ตอนที่ 476 ปราณปีศาจประหลาด
ภายในร่างเขายังมียันต์ถ่ายทอดธรรมคุ้มกายที่ตงกัวเฮ่าหรานถ่ายทอดให้เหลืออยู่สามจุด ไม่เคยนำออกมาใช้เลย เก็บไว้ใช้รักษาชีวิตในช่วงเวลาคับขัน
แต่ถึงแม้จะเผชิญกับพลังอันน่าหวาดกลัวเช่นนี้ของอสูรศักดิสิทธิ์ เขาก็ไม่คิดจะนำออกมาใช้
ไม่ใช่ว่าไม่อยากใช้ แต่เป็นเพราะสิ่งนั้นมันใช้ไม่ได้ผลกับอสูรศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังส่งผลกระทบต่อเขาในการใช้พลังเคล็ดวิชาเคลื่อนย้ายมหาจักรวาลเพื่อทำการป้องกันด้วย หากมิใช่เพราะเคล็ดเคลื่อนย้ายมหาจักรวาลช่วยสลายพลังโจมตีอันคลุ้มคลั่งไป เมื่อครู่เขาคงถูกอสูรศักดิ์สิทธิ์ชกจนเละเป็นเนื้อบดไปแล้ว ในสถานการณ์เช่นนี้หากไม่ใช้เคล็ดวิชาเคลื่อนย้ายมหาจักรวาล แต่ใช้ยันต์ถ่ายทอดธรรมคุ้มกายแทน นั่นไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตายเลย
วิชากระบี่เอกะวิถีแบ่งประทีปอันใด ยันต์ถ่ายทอดธรรมคุ้มกายอันใด เมื่อเผชิญกับเจ้าตัวที่พละกำลังแข็งแกร่งจนน่าหวาดกลัวเช่นนี้ สิ่งเหล่านั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรกับของเล่นเด็กเลย กระทั่งสิทธิ์ในการเอาออกมาใช้ก็ไม่มี
เขาถึงขนาดรับรู้ได้จากตอนที่อสูรศักดิ์สิทธิ์ทำลายพลังจากยันต์กระบี่สวรรค์ของก่วนฟางอี๋ ว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ยังไม่ได้ทุ่มพลังทั้งหมดออกมาอย่างแท้จริงเลยด้วยซ้ำ เหมือนผู้ใหญ่คนหนึ่งที่ต่อสู้กับเด็กน้อยวัยสามขวบอยู่ ถึงจะไปยั่วโมโหผู้ใหญ่เข้า ผู้ใหญ่ก็เพียงแค่ตีสักทีเท่านั้น ไหนเลยจะมีเด็กสามขวบที่ทำให้ผู้ใหญ่ต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อโจมตีได้
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญความอับจนหนทางไร้กำลังเช่นนี้ ได้แต่โอดครวญอยู่ในใจ
แม้ชีวิตจะแขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่เขาไม่มีทางเฝ้ารอความตายอยู่เฉยๆ ฝ่ามือข้างที่ง่ามมือฉีกขาดซัดออกไปอีกครั้ง ซัดฝ่ามือมหาจักรวาลออกไปอีกครั้ง
แต่จู่ๆ หมัดที่ชกเข้ามาก็หยุดลง ยามเคลื่อนไหวรวดเร็วดั่งสายฟ้า ยามหยุดนิ่งกลับแผ่วเบาไร้เสียง ปล่อยให้หนิวโหย่วเต้าซัดฝ่ามือเข้าใส่
ผัวะ! เสียงกระแทกดังขึ้นมา
พลังจากฝ่ามือนี้ไม่นับเป็นอันใดสำหรับอสูรศักดิ์สิทธิ์เลย อสูรศักดิ์สิทธิ์หยุดนิ่งอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
ฝ่ามือที่กระทบกับหมัดของอีกฝ่ายยังไม่ได้ชักกลับมา หนึ่งหมัดหนึ่งฝ่ามือเชื่อมประสานไม่แยกจาก
หนิวโหย่วเต้ารับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจปล่อยให้ตนซัดฝ่ามือใส่โดยไม่ตอบโต้ เขามองนางด้วยความมึนงง นี่มันหมายความว่าอย่างไร?
เขาไม่ทราบว่าตนรู้สึกไปเองหรือไม่ แต่ลวดลายสีเงินที่ดูชั่วร้ายทั่วใบหน้าของอสูรศักดิ์สิทธิ์คล้ายจะหดเล็กลง ใบหน้าคล้ายจะมีความเป็นมนุษย์เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย
อสูรศักดิ์สิทธิ์มองเขาด้วยแววตาสับสน จู่ๆ ก็เอ่ยถามว่า “ข้าเป็นใคร?”โนเวลพีดีเอฟ
ในน้ำเสียงไม่ได้มีความโกรธเกรี้ยวแล้ว มีเพียงความรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก
เจ้าเป็นใครน่ะหรือ? ข้าพูดไปแล้วเจ้าจะเชื่อหรือไง? หนิวโหย่วเต้าสงสัย ก่อนหน้านี้คิดจะหลอกลวงอีกฝ่าย แต่ทำไม่สำเร็จ ตอนนี้กลับกลายเป็นอีกฝ่ายที่กระโจนลงหลุมพรางด้วยตัวเอง นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?
แต่ในเมื่อมีโอกาสได้รอมชอมแล้วเขาย่อมไม่ปล่อยผ่าน เขาลองชักมือกลับเพื่อแสดงถึงเจตนาดี อีกฝ่ายก็ค่อยๆ หดกำปั้นกลับไป
หนิวโหย่วเต้าเพิ่งจะแอบโล่งใจ จากนั้นจู่ๆ ก็สะดุ้งขึ้นมาอีกครั้ง
ฟุ่บ! จู่ๆ อสูรศักดิ์สิทธิ์ก็ชกหมัดออกมาอีกครั้ง
หนิวโหย่วเต้ารีบซัดฝ่ามือมหาจักรวาลออกไปอีกครั้ง ปะทะเข้ากับหมัดของอีกฝ่ายเหมือนเดิม ยังคงปลอดภัยดี เนื่องจากอีกฝ่ายหยุดหมัดลงอีกครั้ง
จากนั้นเหตุการณ์ก็วนเวียนซ้ำไปซ้ำมา เจ้าชกมา ข้าซัดฝ่ามือไป ทั้งสองโต้กันไปโต้กันมา ดูเข้าขากันเป็นอย่างยิ่ง
ก็ไม่ถึงขั้นจะเรียกว่าเข้าขาอันใดได้ หนิวโหย่วเต้าจำเป็นต้องเล่นไปตามจังหวะของอีกฝ่ายเท่านั้น
ยิ่งทำก็ยิ่งรู้สึกแปลก ครั้งนี้มองออกอย่างชัดเจนแล้วว่าทุกครั้งที่เขาซัดฝ่ามือออกไป ลวดลายสีเงินที่เต็มไปด้วยความรู้สึกชั่วร้ายที่อยู่บนใบหน้าของอสูรศักดิ์สิทธิ์ดูเหมือนจะจางลงไป
ในที่สุดหยวนกังที่ถูกโจมตีจนสับสนมึนงงและบาดเจ็บไปทั่วร่างกายก็ค่อยๆ ได้สติกลับมา ขาทั้งสองข้างยังคงสั่นสะท้าน คล้ายไม่สามารถพยุงร่างกายตนเองต่อไปได้แล้ว ระหว่างที่ยันดาบหอบหายใจ เขาเงยหน้ามองไปยังทิศทางที่มีเสียงดึงแว่วมา ตอนไม่เห็นยังพอว่า พอได้เห็นแล้วก็พูดไม่ออก นี่มันอะไรกัน?
เขามองเห็นอสูรศักดิ์สิทธิ์กำลังต่อยใส่หนิวโหย่วเต้าหมัดแล้วหมัดเล่า ส่วนหนิวโหย่วเต้าก็ซัดฝ่ามือออกไปรับหมัดแล้วหมัดเล่า ทั้งสองยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ปะทะตอบโต้กันไม่หยุด
ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้หยวนกังตกตะลึงเป็นอย่างมาก พลังของเต้าเหยี่ยแกร่งกล้าถึงขั้นที่สามารถปะทะกับอสูรศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ได้เลยหรือ?
แต่พอคิดๆ ไปก็รู้สึกว่าผิดปกติ เขาเคยฝึกซ้อมกับหนิวโหย่วเต้าอยู่บ่อยครั้ง พอจะทราบตื้นลึกหนาบางของพลังหนิวโหย่วเต้าดี ไม่มีทางเทียบชั้นกับพลังของอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้เลย จะบอกว่าต่างกันราวฟ้ากับดินก็ไม่เกินไปเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วจะปะทะกันตัวต่อตัวเช่นนี้ได้อย่างไร?
ด้วยปัญหาด้านแนวสายตา ทำให้มองเห็นไม่ชัดเจนนัก เขาเดินออกไปก้าวหนึ่ง อยากจะเข้าไปดูให้ชัดๆ หน่อยว่าระหว่างเต้าเหยี่ยและอสูรศักดิ์สิทธิ์ตนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่แข้งขากลับอ่อนยวบจนแทบจะทรุดลงไปแล้ว นี่เป็นเพราะใช้ดาบค้ำยันร่างเอาไว้ถึงได้ไม่ล้มลงไป
ความเจ็บปวดรุนแรงระลอกหนึ่งแล่นเข้ามา รู้สึกราวกับทุกตำแหน่งในร่างกายล้วนถูกฉีกทึ้ง จะขยับสักนิดก็ยังยาก พลังจากการโจมตีนั้นรุนแรงเกินไป
เขารู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก เป็นเหมือนที่เต้าเหยี่ยนเคยกล่าวไว้ อสูรศักดิ์สิทธิ์ดูเหมือนจะค่อนข้างสับสนเลอะเลือนจริงๆ ยามลงมือไม่ได้ไตร่ตรองอันใดเลย คล้ายสุ่มโจมตีไปเรื่อย เหมือนอาศัยสัญชาตญาณในการตอบโต้ เพียงใช้ปีกฟาดใส่เขาเบาๆ เท่านั้น หากว่าชกหมัดโจมตีอย่างรุนแรงจริง ด้วยความระดับความแข็งแกร่งของร่างกายตนเองในเวลานี้เกรงว่าคงสิ้นใจตายทันที
เขาเงยหน้ามองทั้งสองคนที่ปะทะกันอยู่อีกครั้ง ไม่ว่าเต้าเหยี่ยจะสู้กับอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวต่อตัวด้วยเหตุใด แต่ตอนนี้เขาค่อนข้างนึกเสียใจกับความมุทะลุของตนเสียแล้ว ที่แท้เต้าเหยี่ยมีวิธีรับมืออยู่จริงๆ การกระทำอันมุทะลุของตนไม่ได้ทำร้ายเพียงตนเท่านั้น แต่ยังทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วย
เขาหันหลังมองออกไป ไม่ทราบเช่นกันว่าก่วนฟางอี๋เป็นอย่างไรบ้าง หยวนฟางหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้วดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
ทั้งร่างปวดร้าวเหมือนจะแยกเป็นเสี่ยงๆ แข้งขาอ่อนแรง เขาหมดหนทางจะไปหาแล้ว ยิ่งไม่สามารถให้ความช่วยเหลือหนิวโหย่วเต้าได้
ร่างกายค้ำดาบที่ตั้งยันพื้นไว้ เขาค่อยๆ ปรับจังหวะการหายใจ ก้อนปูดครึ่งวงกลมค่อยๆ ขยับเคลื่อนตัวอยู่ตรงหน้าท้อง ไอหมอกสีแดงวนเวียนอยู่ระหว่างปากและจมูก หายใจดังฟืดฟาดปานเครื่องสูบลม
ทั้งสองคนที่สู้กันยังคงสู้กันอยู่ ทั้งสองตอบโต้กันไปมา เจ้าต่อยใส่ข้า ข้าซัดฝ่ามือใส่เจ้า รู้จังหวะเข้าขากันดี
สู้กันไปสู้กันมา หนิวโหย่วเต้าสังเกตเห็นว่าบนแก้มของอสูรศักดิ์สิทธิ์มีประกายน้ำตา หยดน้ำตาไหลลงมาตามพวงแก้ม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า