นี้ได้หรือ? มันจะน่าเหลือเชื่อเกินไปหน่อยแล้ว!

ทว่านอกจากสาเหตุนี้แล้ว ทุกคนก็คิดไม่ออกแล้วเช่นกันว่าจะยังมีสาเหตุอื่นใดได้อีก

“ส่งคนผู้นี้มา นี่เท่ากับต้องการให้ท่านตายให้ได้ เป็นผู้ใดกันที่สามารถส่งยอดฝีมือเช่นนี้มาล่าสังหารท่านได้?” มีคนเอ่ยถาม

หนิวโหย่วเต้าตอบไม่ตรงคำถาม “พวกเจ้ามีใครรู้จักคนผู้นี้หรือไม่?”

ทุกคนต่างส่ายหน้า มีคนเอ่ยขึ้นว่า “ถึงแม้จะมิใช่ยอดฝีมือชั้นแนวหน้า แต่ด้วยพลังของคนผู้นี้ จะต้องมิใช่พวกปลายแถวไร้นามแน่นอน น่าจะติดอยู่ในสามร้อยลำดับแรกของทำเนียบโอสถขอรับ!”

หนิวโหย่วเต้ายื่นมือไปชักกระบี่ออกมาจากทรวงอกของชายผอมสูง พลันตวัดกระบี่ สะบั้นศีรษะของอีกฝ่ายลงมา เงยหน้ามองดวงจันทร์พลางเอ่ยเนิบๆ “เอาหัวไป ให้คนตรวจสอบดูหน่อยว่ามีใครรู้จักคนผู้นี้หรือไม่ ที่นี่อยู่ต่อไม่ได้แล้ว เก็บกวาดให้เรียบร้อยแล้วไปกันเถอะ!”

เขาสะบัดคราบเลือดที่เปื้อนกระบี่ออก เก็บเข้าไปในผ้าคลุมสีดำผืนใหญ่ สอดเข้าฝักกระบี่ดังฉึบ

ทุกคนรีบเก็บกวาดสถานที่อย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นมีคนกำลังเก็บศพของศิษย์ทั้งสองจากฝั่งสามสำนักอยู่ หนิวโหย่วเต้าพลันกวาดมองจำนวนคนรอบข้าง เห็นว่าหายไปหลายคน จึงเดินเข้าไปดูเล็กน้อย เอ่ยถามว่า “ฝั่งเราบาดเจ็บล้มตายไปเท่าไร?”

ผู้รับหน้าที่จัดการศพถอนหายใจพลางตอบไปว่า “เดิมทีไม่มีผู้บาดเจ็บล้มตายเลยขอรับ แต่เมื่อครู่พอคนผู้นั้นโผล่มา ด้วยการโจมตีนั้น สังหารคนฝั่งพวกเราไปสองคน คนที่เหลือก็ได้รับบาดเจ็บกันบ้างไม่มากก็น้อย”

หนิวโหย่วเต้ามองสำรวจรอบข้างแล้วเอ่ยถาม “เชลยล่ะ? จับได้สักคนหรือไม่?”

ผู้รับหน้าที่จัดการศพตอบว่า “เมื่อครู่เดิมทีจับได้หนึ่งคน แต่เพื่อขัดขวางคนผู้นั้น จึงไม่ทันได้สนใจเชลย เขานอนอยู่บนพื้นถูกแมงป่องทรายกัดกินทั้งเป็นไปแล้วขอรับ แต่ก็ไม่ต้องกังวลขอรับ ก่อนหน้านี้จับตัวเชลยได้สองคน นำกลับไปส่งทางหอไร้ขอบเขตแล้วขอรับ”

หนิวโหย่วเต้าโล่งอก เสี่ยงอันตรายขนาดนี้ เสียค่าตอบแทนไปมากขนาดนี้ สุดท้ายก็บรรลุเป้าหมาย

ไม่นานนัก คนทั้งกลุ่มเหินข้ามแมงป่องทรายไป ทะยานขึ้นๆ ลงๆ หายลับเข้าไปในความมืดมิดของรัตติกาลอย่างรวดเร็ว

ส่วนซากศพที่ถูกทิ้งไว้ที่เดิมก็ถูกแมงป่องทรายฉีกทึ้งไปเป็นอาหาร แม้แต่ซากของพวกเดียวกันก็ไม่เว้น กระทั่งกระดูกก็ถูกกัดแทะ เอาไว้ผ่านคืนนี้ไปก็จะไม่เหลือร่องรอยใดๆ อยู่อีก ทะเลทรายผืนนี้จะลืมเลือนเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคืนนี้ไป

….

หนิวโหย่วเต้าบรรลุเป้าหมายแล้ว ทั้งกลุ่มไม่จำเป็นต้องปิดบังร่องรอยอีก แล้วก็ไม่กล้าปล่อยให้หนิวโหย่วเต้าเสี่ยงอันตรายคนเดียวอีกแล้ว รวมกลุ่มกันทะยานขึ้นสู่ยอดเขา มาถึงหอไร้ขอบเขต

“เต้าเหยี่ย ท่านไม่เป็นอะไรกระมัง?”

เมื่อเห็นหนิวโหย่วเต้า กงซุนปู้ที่เดินกลับไปกลับมาอยู่ในศาลาหลังหนึ่งก็รีบปรี่เข้ามาสอบถาม

“กลับไปค่อยว่ากัน” หนิวโหย่วเต้าที่สวมผ้าคลุมสีดำเอ่ยตอบประโยคเดียว

ทั้งกลุ่มเดินอาดๆ อยู่ภายในหอไร้ขอบเขต คนมากมายที่สัญจรผ่านมาสังเกตเห็นว่าคนที่ในผ้าคลุมสีดำได้รับการปกป้องคุ้มกันอยู่ท่ามกลางคนกลุ่มใหญ่

เถ้าแก่พานรีบไปเอาน้ำมาให้ด้วยตัวเอง หนิวโหย่วเต้าเทน้ำใส่ปาก กลั้วปากเล็กน้อย หันไปถ่มคราบเลือดในปากทิ้ง เลี่ยงไม่เห็นถูกคนสังเกตเห็นพิรุธอันใด

เขาส่งถ้วยน้ำคืนเถ้าแก่พานแล้วเอ่ยว่า “ขังสองคนนั้นแยกกัน สอบปากคำกันคนละที่ จะต้องง้างปากพวกเขาออกมาให้ได้! ยังมีอีก อย่าปล่อยให้ผู้ใดเข้าใกล้พวกเขาง่ายๆ รวมถึงคนฝั่งเราก็ต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวดเช่นกัน ทักษะปลอมตัวของคนพวกนี้ยอดเยี่ยม อย่าปล่อยให้ถูกคนฉวยโอกาสมาสังหารปิดปากได้”

“ขอรับ!” คนที่ยืนอยู่สองฝั่งตอบรับ

“เอาศีรษะนั่นไปด้วย ลิ่งหูชิวรอบรู้กว้างขวาง บางทีอาจจะรู้จักคนผู้นี้!”หนิวโหย่วเต้าหันไปกล่าวกับกงซุนปู้ จากนั้นเดินออกไป

กลุ่มคนที่เดินทางตามมาอย่างลับๆ ไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอีก กงซุนปู้และตัวแทนหนึ่งคนจากแต่ละสำนักติดตามหนิวโหย่วเต้ากลับไปพำนักที่โรงเตี๊ยมทะเลสาบสวรรค์

เมื่อเห็นคนอื่นๆ จากไปแล้ว คนที่ยังอยู่ในร้านค้าของสำนักเซียนสถิตจึงหันกลับมาคุยกัน เถ้าแก่พานเอ่ยถามคนที่อยู่ด้านข้าง “ศิษย์พี่ นั่นเป็นศีรษะของผู้ใด? ดูเหมือนหนิวโหย่วเต้าจะให้ความสำคัญยิ่งนัก ปฏิกิริยาของเชลยสองคนนั้นก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน”

ศิษย์พี่ที่เข้าร่วมภารกิจในคืนนี้ถอนหายใจพลางเอ่ยตอบว่า “พลังของคนผู้นี้แกร่งกล้ายิ่ง ทั่วทั้งสำนักเซียนสถิตของพวกเราคาดว่าคงไม่มีผู้ใดต่อกรได้ พวกเรารอดชีวิตกลับมาได้ก็นับว่าโชคดีแล้ว!”

เถ้าแก่พานตกตะลึงเป็นยิ่ง “เช่นนั้นเป็นผู้ใดที่มีฝีมือขนาดตัดศีรษะคนผู้นี้ได้?”

“ถูกหนิวโหย่วเต้าสังหาร!” ศิษย์พี่ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“หนิวโหย่วเต้าสังหารเขาได้อย่างนั้นเหรอ?” สีหน้าเถ้าแก่พานเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

“รายละเอียดข้าก็ไม่รู้แน่ชัดเหมือนกัน แต่เขาตายด้วยน้ำมือของหนิวโหย่วเต้าจริงๆ เจ้ารีบบันทึกรายละเอียดแล้วส่งกลับไปยังสำนักเถอะ…” ศิษย์พี่บอกเล่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด

…..

ณ ประตูโรงเตี๊ยมทะเลสาบสวรรค์ เฮยหมู่ตานนั่งรออยู่ในห้องไม่ไหวแล้วจริงๆ เดินวนกลับไปกลับมาอยู่หน้าประตูคอยชะเง้อคอมอง

เมื่อเห็นกงซุนปู้ เห็นคนที่สวมผ้าคลุมปิดหน้าสีดำ เฮยหมู่ตานก็โล่งใจดั่งยกภูเขาออกจากอก ก้าวเข้าไปต้อนรับอย่างรวดเร็ว “เต้าเหยี่ย ไม่เป็นไรใช่ไหมเจ้าคะ!”

“จัดให้พวกเขาเข้าพักที่ห้องข้างๆ พวกเรา” หนิวโหย่วเต้าชี้กลุ่มคนที่ติดตามอยู่สองฝั่งซ้ายขวา เอ่ยสั่งการเฮยหมู่ตาน ส่วนตัวเองเดินสาวเท้าเข้าไปด้านใน

เฮยหมู่ตานได้แต่พาพวกกงซุนผู้ไปจัดการเรื่องห้องพักที่โต๊ะเก็บเงิน

หนิวโหย่วเต้าที่กลับมาห้องของตนปิดประตู รีบตรงเข้าไปในห้องเล็กภายในห้อง กระทั่งผ้าคลุมก็ไม่ทันได้ถอดออก ปล่อยผีเสื้อจันทราออกมาให้แสงสว่าง โน้มตัวลงไปหากระโถนทองแดงใบหนึ่ง ไอดัง “แค่กๆ” ต่อเนื่อง มีหยดเลือดกระเด็นปนออกมาด้วย

กระทั่งลมหายใจสงบลงแล้ว เขาหยิบยาหุ้มขี้ผึ้งเม็ดหนึ่งออกมาบีบให้แตก กินยารักษาอาการบาดเจ็บภายในเข้าไป ยืนปรับลมหายใจอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ

ประตูถูกเปิดจากด้านนอก เฮยหมู่ตานกลับมาแล้ว มองเห็นภายในห้องเล็กสว่างอยู่ จึงเดินเข้าไป เมื่อได้กลิ่นคาวเลือดก็มองทันที ม่านตาหดวูบลง เอ่ยถามด้วยความตกใจ “เต้าเหยี่ย ท่านบาดเจ็บหรือเจ้าคะ?”

…………………………………………………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า