ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 269

ตอนที่ 269 เรือนเมฆาขาว

เนื่องจากพวกเขาอาศัยอยู่ริมแม่น้ำ เมืองที่ตั้งอยู่บนทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้จึงต้องสร้างขึ้นริมแม่น้ำด้วยเช่นกัน

หากต้องการมุ่งหน้าไปยังจุดหมาย เดินทางเลียบแม่น้ำสายนี้ไปตลอดย่อมไม่มีผิดพลาดแน่

ม้าวิ่งจนล้าแล้ว พบคอกเลี้ยงสัตว์แห่งหนึ่งของชนเผ่าพื้นเมืองเข้าพอดี พวกเขาหยุดม้า ทั้งกลุ่มลงจากหลังม้า จ่ายเงินให้ จึงได้รับการต้อนรับอย่างเป็นมิตรจากเจ้าของคอก

หนิวโหย่วเต้ามองดูทุกคนเลือกสรรม้า คล้ายใจลอยไปเล็กน้อย

เรื่องทำเนียบโอสถ เขาได้รับข่าวตอนอยู่ระหว่างทางแล้ว เรื่องนี้ทำให้เขาตกใจ หอหิมะเหมันต์รู้เรื่องที่เขาสังหารจั๋วเชา หอหิมะเหมันต์ทราบได้อย่างไร?

สถานการณ์ในตอนที่ต่อสู้ฆ่าฟันกันตอนนั้น ทางฝั่งมือสังหารที่ตายก็ตายไป ที่ถูกจับก็โดนจับไว้แล้ว ไม่มีทางแพร่งพรายรายละเอียดในตอนนั้นได้

ตัวเขาเองก็ยอมไม่เที่ยวโพนทะนาไปทั่ว เช่นนั้นจุดที่ข่าวจะรั่วไหลออกไปได้ก็มีเพียงสองทางเท่านั้น หากมิใช่เพราะผู้บำเพ็ญเพียรจากสามสำนักที่อยู่ในเหตุการณ์แพร่งพรายออกไป ก็อาจเป็นไปได้ว่าหลังจากศิษย์สามสำนักส่งข่าวกลับไปให้ทางสำนักแล้ว มีคนในสำนักแพร่งพรายข้อมูลออกไป

เขาถึงขั้นสงสัยว่าในหอจันทร์กระจ่างก็น่าจะมีหูตาของหอหิมะเหมันต์อยู่ด้วย พอได้ข่าวจากทางหนึ่ง ก็ส่งต่อไปยืนยันกับอีกทางหนึ่ง เพราะข้อมูลที่หอหิมะเหมันต์ประกาศออกไปทั่วหล้าเช่นนี้ย่อมมิใช่เรื่องล้อเล่น

เขาส่งจดหมายตอบกลับไปทันที ให้สามสำนักตรวจสอบอย่างเข้มงวด ทว่าคำตอบจากสามสำนักคือ ไม่กล้าตรวจสอบ!

สำหรับคำตอบนี้ เขาก็ทำได้เพียงยอมรับไปโดยปริยาย พอจะเข้าใจถึงความหวาดหวั่นของสามสำนัก ไม่กล้าไปตรวจสอบคนของหอหิมะเหมันต์!

เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโชคดี ดีที่ตอนวางแผนชิงผลตะวันชาด เพื่อความปลอดภัยจึงไม่ได้เรียกใช้คนของสำนักใดเลย แต่ใช้ผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักทั้งหลายที่ติดตามอยู่ข้างกาย เขาไม่เชื่อว่าหอหิมะเหมันต์จะสอดมือเข้าไปยุ่งกับผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักทุกคนในใต้หล้าได้

แต่เรื่องที่ทำให้เขากังวลคือจะมีคนของทางสำนักเขามหายานเผยแพร่ข้อมูลเรื่องที่เขาต่อสู้งัดคานกับเซ่าผิงปอออกไปหรือไม่?

เฮยหมู่ตานจูงม้าที่สวมอานเรียบร้อยแล้วเข้ามาหา เอ่ยถาม “เต้าเหยี่ย ยังพะวงเรื่องทำเนียบโอสถอยู่หรือเจ้าคะ?”

หนิวโหย่วเต้าถอนหายใจ “หอหิมะเหมันต์ช่างร้ายกาจนัก แทรกซึมไปได้ทุกที่!”

เฮยหมู่ตายเอ่ยว่า “มันก็ไม่แปลกเจ้าค่ะ ด้วยอำนาจของหอหิมะเหมันต์แล้ว หากคิดจะวางตัวสายลับไว้ในสำนักใด ย่อมหาตัวคนที่ยินดีทำงานรับใช้ได้ไม่ยากเย็นอะไร อีกอย่างหนึ่งคือไม่แน่ว่าจะเป็นหอหิมะเหมันต์ที่สอดมือเข้าไปยุ่งกับทางสามสำนัก ทำเนียบโอสถนี้ได้รับการสนับสนุนจากยอดคนที่อยู่ในจุดสูงสุดของใต้หล้าจำนวนหลายคน มิเช่นนั้นคงไม่อาจจัดทำขึ้นมาได้ ดังนั้นจึงไม่แน่ว่าจะเป็นทางหอหิมะเหมันต์ที่หาข่าวมาด้วยกำลังของตน แต่อาจจะเป็นไปได้ว่าได้รับมาจากกลุ่มอำนาจอื่น สรุปคือในสถานการณ์ทั่วไป ขอเพียงยังคงเล่นไปตามกฎกติกาของพวกเขา ขอเพียงไม่ไปล่วงเกินพวกเขา พวกเขาที่คอยมองดูเหล่าผู้คนจากเบื้องบนก็ไม่มีทางสอดมือเข้ามายุ่งอะไร ไม่ถือเป็นเรื่องที่อันตรายอะไรเจ้าค่ะ”

ไม่อันตรายหรือ? หนิวโหย่วเต้าเลิกคิ้ว เรื่องนี้กลับเป็นคำเตือนที่ทำให้เขารู้ตัวขึ้นมา วันหน้าทำงานต้องระวังเข้าไว้

“หากว่าหอหิมะเหมันต์ต้องการให้เจ้ากลายเป็นสายลับของพวกเขา เจ้าจะตอบตกลงไหม?” หนิวโหย่วเต้าหันไปถาม

เฮยหมู่ตานถอนหายใจ “หากมาหาข้าจริงๆ ข้าจะปฏิเสธได้อย่างไรล่ะเจ้าคะ? ข้าไม่สามารถต่อต้านและไม่สามารถปฏิเสธได้! เพียงแต่ข้ารับประกันได้ว่าข้าจะแอบบอกท่านแน่นอนเจ้าค่ะ!” พูดจบก็ยิ้มให้

หนิวโหย่วเต้าหัวเราะฮ่าๆ เงยหน้ามองนภา วิหคบินผ่าน เขาทอดถอนใจเอ่ยว่า “ทำเนียบโอสถนี่ร้ายกาจนัก! ไม่เพียงแต่จะทำให้คนฆ่ากันเองได้ แต่ยังสร้างความหวาดหวั่นให้คนมากมายได้ด้วย ทำให้คนไม่กล้าไปแตะต้องผลประโยชน์ของคนเหล่านั้น!”

ครั้งนี้เขารู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาแล้ว หลังเผชิญกับเรื่องราวในครั้งนี้ เขาไม่กล้าใช้ประโยชน์จากคนเหล่านั้นง่ายๆ อีกต่อไป พอนึกถึงเรื่องผลตะวันชาด เขาก็นึกหวาดกลัวขึ้นมา!

ทุ่งหญ้าเขียวขจีทอดตัวสูงต่ำเหมือนดั่งเกลียวคลื่น กว้างไกลไร้ขอบเขต ปีกทองตัวหนึ่งร่อนลงมาจากบนท้องฟ้า บินลงมาในมือของศิษย์จากสำนักเบญจคีรี

หลังจากถอดความจดหมายลับออกมาอย่างเร่งด่วน กงซุนปู้ก็นำมาส่งให้ เอ่ยว่า “เต้าเหยี่ย มีข่าวส่งมาจากทางบ้านขอรับ”

หลังจากหนิวโหย่วเต้ารับมาอ่าน เขาก็นิ่งเงียบไปพักใหญ่ เอ่ยขึ้นว่า “แจ้งกลับไปหาทางบ้าน ไม่มีอะไรให้เจรจาทั้งนั้น ให้พวกเขาไสหัวกลับไปซะ!”

กงซุนปู้ถาม “จะให้ตอบไปเช่นนี้หรือขอรับ?”

เขาเองก็ค่อนข้างแปลกใจเช่นกัน สำหรับข่าวลือบางอย่าง เขาก็เพิ่งทราบวันนี้ว่าเป็นความจริง เดิมทีคนผู้นี้สมควรได้ขึ้นเป็นเจ้าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์จริงๆ ด้วย

แม้แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะแอบทอดถอนใจ เรื่องนี้เป็นสำนักสวรรค์พิสุทธิ์มีตาแต่ไร้แววจริงๆ!

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “บอกสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ไปสั้นๆ ว่าสายน้ำไม่หวนคืน!”

“ขอรับ!” กงซุนปู้หันหลังจากไป

เฮยหมู่ตานสงสัย เอ่ยถาม “สำนักสวรรค์พิสุทธิ์มาหาหรือเจ้าคะ?”

หนิวโหย่วเต้ายื่นจดหมายส่งให้นาง

เฮยหมู่ตานรับไป ในเมื่อมอบให้นาง ย่อมแปลว่าให้นางอ่านได้ หลังจากอ่านจบก็อดส่ายหน้าไม่ได้

เนื้อความในจดหมายบอกว่าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ส่งถูฮั่นมายังจังหวัดชิงซาน นำจดหมายที่ถังอี๋เจ้าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์เขียนด้วยตัวเองมาด้วย เจตนาของถังอี๋คือยินดีลงจากตำแหน่ง คืนตำแหน่งเจ้าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ให้หนิวโหย่วเต้า

ส่วนความผิดใดๆ ในอดีต ถังอี๋กล่าวว่านางยินดีแบกรับไว้เพียงผู้เดียว ยินดีแบกรับผลลัพธ์ใดๆ ก็ตามที่หนิวโหย่วเต้าจะมอบให้

เฮยหมู่ตานแอบทอดถอนใจ มือกุมอำนาจเจ้าสำนักไว้ แต่ยินดีจะสละอำนาจด้วยตัวเอง ซ้ำยังยินดีรับผิดชอบผลที่ตามมาด้วย อาศัยเพียงแค่เรื่องนี้ก็นับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำได้!

ตอนนี้มุมมองที่นางมีต่อถังอี๋ดีขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว

นางขยำจดหมายในมือ ใช้พลังค่อยๆ บดขยี้ให้กลายเป็นผงธุลี สังเกตดูสีหน้าของหนิวโหย่วเต้า ลองเอ่ยเตือนว่า “ถังอี๋นับได้ว่าเป็นโฉมงามคนหนึ่ง เต้าเหยี่ยหักใจทอดทิ้งไปเช่นนี้ได้หรือเจ้าคะ?”

หนิวโหย่วเต้าหันไปถาม “ลีลาสู้เจ้าได้หรือเปล่า?”

เฮยหมู่ตานกลอกตาใส่ทีหนึ่ง ยกมือขึ้นโปรยผงธุลีที่กลายสภาพมาจากจดหมายทิ้ง สีหน้าดูแคลน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า