ตอนที่ 589 เดินลำพังบนทางกว้าง
พอเอ่ยมาเช่นนี้หวงเลี่ยก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ทำได้เพียงหัวเราะฮ่าๆ ไม่ได้แสดงความเห็นชอบ อีกฝ่ายเพิ่งเผชิญอันตรายมาจึงอยากเลี่ยงภัย เขาจึงไม่สะดวกจะเอ่ยคัดค้าน เตรียมจะกลับไปต้องหารือกับทุกคนในสำนักเขามหายานสักหน่อยว่าจะรับมืออย่างไรดี
หยวนกังที่อยู่ด้านข้างเฝ้ามองด้วยสายตาเย็นชา ไม่ว่าความคิดของอีกฝ่ายจะเป็นเช่นไร แต่มีจุดหนึ่งที่ตัวหยวนกังเองก็อดสะท้อนใจไม่ได้
เปลี่ยนไปแล้ว สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ หากเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อน เต้าเหยี่ยจะลองพูดคุยกับเผิงโย่วไจ้เจ้าสำนักหยกสวรรค์ด้วยท่าทีเช่นนี้ได้หรือ? ถ้าเผิงโย่วไจ้ไม่ยินยอมก็จะปฏิเสธทันที ไหนเลยจะเหลือช่องให้หารืออันใด แต่ตอนนี้เผชิญหน้ากับหวงเลี่ยที่อำนาจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเผิงโย่วไจ้ แต่หวงเลี่ยกลับจำเป็นต้องให้ค่ากับคำพูดของเต้าเหยี่ยอยู่เล็กน้อย ไม่อาจวางตัวแข็งกร้าวเช่นเดียวกับเผิงโย่วไจ้ในอดีตได้
ผ่านการดำเนินงานมาหลายปี ในที่สุดเต้าเหยี่ยก็มีฐานอำนาจพอจะออกสิทธิ์ออกเสียงในเขตมณฑลหนานโจวแห่งนี้ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องอดกลั้นไว้อีกต่อไป
กระทั่งพวกหวงเลี่ยจากไปแล้ว หนิวโหย่วเต้าที่กลับมาจากส่งแขกมองซางซูชิงที่เดินเข้ามาหาพร้อมกับอิ๋นเอ๋อร์
ซางซูชิงยิ้มเล็กน้อย รอยยิ้มขับเน้นให้ดูดุร้าย แต่ดวงตากลับเป็นประกาย นับตั้งแต่จากกันที่จวนผู้ว่าการในที่สุดก็ได้หวนกลับมาพบกัน
อิ๋นเอ๋อร์ไม่ได้สำรวมเช่นนาง เดินตรงเข้ามาหา เอ่ยเรียกอย่างสนิทสนม “เต้าเต้า เจ้าไปไหนมา? ข้ารอเจ้าตั้งนาน”
หนิวโหย่วเต้ามองกล่องอาหารในมือนางเล็กน้อย รู้สึกปวดหัวขึ้นมา เขาเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ออกไปทำธุระมา”
“ข้าก็อยากไปด้วย!” อิ๋นเอ๋อร์แสดงจุดยืนแน่วแน่
หนิวโหย่วเต้าทราบดีว่าความหมายในวาจานางคือต่อไปพานางไปด้วย เขายิ้มให้แต่ไม่ตอบ แล้วก็ไม่ได้ปฏิเสธ
พอเห็นเขายิ้ม อิ๋นเอ๋อน์คิดเองทันทีว่าเขาตอบตกลงแล้ว นางหยิบน่องไก่มันเยิ้มขาหนึ่งออกมาจากกล่องอาหารแล้วยื่นให้ “ให้เจ้ากิน!”
คนทั่วไปอย่าได้หวังจะมาแย่งอาหารนางไป คนที่นางยินดีจะเป็นฝ่ายหยิบยื่นอาหารของตนแบ่งปันให้ไปย่อมต้องเป็นคนที่ได้รับความเป็นมิตรจากนางเท่านั้น
“ข้าอิ่มแล้ว” หนิวโหย่วเต้ายื่นมือดันกลับไป ไม่สนใจอาหารที่นางนางหยิบยื่นให้เลยจริงๆ รู้สึกรังเกียจ!
“เต้าเหยี่ย!” ซางซูชิงก็ขยับเข้ามาทักทายด้วย สายตาอ่อนโยนดั่งวารี จากนั้นก็ทักทายคนอื่นๆ ต่อ
“ท่านหญิง” คนที่เหลือก็เอ่ยทักนางกลับ
หนิวโหย่วเต้ามองอิ๋นเอ๋อร์ที่แสดงท่าทีราวกับกำลังบอกว่าหากเจ้าไม่กินข้าจะกินเองอีกครั้ง เอ่ยไปว่า “ได้ยินว่าท่านหญิงเข้ากับอิ๋นเอ๋อร์ได้ดีมาก แต่ละวันล้วนสอนหลายสิ่งให้แก่นางอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
ซางซูชิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่ได้ทำอันใดเลย น้องอิ๋นเอ๋อร์ว่าง่ายนัก ข้าก็ชอบนางมากเช่นกัน”
นางยังไม่ทราบถึงท่าทีที่อิ๋นเอ๋อร์ปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างแท้จริง เปลือกตาก่วนฟางอี๋กระตุกยิกๆ ขึ้นมาเล็กน้อย บ่นอยู่ในใจ ‘ราชินีปีศาจตนนี้ว่าง่ายอย่างนั้นหรือ? ท่านยังไม่เคยเห็นกระมังว่านางน่ากลัวมากขนาดไหน?’
แต่หลังจากที่ได้ทราบข้อมูลนางก็แปลกใจมากเช่นกัน ราชินีปีศาจตนนี้เข้ากับท่านหญิงผู้อ่อนน้อมได้เป็นอย่างดีอย่างนั้นหรือ?
ว่าง่ายหรือ? หนิวโหย่วเต้ายิ้มออกมา รอยยิ้มค่อนข้างกระอักกระอ่วน ไม่สะดวกจะแถลงไขให้กระจ่าง
ในเวลานี้ชายในชุดลายดอกที่ไปเดินเตร็ดเตร่รอบคฤหาสน์กระท่อมฟางมารอบหนึ่งเดินมาถึงพอดี ทันทีที่มองเห็นซางซูชิง ม่านตาพลันหดตัววูบ ยืนห่างออกไปไม่ไกล จ้องมองใบหน้าของซางซูชิงอยู่นาน…
เมื่อคณะของสำนักเขามหายานออกจากทางนี้ไปก็กลับไปยังเรือนรับรองที่พักอยู่
หวงเลี่ยไม่ได้สนใจเรื่องอื่นใดแล้วเช่นกัน เรียกระดมพลกลุ่มผู้อาวุโสที่ติดตามมาด้วยให้มารวมตัวกันในลานเรือน ไม่ได้เอ่ยอันใดมาก ถามออกไปทันที “พวกเจ้าคงได้ยินคำพูดหนิวโหย่วเต้ามาแล้ว เขาต้องการเข้าพักในจวนผู้ว่าการมณฑล ทุกคนคิดเห็นเช่นไร?”
“ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเราเข้ารับช่วงต่อหนานโจว เป็นเพราะสามสำนักหลักเข้าแทรกแซงกะทันหัน ทำให้สำนักหยกสวรรค์ตั้งรับไม่ทัน พวกเราถึงได้ตัวซางเฉาจงมาไว้ในกำมืออย่างราบรื่น มิเช่นนั้นสำนักหยกสวรรค์ไม่มีทางยอมปล่อยคนมาให้พวกเราง่ายๆ แน่ แล้วก็คงไม่มีทางยอมส่งมอบหนานโจวให้อย่างราบรื่นด้วย”
“ถูกต้อง หนิวโหย่วเต้าคนนี้เจ้าเล่ห์นัก หากปล่อยให้หนิวโหย่วเต้าพักอยู่กับซางเฉาจงจริงๆ ถ้าเกิดหนิวโหย่วเต้ามีความคิดแปลกประหลาดอันใดขึ้นมา ตัวซางเฉาจงเองก็เป็นพวกเดียวกับหนิวโหย่วเต้าอยู่แล้ว ถึงป้องกันไว้ก็ป้องกันได้เพียงชั่วขณะหนึ่ง ไม่อาจป้องกันในระยะยาวได้ พอนานวันไปเกรงว่าคงป้องกันไว้ไม่อยู่!”
“ข้าก็คิดว่าไม่ดีเช่นกัน ใครจะไปรู้ล่ะว่าเขาได้ติดต่อกับสำนักอื่นด้านนอกอีกหรือไม่ เดิมทีตัวเขาก็มีอิทธิพลต่อหนานโจวมากอยู่แล้ว อำนาจควบคุมหนานโจวพวกเราต้องกุมไว้ให้มั่น เขาบอกว่าพักชั่วคราว แต่ผู้ใดจะรู้ได้ว่าจะพักชั่วคราวไปนานเพียงใด? หากเขาไม่ยอมไป หรือว่าจะต้องแตกหักกัน? หากทำให้หนานโจวโกลาหลขึ้นมาก็ไม่ส่งผลดีต่อพวกเราเช่นกัน”
กลุ่มผู้อาวุโสพากันวิพากษ์วิจารณ์ ท่าทีชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง ล้วนไม่อยากเห็นหนิวโหย่วเต้าได้เข้าพักในจวนผู้ว่าการมณฑณหนานโจว
หวงเลี่ยเอ่ยอย่างใช้ความคิด “แต่เขาบอกว่าตอนนี้เผชิญอันตรายอยู่ ต้องการไปหลบภัยที่จวนผู้ว่าการ หากไม่ตอบตกตลงก็เหมือนพวกเราต้องการให้เขาตาย ปฏิเสธได้ยาก!”
“เผชิญอันตรายหรือ? นั่นคือสิ่งที่ตัวเขาพูดเอง! หากราชสำนักต้องการลงมือกับเขาจริงๆ เขาจะหนีรอดมาได้ง่ายๆ หรือ? ท่านก็เห็นแล้วว่าเขายังอยู่ดี ไหนเลยจะคล้ายคนเกิดเรื่องร้ายได้”
“อันที่จริงก็พอมีวิธีอื่นให้รับมืออยู่ เขาแค่ต้องการหลบภัยมิใช่หรือ? ให้เขามาพักที่สำนักเขามหายานของพวกเราก็ได้นี่! พวกเราให้การปกป้องเขาไว้ก็ใช้ได้แล้ว จะไม่ปลอดภัยยิ่งกว่าจวนผู้ว่าการอีกหรือ? หากเขาปฎิเสธ เช่นนั้นมิเท่ากับว่าตัวเขาเองมีแผนการแอบแฝงอยู่ในใจหรือ? อีกอย่างพอเขาตกมาอยู่ในมือพวกเราแล้ว เรื่องบางอย่างพวกเราก็สามารถตัดสินใจไปตามสถานการณ์ได้!” ประโยคสุดท้ายแฝงความนัยลุ่มลึกไว้
พอเขาเอ่ยมาเช่นนี้ ทุกคนต่างร้องว่าดี หวงเลี่ยพยักหน้ารับ “ดีมาก เดี๋ยวไปให้คำตอบเขาเช่นนี้กัน!”
เช้าตรู่วันต่อมา ซางซูชิงเฝ้ารอคอยอยู่ด้านนอกห้องพักของหนิวโหย่วเต้า เดินก้มหน้าวนกลับไปกลับมาเงียบๆ สองมือเกาะเกี่ยวพัวพันกันอยู่เล็กน้อย ไม่ได้หวีผมให้เขามานานแล้ว อีกทั้งไม่ทราบถึงท่าทีของหนิวโหย่วเต้าในตอนนี้ด้วย
ก่วนฟางอี๋เดินส่ายสะโพกออกมาจากมุมหนึ่ง มองเห็นซางซูชิงอยู่ในลานเรือนก็ผงะไปเล็กน้อย ถอยหลังไปเบาๆ แล้วหันหลังกลับ หลบฉากออกไป
ประตูห้องเปิดออก หนิวโหย่วเต้าโผล่หน้าออกมา สบตากับซางซูชิงที่อยู่ในลานเรือนเข้า จากนั้นก็แย้มยิ้มอ่อนโยน พยักหน้าให้นิดๆ “อิ๋นเอ๋อร์เล่า?”
“ยังนอนอยู่” ซางซูชิงเอ่ยตอบประโยคหนึ่ง พอเห็นว่าเขาไม่ได้หันหลังหนีอย่างผิดปกติ นางก็โล่งใจ จากนั้นถึงได้เดินเข้าไปในห้อง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า