ราชินีหงสาร้อยเล่ห์ นิยาย บท 49

“ทำไมข้าถึงจะไม่กล้าตบเจ้า!” ในดวงตาอันสวยงามของหยุนหรั่นเฟิงเป็นประกายอันเย็นยะเยือก กล่าวตวาดด้วยความเมินเฉย

“ในตอนนั้นเป่ยหรงตั้งทัพที่เมืองเฮยสุ่ย ในเมืองหลวงไม่มีใครมาเป็นกองเสริมได้ทัน เป็นท่านซีผิงโหวที่นำกองทหารม้าอันแข็งแกร่งสามพันนายออกมาปกป้องเมืองเฮยสุ่ย ตลอดจนกระสุนและเสบียงอาหารหมดก็ไม่ยอมถอย บุกเดี่ยวโดยที่มือถือธงขอต้าหลี่ไว้เฝ้าคุ้มกันอยู่ที่กำแพงเมืองสามวันสามคืน ทำให้เป่ยหรงตกตะลึงจนไม่กล้าเข้ารุกราน ฝืนยื้อเวลาสามวันให้กองกำลังเสริม ท่านพ่อของข้าปิดหน้าให้เขา ฮ่องเต้ก็คลุมโรงให้เขาด้วยพระองค์เอง แม้แต่ชาวเป่ยหรงก็เคารพเลื่อมใสจิตใจที่พร้อมจะพลีชีพของเขา! เจ้าไร้ยศถาไร้บรรดาศักดิ์ บังเอิญเป็นแค่ลูกสาวของเฉิงเซี่ยงเท่านั้น ก็ลบหลู่หมิ่นเกียรติคนรุ่นหลังของผู้กล้าที่ซื่อสัตย์พลีชีพเพื่อชาติตามอำเภอใจ! เฉิงเซี่ยงจางเป็นผู้นำของขุนนางมากมาย ข้าก็อยากจะถามซิว่า เขาสั่งสอนบุตรสาวของเขาให้เป็นเช่นนี้หรือ!”

คำพูดชุดหนึ่งแต่ละคำงดงามหนักแน่น ราวกับแฝงไปด้วยเสียงของฟ้าร้องอันน่าตกตะลึง

ทุกคนมองดูหยุนหรั่นเฟิงที่ดวงตาแฝงไปด้วยความดุดันและเฉียบคมแบบที่ไม่สามารถบดบังได้ด้วยความเหลือเชื่อ

ไม่ได้ล้วนบอกว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลหยุนใช้อำนาจบาตรใหญ่ หน้าตาอัปลักษณ์เป็นที่สุด เป็นแค่คนไร้ประโยชน์อย่างแท้จริงคนหนึ่งหรือ? ความหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีเช่นนี้ เทียบกับหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ก็ยังเป็นหญิงสาวที่สูงศักดิ์ยิ่งกว่าโดยแท้!

เซียวจิ่นหยูก็ตกใจเช่นกัน

และก็ยังเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาสงสัยในแววตาของเซียวจิ่นหมิงขึ้นมา

คิดไม่ถึงว่าเซียวจิ่นหมิงจะละทิ้งหยุนหรั่นเฟิง และเลือกฉีซินจื่อที่ไม่สามารถพาออกมาเจอผู้คนได้ผู้นั้น นี่เส้นประสาทในสมองเส้นไหนกันที่มีปัญหา?

“เจ้า เจ้า......” จางหยูหว่านทั้งโดนด่า ทั้งถูกตี ปิดหน้าร้องและกล่าวว่า “ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะกล้าตบข้า! หยุนหรั่นเฟิง ข้าจะสู้ตายกับเจ้า!”

เซียวจิ่งหยูเหลือบมองไปทางพ่อบ้านทันที พ่อบ้านเข้าใจได้ รีบให้สาวใช้สองสามคนพยุงนางขึ้นมาและยังควบคุมการเคลื่อนไหวของนางอย่างชาญฉลาดอีกด้วย

เซียวจิ่นหยูยิ้มเล็กน้อย “ท่านซีผิงโหวจงรักภักดีสละชีพเพื่อชาติ ผู้ใดจะไม่เลื่อมใสขุนนางที่ซื่อสัตย์เช่นนี้ เฉิงเซี่ยงจางก็เลื่อมใสเช่นกัน เมื่อวานยังบอกข้าอยู่เลยว่าต้องการจะสร้างศาลเจ้าให้กับขุนนางที่ซื่อสัตย์ภักดี คุณหนูจางเป็นลูกสาวภรรยาหลวงของจวนเฉิงเซี่ยง จะต้องเข้าใจในจุดนี้แน่นอน แค่คำพูดเล่นสองคำเท่านั้น ก็ทำให้ทุกคนไม่สบายใจแล้ว เป็นความผิดของข้า”

แม้ว่าเซียวจิ่นหยูจะถ่อมตัวเข้ากับคนง่าย แต่ก็เป็นองค์ชายผู้สูงศักดิ์ เขาทำให้จบลงด้วยดีเช่นนี้ ทุกคนล้วนคล้อยตามไปด้วยเป็นธรรมดา แม้แต่จางหยูหว่านก็พูดไม่ออกชั่วขณะ “องศ์ชาย ทำไมท่าน......”

“คุณหนูจางเป็นบุตรสาวตระกูลสูงศักดิ์ ภายนอกงดงามภายในจิตใจปราดเปรื่อง เมื่อวานเฉิงเซี่ยงจางยังชมว่าคุณหนูจางกิริยาการเคลื่อนไหวเหมาะสม” เซียวจิ่นหยูยิ้มเล็กน้อย “วันนี้คุณหนูจางสวมชุดสีแดงสดทั้งตัว เข้ากันกับกล้วยไม้มรกตเป็นที่สุด ให้คนมาเอากล้วยไม้มรกตส่งมาข้างกายของคุณหนูจาง!”

จางหยูหว่านเห็นเซียวจิ่นหยูชื่นชมนางเช่นนี้ บนใบหน้าก็มีแววภูมิใจแวบผ่าน เพ่งมองหยุนหรั่นเฟิงด้วยความดุดัน และไปพูดคุยหัวเราะกับคนข้างๆด้วยตัวเองแล้ว

หยุนหรั่นเฟิงก็ขี้เกียจจะคิดเล็กคิดน้อยกับนาง กลับจับจ้องมองเซียวจิ่นหยูนิ่งๆ

นางมองออกเป็นธรรมดาว่า องค์ชายห้าท่านนี้เอนเอียงช่วยเหลือมาทางนางอย่างชัดเจน

ล้วนว่ากันว่าเซียวจิ่นหยูและเซียวจิ่นหมิงสนิทสนมกันมาก คิดไม่ถึงว่าเซียวจิ่นหมิงคนห่วยแตกนั่น กลับยังมีพี่น้องที่มีตาอยู่บ้างเหมือนกัน

เซียวจิ่นหยูสัมผัสถึงการจ้องมองของหยุนหรั่นเฟิง ยิ้มเล็กน้อย พยักหน้าแสดงเจตนาให้ทราบ

ไม่ว่าระหว่างน้องแปดกับหยุนหรั่นเฟิงจะมีความร้าวฉานระดับใด จากมุมมองของเขา ก็ยังคงชื่นชมหยุนหรั่นเฟิงอยู่ดี ผู้หญิงที่เข้มแข็งซื่อตรงตรงไปตรงมาทั้งยังฉลาดเฉลียวเช่นนี้ พบได้ไม่มาก

หยุนหรั่นเฟิงก็ยิ้มด้วยความเกรงใจเช่นกัน

ฉินเจี่ยนเดินเข้ามาข้างๆ บนใบหน้าอันสง่างามเป็นความซาบซึ้งเล็กน้อย “แม่นางหยุน ขอบใจมาก”

หยุนหรั่นเฟิงหัวเราะเบาๆ “หากไม่ใช่เพราะท่านช่วยข้าพูด จางหยูหว่านก็คงไม่เพ่งเล็งท่าน ท่านกับข้าช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่ต้องเกรงใจ”

ฉินเจี่ยนมองดูใบหน้าอันงดงามอย่างไร้ที่เปรียบของนาง จิตใจร้อนรุ่มเล็กน้อย จากนั้นก็กล่าวขึ้นทันทีว่า “แม่นางหยุนพูดถูกที่สุด”

ทั้งสองคนพูดคุยขำขันกัน แต่กลับไม่ได้สนใจนัยน์ตาที่ฉายแววเป็นประกายอันชั่วร้ายของหยุนหรั่นเฉิน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีหงสาร้อยเล่ห์