ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 435

ตอนที่ 435 เหตุด่วน

ก่อนหน้านี้ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดคนของสำนักหยกสวรรค์ถึงแยกตัวจากไปอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าเฟิ่งหลิงปอใช้วิธีไหนถึงล่อคนของสำนักหยกสวรรค์ออกไปเพื่อสร้างโอกาสลงมือได้

ตอนนี้เขาไม่มีเวลามานั่งคิดเรื่องนี้แล้วเช่นกัน เขารู้ดีว่าอันตรายคืบคลานเข้าไปหาพวกซางเฉาจงเหมือนไฟลนก้นแล้ว หากยังไม่คิดหาทางอีก ทุกอย่างจะสายเกินแก้ ไม่ใช่แค่ชีวิตของพวกซางเฉาจงเท่านั้น แต่ความทุ่มเทและแผนการที่เต้าเหยี่ยวางไว้ก็จะเสียเปล่าด้วย

“ส่งสัญญาณ เรียกระดมกำลัง!” หยวนกังออกคำสั่งอย่างเฉียบขาด

“ขอรับ!” หนิวหลินวิ่งออกไปทันที ปีนขึ้นไปบนหลังคา จากนั้นก็แขวนผ้าแดงผืนหนึ่งเอาไว้บนยอดหลังคา

หยวนกังที่อยู่ในเรือนจ้องมองแผนที่บนโต๊ะ กวาดสายตามองกลับไปกลับมาบนแผนที่

หยวนเฟิงที่อยู่ด้านข้างเอ่ยเตือนอีกครั้ง “ลูกพี่ หากท่านต้องการลงมือช่วยเหลือคน โปรดใคร่ครวญให้ถ้วนถี่ด้วย ในเมืองมีกองทหารจำนวนมากของเฟิ่งหลิงปออยู่ หากบุกเข้าไป ไม่เพียงแต่จะช่วยท่านอ๋องไม่ได้ แม้แต่พวกเราก็ไม่เหลือโอกาสรอดใดๆ ด้วย”

หยวนกังไม่เอ่ยตอบ แท่งถ่านในมือยังคงวาดสัญลักษณ์ลงบนแผนที่อย่างต่อเนื่อง กำลังคำนวณหาเส้นทางที่ดีที่สุดเพื่อไปถึงตำแหน่งของเป้าหมาย

หยวนหั่วเอ่ยว่า “ลูกพี่ หากจะลงมือจริงๆ มิสู้เข้าโจมตีศาลาว่าการของเฟิ่งหลิงปอเลยดีกว่า ลองดูว่าจะลักพาตัวเฟิ่งหลิงปอได้หรือไม่”

หนิวซานออกความเห็นคัดค้านทันที “ไม่ได้ ทางศาลาว่าการมีทหารเฝ้าป้องกันอยู่มากกว่า พวกเรายังไม่ทันเข้าไปโจมตีก็ตกอยู่ในวงล้อมแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือศาลาว่าการใหญ่โตถึงเพียงนั้น พวกเราไม่รู้ว่าโครงสร้างภายในเป็นอย่างไรกันแน่ คิดจะเข้าถึงตัวเฟิ่งหลิงปอให้ได้ในทันทีเป็นเรื่องยากนัก ไหนเลยจะมีเวลาพอให้พวกเราค่อยๆ ตามหาจนพบ หากไม่เตรียมตัวให้พร้อมก่อน แผนลักพาตัวไม่มีทางเป็นไปได้”

หยวนหั่วเอ่ยว่า “เช่นนั้นก่อจลาจลได้หรือไม่? ล่อให้คนของสำนักหยกสวรรค์เข้ามา หรือไม่พวกเราก็รีบไปหาคนของสำนักหยกสวรรค์ที่ประตูเมือง ขอให้คนของสำนักหยกสวรรค์ออกหน้า”

สายตาของทั้งสี่มองไปที่หยวนกัง

หยวนกังจ้องมองแผนที่ “ตอนนี้ตามเขตต่างๆ ภายในเมืองล้วนมีกำลังทหารประจำอยู่ ไม่สามารถก่อจลาจลได้ หากเกิดความวุ่นวายขึ้นแม้เพียงน้อยจะถูกกองทหารที่อยู่ในละแวกนั้นเข้ายับยั้งและปราบปรามทันที ส่วนเรื่องเชิญคนจากสำนักหยกสวรรค์ แทบทุกจุดในเมืองล้วนมีกองทหารของเฟิ่งหลิงปออยู่ เจ้ามั่นใจได้หรือว่าคนของเฟิ่งหลิงปอจะไม่เข้ามาขัดขวาง? เฟิ่งหลิงปอวางแผนมาล่วงหน้าแล้ว น่าจะไม่ปล่อยให้ใครไปติดต่อกับคนของสำนักหยกสวรรค์ได้ง่ายๆ มีความเป็นไปได้สูงที่จะวางกำลังไว้อย่างรัดกุม หากปะทะกันมีโอกาสที่จะถูกจับหรือไม่ก็ถูกกำจัดทิ้ง พวกเราจะสามารถติดต่อกับคนของสำนักหยกสวรรค์ได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้ ตอนนี้ไม่สามารถลองเสี่ยงดวงได้”

ตัวเขาเองก็ค่อนข้างเสียดายที่ไม่มีดินปืนอยู่ในมือเลย แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะเงื่อนไขมีจำกัด

เหตุผลแรกคือเพิ่งมาอยู่ในเมืองซั่งผิงได้ไม่นาน เหตุผลต่อมาคือหลังจบศึก กองทหารได้เข้าควบคุมร้านขายยาภายในเมืองเพื่อดำเนินการควบคุมยารักษาอาการบาดเจ็บทั้งหมดภายในเมืองเอาไว้ ทำให้เขายากจะเข้าถึงวัตถุดิบในการผลิตดินปืน

หยวนเฟิงเอ่ยว่า “อย่างนั้นพวกเราระดมกำลังแล้วเข้าปะทะตรงๆ กับกองทหารรักษาการณ์บริเวณประตูเมืองให้เกิดเหตุวิวาทขึ้นเถอะ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะดึงดูดความสนใจคนจากสำนักหยกสวรรค์ไม่ได้”

หยวนกังเงยหน้ามอง “พวกเราจะต้องวิ่งไปวิ่งมาอีกนานแค่ไหนเล่า? ต่อให้เกิดเหตุวิวาทกับทหารรักษาการณ์ จากนั้นฝ่าแนวป้องกันจนติดต่อกับคนของสำนักหยกสวรรค์ได้ เจ้าเคยคำนวณเรื่องเวลาไว้หรือเปล่า? สิ่งสำคัญที่สุดในยามนี้คือท่านอ๋อง เฟิ่งหลิงปอลงมือแล้ว ทางฝั่งท่านอ๋องมีกันกี่คนเอง? ท่านอ๋องต้านไว้ไม่ได้นานแน่!”

หยวนเฟิงเกาหัวอย่างร้อนใจ “เช่นนั้นจะทำอย่างไรดีขอรับ?”

หยวนกังกล่าวว่า “ต้องก่อเหตุจลาจล แต่ก็ต้องปกป้องท่านอ๋องไว้ให้ได้ก่อน ช่วยท่านอ๋องต้านรับไว้ก่อน!”

หยวนหั่วถาม “ทำอย่างไรขอรับ?”

“ตรงนี้! ให้คนไปรวมกันที่จุดนี้ทันที” หยวนกังชี้ไปยังตำแหน่งหนึ่ง จากนั้นก็วาดเส้นทางตัดตรงสายหนึ่งขึ้น “เส้นทางสายนี้มีพื้นที่เล็กแคบบีบตัวมากมาย ไม่สามารถระดมกำลังทหารจำนวนมากได้ การป้องกันน่าจะค่อนข้างอ่อนแอ ทั้งยังอยู่ใกล้ด้วย พวกเราสามารถปีนข้ามสิ่งกีดขวาง ตัดตรงผ่านไปได้! พอถึงตำแหน่งเป้าหมายก็ช่วยท่านอ๋องต้านรับพร้อมกับจุดไฟสร้างควันไปด้วย ขอเพียงคนของสำนักหยกสวรรค์มองเห็นว่าเกิดเรื่องขึ้นในสถานที่กักบริเวณของท่านอ๋อง พวกเขาก็น่าจะรีบมุ่งหน้ามาแน่นอน!”

หยวนเฟิงถาม “ถ้าตอนที่พวกเราไปถึง เกิดพวกเขาทำสำเร็จไปแล้วจะทำอย่างไรขอรับ?”

หยวนกังไม่ถือสาที่อีกฝ่ายถามซอกแซก เขากลับสนับสนุนให้พวกพ้องคาดการณ์ถึงสถานการณ์ต่างๆ ไว้ล่วงหน้า เขาเอ่ยเสียงขรึมว่า “ในการต่อสู้กลางเมือง กองทัพไม่สามารถกระจายกำลังออกไปได้ นี่คือข้อได้เปรียบของพวกเรา หากพบว่าสถานการณ์เกินจะแก้ไขได้แล้ว ให้อาศัยอาคารบ้านเรือนเป็นเกราะกำบังถอนกำลังออกมาทันที ถอนกำลังออกมาได้เท่าไรก็เท่านั้น”

พอเอ่ยประโยคนี้ออกไป ทั้งสี่คนที่อยู่ในห้องล้วนตระหนักได้แล้วว่าครั้งนี้ต้องมีการสูญเสียเกิดขึ้นแน่นอน

หยวนเฟิงเอ่ยขึ้นอีกว่า “หากคนของสำนักหยกสวรรค์ตามมาไม่ทันเวลาล่ะ?”

ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบทันที ล้วนเข้าใจถึงผลลัพธ์ข้อนี้ดี ภายใต้การปิดล้อมโจมตีของกองทัพขนาดใหญ่ ขนาดผู้บำเพ็ญเพียรทั่วไปก็ยังกริ่งเกรงอยู่หลายส่วน พวกเขาไม่มีทางยื้อไว้ได้นาน

หยวนกังไม่ได้เงียบอยู่นานนัก เอ่ยขึ้นว่า “ความปลอดภัยของท่านอ๋องเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของคนจำนวนมาก เป็นเรื่องสำคัญมาก พวกเราจะต้องทุ่มเทสุดความสามารถ หากพวกเราทำแต่งานง่ายๆ ราบรื่นปลอดภัย พวกเราก็จะสูญเสียความหมายในดำรงอยู่ไป ครั้งนี้พวกเราอยู่ใกล้ท่านอ๋องที่สุด หากปกป้องท่านอ๋องไว้ไม่ได้ ก็เท่ากับว่าเราผิดต่อทรัพยากรทั้งหมดที่พวกเราเคยได้รับมา สมควรยุบหน่วยทิ้ง แต่หากปกป้องท่านอ๋องไว้ได้ วันหน้าพวกเราถึงจะหยัดยืนอยู่ในมณฑลหนานโจวได้อย่างแท้จริง มิใช่อยู่ได้เพียงเพราะท่านอ๋องเห็นแก่หน้าเต้าเหยี่ยเท่านั้น ถ่ายทอดวาจานี้ไปยังเหล่าพวกพ้อง!”

พวกหยวนหั่วพยักหน้ารับเงียบๆดฮณ๊ฯดฯฌซ,

“ส่งคนสี่คนไปประจำตามประตูเมืองสี่ทิศ ดูว่าพอจะออกจากเมืองได้หรือไม่ ถ้าออกจากเมืองได้ให้ติดต่อไปหาอู๋เหล่าเอ้อร์แล้วแจ้งสถานการณ์ต่อพวกเขา” หยวนกังสั่งการไปอีกประโยค

ไม่นานนัก ทั้งสี่ออกจากเรือนหลังนี้ไปพร้อมกัน จากไปอย่างเร่งรีบ ส่วนหยวนกังแบกไม้ท่อนใหญ่ขึ้นบ่า

…..

“อาฝู เหตุใดวันนี้เก็บแผงเร็วขนาดนี้ละ?”

บนท้องถนน จู่ๆ เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งยองๆ อยู่ข้างรถเข็นรอคอยให้ลูกค้ามาจ้างวานก็เข็นรถจากไป ชายชราประจำแผงข้างๆ ที่รู้จักมักคุ้นกันดีในช่วงหลายวันมานี้ตะโกนถาม

“ที่บ้านมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ” เด็กหนุ่มเอ่ยตอบ ก่อนจะเข็นรถวิ่งเหยาะๆ จากไป

เหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันนี้เกิดขึ้นในหลายสถานที่ภายในเมือง ลูกน้องของหยวนกังที่ได้รับสัญญาณทยอยมารวมตัวกัน

….

ตรงทางแยกของตรอกแห่งหนึ่ง เฟิ่งรั่วอี้นำกองทหารหลายร้อยคนวิ่งเหยาะๆ เข้ามาเจอกับเถาเหยี่ยนที่นำกำลังทหารหลายร้อยคนวิ่งเหยาะๆ มุ่งตรงมาทางนี้

กองกำลังทั้งสองกลุ่มรวมตัวกันแล้วมุ่งหน้าต่อไปไม่หยุด วิ่งมาจนมาถึงทางแยกของตรอกอีกเส้นหนึ่ง ทั้งสองสบตาแล้วพยักหน้าให้กัน จากนั้นก็พากองกำลังของตนแยกทางกันไป แยกกันไปปิดล้อมเรือนที่กักบริเวณซางเฉาจงจากสองทิศทาง

เฟิ่งรั่วอี้พากำลังทหารมุ่งตรงไปยังประตูใหญ่

นายกองที่เฝ้าประตูใหญ่อยู่ประสานมือคำนับทันที “แม่ทัพอี้”

เฟิ่งรั่วอี้เอ่ยเสียงเข้ม “เปลี่ยนเวร!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า