ราชินีหงสาร้อยเล่ห์ นิยาย บท 46

“ข้าทำอะไร?” หยุนหรั่นเฟิงคิดแล้วคิดอีก ปรบมือหัวเราะและกล่าว “ก็แค่ซื้อหนังสือพี่พระชายารองฉีอยากซื้อไปเซ่นไหว้ให้ท่านพ่อของนาง นางต้องการให้ข้าให้นางข้าไม่ให้ นางก็บอกว่าข้าอาศัยอำนาจรังแกคน ตีนางด่าว่านางรังแกนาง ข้าสรุปครบถ้วนพอหรือไม่?”

ด้านข้างไม่รู้ว่าใครหัวเราะเยาะ

ฉีซินจื่อจะรู้ได้อย่างไรว่าหยุนหรั่นเฟิงจะเอาคำพูดเมื่อครู่พูดออกมาทั้งหมด จึงทั้งตกใจและกระวนกระวายทันที จับแขนของเซียวจิ่นหมิงโดยสัญชาตญาณ “ศิษย์พี่ ข้าไม่มีเพคะ.......”

“ไม่มี?” หยุนหรั่นเฟิงไม่เคยหวาดกลัวการกำราบคนเลวให้สิ้นซาก หันกลับไปถามหลินหลัง “หลินหลัง พระชายารองฉีพูดคำเหล่านั้นหรือไม่?”

หลินหลังพูดเสียงดัง “เคยพูดเจ้าค่ะ!”

แล้วหยุนหรั่นเฟิงก็มองไปทางผู้เชี่ยวชาญด้านชาด้วยความสนิทสนมอีกครั้ง “พระชายารองฉีบอกว่าหนังสือที่นางจองไว้ถูกข้าซื้อไปแล้ว มีเรื่องนี้ด้วยหรือ?”

ผู้เชี่ยวชาญด้านชาก็รู้สึกโกรธเคืองเรื่องที่ฉีซินจื่อผลักเขาออกมาเป็นแพะรับผิด กัดฟันแล้วพูดเสียงดังว่า “อาชีพหนึ่งก็มีกฎเกณฑ์ของอาชีพหนึ่ง หากว่าจองไว้จริง ข้าน้อยจะกล้าเอาออกมาขายได้อีกอย่างไรขอรับ!”

หยุนหรั่นเฟิงผายมือออก “เซียวจิ่นหมิง ฟังเข้าใจรึยัง?”

ฉีซินจื่อคว้าจับชายเสื้อของเซียวจิ่นหมิงด้วยใบหน้าอันซีดขาวกระวนกระวาย ชำเลืองมองเขาด้วยความกลัว ในตาเต็มไปด้วยความน้อยใจและตกใจกลัว “ศิษย์พี่......”

เซียวจิ่นหมิงอดคิดถึงครั้งแรกที่ติดตามผู้อาวุโสซวนซานขึ้นเขา แล้วพบกับสาวน้อยที่ยังเปียผมผู้นั้นไม่ได้ เพียงแค่เวลาค่อยๆผ่านไป อาจารย์ผู้มีบุญคุณยิ่งใหญ่ดั่งขุนเขาก็ไม่อยู่แล้ว ปีนั้นในวันนั้นสาวน้อยที่ไร้เดียงสาเอาแต่ใจก็เปลี่ยนเป็นอย่างวันนี้ซะแล้ว

เขาทอดถอนใจในใจเบาๆ บังนางไว้ด้านหลัง กล่าวเบาๆ “หนังสือ《เพลงกว่างหลิงส่าน》เล่มนี้เป็นสิ่งของที่อาจารย์บ่นพร่ำถึงจริงๆ นางเลอะเลือนไปชั่วขณะ ก็อยู่ในความสมเหตุสมผล ในเมื่อคุณหนูใหญ่หยุนไม่ยอมตัดใจ เรื่องนี้ก็แล้วต่อกัน”

พูดจบ ก็ทำมือเคารพไปทางบรรดาผู้คน “วันนี้รบกวนทุกท่านแล้ว หนังสือทุกเล่มจดไว้ในชื่อของข้า หลังจากนี้จะมีพ่อบ้านมาคิดบัญชี”

ทุกคนดีใจจนควบคุมตัวไม่ได้ “ขอบพระทัยองศ์ชาย!”

เซียวจิ่นหมิงพยักหน้าตอบเล็กน้อย หมุนตัวลากฉีซินจื่อเดินไปทางด้านนอก โดยไม่มองหยุนหรั่นเฟิงสักแวบเดียว

หยุนหรั่นเฟิงมองส่งเงาหลังของพวกเขาด้วยความครุ่นคิด

“คุณหนู?” หลินหลังถาม “ท่านดูอะไรน่ะเจ้าคะ?”

“หลินหลัง เจ้าว่าเซียวจิ่นหมิงเป็นคนที่สมองมีปัญหาหรือไม่?”

“ห๊ะ? องศ์ชายเฉลียวฉลาดห้าวหาญ จะมี มีอันนั้นได้อย่างไรเจ้าคะ?”

“แต่ในเมื่อสมองของเขาไม่ได้มีปัญหา ทำไมทุกครั้งถึงได้ถูกฉีซินจื่อเล่นซะจนหัวหมุนได้ล่ะ? รักแท้ทำให้คนตาบอดรึไง?”

นายบ่าวสองคนสบตากัน คิดยังไงก็ไม่เข้าใจ

วันเวลาผ่านไปดั่งสายน้ำไหล หยุนหรั่นเฟิงดูแลบ้านก็ดูแลจนได้ประสบการณ์ความรู้อยู่บ้าง นางก็ไม่ใช่คนที่ชอบกุมอำนาจและใช้อำนาจ จึงควบคุมเพียงเงินทองส่วนสำคัญพวกนี้ ที่เหลืออย่างอื่นก็มอบให้คนที่มีหน้าที่นั้นโดยเฉพาะไปจัดการ นางก็ไม่เครียด คนในจวนก็เป็นอิสระ ชั่วขณะเดียวชื่อเสียงและอำนาจก็เหนือกว่าลู่ซื่อที่ดูแลบ้านมากว่าสิบปีอย่างไม่คาดคิด

ฮูหยินเฒ่าและหยุนหรั่นเฉินล้วนคิดไม่ถึงว่าจะเกิดสถานการณ์เช่นนี้ ต่างฝ่ายต่างพูดไม่ออก แต่ในเวลาอันสั้นก็คิดไม่ออกว่าจะให้หยุนหรั่นเฟิงมอบอำนาจการดูแลบ้านออกมาได้อย่างไร จึงจำเป็นต้องข่มใจไว้ จิตใจก็ฝืนกลั้นไว้ด้วยไฟก้อนหนึ่ง

พริบตาเดียวก็ผ่านไปอีกหลายวัน ตอนเช้าตรู่ มีจดหมายเชิญส่งเข้ามาในจวน พ่อบ้านรายงานต่อหยุนหรั่นเฟิงด้วยความเคารพ “เป็นจดหมายที่องค์ชายห้าส่งมาขอรับ บอกว่าบังเอิญมีโอกาสได้รับกล้วยไม้มรกตมากระถางหนึ่ง ดอกไม้นี้เป็นของหายาก ไม่กล้าชื่นชมผู้เดียว ดังนั้นจึงตั้งใจเรียนเชิญแขกผู้มีเกียรติของเมืองหลวงมาชมดอกกล้วยไม้”

“มีเพียงคนในครอบครัวที่เป็นผู้หญิงเท่านั้นหรือ?”

“คุณชายและพวกฝ่ายหญิงในครอบครัวล้วนไปกันหมดขอรับ จากที่บอกมาได้เชื้อเชิญองค์ชายอีกไม่กี่พระองค์ไปด้วยขอรับ”

แววตาของหยุนหรั่นเฟิงเฉียบคมทันที “องค์ชายไม่กี่พระองค์ก็ไปด้วยเหรอ?”

“องค์ชายห้ามีมนุษยสัมพันธ์ดี คิดว่าองค์ชายไม่กี่พระองค์ที่อยู่ในเมืองหลวงคงจะให้เกียรติไปกันหมดขอรับ” พ่อบ้านกล่าว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีหงสาร้อยเล่ห์