ราชินีหงสาร้อยเล่ห์ นิยาย บท 45

ติงตังสูดหายใจด้วยความตะลึง มองไปทางฉีซินจื่อโดยสัญชาตญาณ ถูกสีหน้าอันดุร้ายของฉีซินจื่อทำให้ตกใจจนถอยหลังไปก้าวหนึ่ง!

พระชายารองในวันปกติก็ยังดี แค่กระด้างกระเดื่องขัดแย้งกับพระชายา ไม่ต้องเอ่ยถึงการได้เห็นพระชายาแล้ว แค่ได้ยินก็ไม่ได้!

ก่อนหน้านี้ไม่นานสาวใช้ยกน้ำชาคนหนึ่งถูกโบยจนตายก็เพราะพูดเรื่อยเปื่อยคำหนึ่งว่าพระชายาชอบชาขาว ก็โชคดีที่ไม่กี่วันนั้นองศ์ชายไม่อยู่ที่จวนออกไปตรวจตราชายแดนเมืองหลวง จึงปิดบังไปได้ได้อย่างไร้ร่องรอย

แต่ว่าปิดบังได้แล้วจริงๆหรือ?

องศ์ชายกลับมาที่จวนหลายวันแล้ว แต่นอกจากวันนั้นที่กลับมาแล้วมาในเรือนจือชุนครั้งหนึ่ง ก็ไม่ได้มาเยี่ยมถึงเรือนอีก

พระชายารองเชิญซ้ายเชิญขวาก็ไม่เห็นคน จึงร้อนใจจริงๆแล้ว คิดใคร่ครวญมาหลายวัน ถึงได้คิดออกว่าตัวเองมีบ้านอยู่หลังหนึ่งที่ถนนใหญ่เจิ้งหนาน อ้างเหตุผลการเซ่นไหว้เพื่อเชิญองศ์ชายให้มาพบ

ในปกติพระชายาเอือมระอากับร้านหนังสือเป็นที่สุด เพื่อการเซ่นไหว้ครั้งนี้ จึงตั้งใจมาหาเพลงพิณที่ผู้อาวุโสซวนซานชื่นชอบเป็นที่สุด เมื่อวานไม่ง่ายกว่าจะถูกใจหนังสือที่มีเพียงเล่มเดียว แต่เพราะเงินไม่พอ เพื่อเก็บเป็นความลับจึงไม่ได้ให้พ่อบ้านส่งเงินมา จึงได้ล่าช้าเช่นนี้ คิดไม่ถึงว่าช้าไปแค่ก้าวเดียว ก็ถูกคนซื้อไปแล้ว!

คนที่ซื้อไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นพระชายา!

นี่ก็ช่างบังเอิญเกินไปหน่อยแล้ว!

หยุนหรั่นเฟิงก็เหลือบมองเห็นฉีซินจื่อแล้ว เลิกคิ้วเล็กน้อยโดยที่สังเกตไม่เห็น

โอ้ว โลกกลม?

ทำไมท่าทางของฉีซินจื่อถึงดูเหมือน 'นางไปฆ่าทั้งครอบครัวของนาง'เช่นนั้น? หรือเป็นเพราะว่ายังไม่ได้เข้าหอ ดังนั้นจึงไม่สบอารมณ์?

หยุนหรั่นเฟิงยิ้มอย่างไม่จริงใจทันที

ขณะที่นางจากไป 'ไม่ได้ระวัง' ลืมให้ยาถอนพิษกับฉีซินจื่อจริงๆ แต่เซียวจิ่นหมิงก็ไม่ได้ขอ ฉีซินจื่อจะโทษก็ต้องโทษศิษย์พี่ตัวดีของตัวเอง

ฉีซินจื่อมองไปยังรอยยิ้มอันสดใสบนใบหน้าของหยุนหรั่นเฟิง กล้ามเนื้อที่ใบหน้าสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ นางสูดหายใจเล็กน้อย มองไปทางติงตังที่กำลังอึ้งอยู่ แววตาเฉียบคม!

ยังไม่รีบไปอีก!

หยุนหรั่นเฟิงเป็นเพียงแค่ผู้หญิงที่ถูกสามีทิ้งและถูกขับไล่ออกจากจวนองค์ชาย นางสิถึงจะเป็นนายหญิงของจวนองค์ชายแปดอย่างถูกต้องเปิดเผย หรือจะให้นางที่เป็นพระชายาจวนองค์ชายผู้สูงศักดิ์ไปยื้อแย่งกับสามัญชนธรรมดาหรือ!

ติงตังเคยได้เห็นเล่ห์เหลี่ยมของหยุนหรั่นเฟิง จึงไม่อยากปะทะกับพระชายาผู้นี้เป็นที่สุด แต่นางก็ไม่กล้าที่จะไม่ฟังคำพูดของฉีซินจื่อ ทำได้เพียงกลืนน้ำลายเท่านั้น ขยับเข้าไปใกล้ทีละก้าว เส้นเสียงสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ “พระ พระชายา......”

ดวงตาของฉีซินจื่อเฉียบคมทันที ตัดบทคำพูดของติงตังด้วยน้ำเสียงเย็นชา “บังอาจ! ไร้มารยาทกับคุณหนูใหญ่หยุนเช่นนี้ได้อย่างไร!”

เน้นเสียงหนักที่คำว่าคุณหนูใหญ่หยุนสี่คำ

ติงตังตกใจจนตัวสั่น คุกเข่าลงไปทันที “ข้าน้อยสมควรตาย!”

ทุกคนในร้านหนังสือมองมาทันที มีคนจำฉีซินจื่อและหยุนหรั่นเฟิงได้ จึงกระซิบกระซาบกันเป็นการส่วนตัวขึ้นมาทันที

ฉีซินจื่อได้ยินการวิพากษ์วิจารณ์ข้างๆ ก็แทบอยากจะถีบติงตังที่ไม่ได้เรื่องให้กระเด็นทันที แต่ในที่สาธารณะ นางจำเป็นต้องรักษาหน้าตาของตัวเองไว้

หากว่าทำได้ ตบหน้าหยุนหรั่นเฟิงสักหน่อย ก็ไม่เลว

ดวงตาของฉีซินจื่อกลอก แล้วตัดสินใจในทันที

นางยืนอย่างสง่างาม เดินมาเบื้องหน้าของหยุนหรั่นเฟิงช้าๆ พูดเบาๆว่า “ท่านพี่ แม้ว่าท่านจะออกจากจวนองค์ชายชายไปแล้ว แต่ความเป็นพี่น้องของพวกเรายังไม่เปลี่ยน ในใจของข้ายังคงถือว่าท่านเป็นพี่สาว ท่านพี่ เมื่อวานข้าได้จองหนังสือเล่มนี้ไว้ ก็ไม่รู้ว่าเจ้าของร้านนี่จะเลอะเลือนขายให้ท่านไปแล้ว แบบนี้ ข้าชดเชยให้ท่านเป็นสองเท่า เป็นอย่างไร?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีหงสาร้อยเล่ห์