ตอนที่ 516 ของขวัญใดกัน?
เหตุโกลาหลวุ่นวายด้านหน้านั้นเกี่ยวข้องกับคนผู้นี้งั้นหรือ? ก่วนฟางอี๋ถาม “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ไม่มีผู้ใดตอบ
เสียงโหวกเหวกโวยวายขยายมาถึงทางฝั่งนี้แล้ว พวกลุงเฉินและสวี่เหล่าลิ่วก็โผล่หน้าออกมาแล้วเช่นกัน เงยหน้ามองวิหคยักษ์ที่บินโฉบผ่านมาเป็นครั้งคราวพร้อมกับเปล่งเสียงกรีดร้อง
ทางเรือนรับรองที่สำนักชะตาสวรรค์พักอยู่พวกตู้อวิ๋นซางเหินกายขึ้นสู่ยอดหลังคาเพื่อสังเกตการณ์
ทางเรือนรับรองของวังเหินเวหาพวกหลงซิวปรากฏตัวขึ้นในลานเรือนเงยหน้ามองขึ้นไป หลงซิวเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น?”
เหล่าแขกที่มาชุมนุมอยู่ในสำนักหมื่นสรรพสัตว์ต่างได้รับความตกใจไปตามๆ กัน
ในช่วงแรกที่เกิดเสียงโหวกเหวกมองเห็นเค้าลางความวุ่นวายปรากฏขึ้น เฉาเซิ่งไหวที่นั่งอยู่ในศาลาบนยอดเขาโบกมือคราหนึ่ง ผีเสื้อจันทราบินเข้ามาหาแสงสว่างดับลงถูกเก็บเข้าไปแล้ว เขาตกอยู่ท่ามกลางความมืดอีกครั้ง
เฉาเซิ่งไหวสังเกตดูรอบข้างครู่หนึ่งแล้วพุ่งตัวออกจากศาลาไป ยกมือขวาขึ้นมา นิ้วทั้งห้ามีแหวนกระดิ่งห้าวงสวมอยู่ เขาสะบัดมือแรงๆ เกิดเสียงกริ่งๆ แว่วดังขึ้น
เสียงไม่ดังนัก แต่สั่นรัวเร็วอยู่ตลอด ระหว่างที่เขย่าก็คอยสังเกตการณ์รอบข้างไปด้วย จิตใจตึงเครียดเป็นอย่างมาก
ไม่นานนัก มีเงาดำหลายสายทยอยบินแหวกนภาเข้ามา ขณะที่บินโฉบลงสู่ยอดเขา เฉาเซิ่งไหวก็ดีดตัวพุ่งขึ้นไป ร่อนลงบนหลังวิหคยักษ์ตัวหนึ่ง หมอบราบลงไปทันที ฟุบอยู่บนหลังของวิหคยักษ์ อาศัยความมืดอำพรางกาย เลี่ยงไม่ให้ถูกคนพบตัว
วิหคที่โฉบลงมาบินวนโค้งตามที่เขาควบคุม จากนั้นก็บินเหินขึ้นมาจากยอดเขาโผสู่อากาศอย่างรวดเร็ว
เฉาเซิ่งไหวที่หมอบอยู่บนหลังวิหคยังคงเขย่าแหวนกระดิ่งในมืออยู่ ชักนำให้วิหคยักษ์อีกสี่ตัวที่อยู่ด้านหลังบินตามมา บินอยู่ท่ามกลางนภาราตรีเหนือขุนเขาธาราด้านล่าง
พอมาถึงขั้นนี้เขาเบาใจลงแล้ว ต่อให้ถูกคนพบเห็นขอเพียงโยนแหวนกระดิ่งทิ้งให้ทัน ก็มีข้ออ้างที่สมบูรณ์แบบว่าสังเกตเห็นวิหคบินกระสับกระส่ายผิดปกติจึงต้องการเข้ามาสยบ
ด้วยเหตุนี้เขาจึงเฝ้าระวังรอบข้างอยู่ตลอด ดูว่ามีผู้ใดเข้ามาใกล้หรือไม่
มีเพียงเรื่องเดียวที่ทำให้เขาไม่สบายใจนั่นคือสภาพอารมณ์ของวิหคทั้งห้าตัวดูกระสับกระส่ายอย่างเห็นได้ชัด เปล่งเสียงร้องออกมาเป็นครั้งคราว เขากังวลว่าจะถูกพบเห็นร่องรอย
ดังนั้นเขาจึงพยายามควบคุมให้วิหคบินสูงเข้าไว้…
….
ณ ปากทางเข้าโพรงถ้ำรังวิหค เฉินผิงตกตะลึงตาค้าง ไม่ค่อยเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แค่สับเปลี่ยนแหวนกระดิ่งห้าวงคงไม่ถึงขั้นที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์อลหม่านใหญ่โตเช่นนี้ขึ้นกระมัง?
ทางฝั่งหน้าโพรงถ้ำด้านบนที่ห่างจากเขาไปสองสามชั้น เกาหลานก็ตกใจกับเหตุการณ์เบื้องหน้าที่เหล่าวิหคกรีดร้องโผบินสับสนวุ่นวายอยู่เช่นกัน สาเหตุมาจากยาขวดนั้นหรือ?
“ยังไม่รีบใช้แหวนกระดิ่งเรียกกลับมาอีกหรือ?”
เงาร่างหนึ่งทะยานขึ้นมาจากด้านล่างภูเขา ตวาดเสียงดังอย่างกราดเกรี้ยวร้อนใจ
ผู้มาคือผู้อาวุโสอันโส่วกุ้ยผู้รับผิดชอบดูแลหน่วยรวมวิญญาณ เขาไต่เหินไปตามผนังผาบนยอดเขาราวกับเดินบนพื้นราบ มีศิษย์กลุ่มหนึ่งตามหลังมาด้วย
เฉินผิงและเกาหลานตอบรับด้วยความรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน ศิษย์หลายคนที่ตกอยู่ในความตกตะลึงก็ได้ยินกลับมาเพราะเสียงตะโกนนี้ พากันวิ่งกลับไปเข้าด้านในโพรงถ้ำแต่ละช่อง บริเวณปากโพรงมีช่องเล็กๆ อยู่ แหวนกระดิ่งที่ใช้ควบคุมถูกแขวนไว้ในนั้น
แหวนกระดิ่งที่แขวนไว้ข้างโพรงของแต่ละรังเชื่อมโยงกับวิหคเพียงตัวเดียวเท่านั้น โดยพื้นฐานแล้วไม่มีทางจำสับสนแน่นอน
เมื่อเหล่าศิษย์หยิบแหวนกระดิ่งได้ก็วิ่งออกมาที่ด้านข้างปากโพรงอีกครั้ง เขย่าแหวนกระดิ่งรัวเร็ว เรียกวิหคที่บินสะเปะสะปะอยู่กลางอากาศกลับมา
ไม่นานนักก็มีวิหคทยอยบินกลับมา ร่อนลงไปภายในรัง แม้ว่าจะยังดูกระสับกระส่ายอยู่ แต่อารมณ์กลับเริ่มสงบลงมากอย่างเห็นได้ชัด
มีคนอีกกลุ่มหนึ่งเหินขึ้นมาจากด้านล่างภูเขา กลุ่มสภาผู้อาวุโสของสำนักหมื่นสรรพสัตว์มาถึงแล้ว มีซีไห่ถังเป็นผู้นำกลุ่ม เหินร่อนลงสู่ยอดเขาของหน่วยรวมวิญญาณ กวาดตามองสถานการณ์วุ่นวายจากมุมสูง
“เกิดอะไรขึ้น?” ซีไห่ถังตวาดเสียงกร้าว
อันโส่วกุ้ยประสานมือเอ่ยไปว่า “ขณะนี้ยังไม่ทราบสถานการณ์แน่ชัดขอรับ”
วิหคยักษ์ที่บินฉวัดเฉวียนไปทั่วท้องนภาค่อยๆ ลดลงแล้ว ถูกเรียกกลับเข้าสู่รั้งอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นเพราะลักษณะภายภาพที่แตกต่างกัน ทำให้มีวิหคบางส่วนที่ยังคงกรีดร้องพลางบินสะเปะสะปะไร้การควบคุมอยู่กลางอากาศเนิ่นนานกว่า อ้อยอิ่งไม่ยอมกลับมา…
….
พวกหนิวโหย่วเต้ายืนสังเกตการณ์อยู่ริมเขานอกเรือนรับรอง
พอเห็นว่าเหตุการณ์วุ่นวายค่อยๆ สงบลงแล้ว หยวนกังหันไปเอ่ยว่า “เต้าเหยี่ย สงบลงแล้วขอรับ”
หนิวโหย่วเต้าผินหน้าไปส่งสายตาให้เขาเล็กน้อย
หยวนกังเข้าใจเจตนา ทราบว่าต้องการให้เขากลับเข้าไปรอข่าว หลังจากทางฝั่งสำนักเบญจคีรีได้รับสินค้าจะส่งข่าวมาแจ้งทางนี้ทันที ทางนี้ก็ต้องการทราบสถานการณ์โดยเร็วเช่นกัน เขาหันหลังรีบเดินกลับเข้าไป
พฤติกรรมมีลับลมคมในของสองคนนี้ทำให้ก่วนฟางอี๋ที่อยู่ข้างๆ สับสนคลางแคลง สัญชาตญาณบอกนางว่าเหตุวุ่นวายในคืนนี้มีความเกี่ยวข้องกับฝั่งนี้
รอจนลุงเฉินและสวี่เหล่าลิ่วกลับเข้าไปแล้ว ก่วนฟางอี๋ถึงขยับเข้าไปใกล้ตัวหนิวโหย่วเต้า กระซิบถาม “เต้าเหยี่ย เหตุใดคืนนี้เจ้าทำตัวแปลกๆ เจ้าก่อเรื่องใดขึ้นกัน?”
หนิวโหย่วเต้าแปลกใจ “ข้าจะก่อเรื่องใดได้เล่า?”
ก่วนฟางอี๋กลอกตาใส่ “ไม่ยอมรับงั้นหรือ?”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ “เจ้าจะให้ข้ายอมรับเรื่องใดกัน”
ก่วนฟางอี๋บุ้ยปากไปทางจุดที่เหตุวุ่นวายเพิ่งสงบลง “เป็นเล่ห์กลของเจ้ากระมัง?”
หนิวโหย่วเต้าถามกลับ “ข้าจะเล่นเล่ห์อันใดได้?”
พอถามไปก็โดนถามกลับวกวนไปมาทำให้ก่วนฟางอี๋พูดไม่ออกแล้ว เห็นเพียงว่าเกิดสถานการณ์วุ่นวาย แต่ไม่ทราบรายละเอียดเลย บอกไม่ได้จริงๆ ว่าเล่นเล่ห์อันใดหรือไม่ แค่สงสัยว่ามีการเล่นเล่ห์เพทุบายเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า