ราชินีหงสาร้อยเล่ห์ นิยาย บท 44

แววตาของเซียวจิ่นหมิงเฉียบคม “เสด็จพ่อเกิดความสงสัยท่านแม่ทัพ? เป็นเรื่องจริงหรือ?”

“หัวถนนท้ายซอยมีข่าวลือมากมาย หากว่าเสด็จพ่อจะปกป้องท่านแม่ทัพหยุน ข่าวลือเหล่านี้จะเผยแพร่ออกมาได้อย่างไร? เมื่อใช้งานคนจบแล้วคนผู้นั้นก็ไร้ประโยชน์ ตอนนี้ท่านแม่ทัพก็ตกมาอยู่ในขั้นที่ถูกผู้คนตั้งข้อสงสัย เจ้าก็ควรจะวางแผนให้ตัวเองดีๆเหมือนกัน”

เซียวจิ่นหมิงหลับตาลงเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่ “ท่านแม่ทัพจงรักภักดีต่อประเทศมาทั้งชีวิต ทำไมจึงเป็นเช่นนี้!”

องค์ชายห้าเซียวจิ่นหยูก็นิ่งเงียบไปด้วยครู่หนึ่งเช่นกัน จากนั้นยิ้มเล็กน้อยทันที พูดอย่างผ่อนคลายว่า “แต่ชั่วขณะนี้เจ้าก็ไม่ต้องเป็นกังวลแทนแม่ทัพใหญ่หรอกนะ ตอนนี้ราชสำนักแข็งแกร่งด้านพลเรือนอ่อนแอด้านการทหาร แม่ทัพใหญ่เฝ้ารักษาชายแดนมานานกว่ายี่สิบปี สะสมบารมีไว้มาก แม้ว่าเสด็จพ่อจะเกิดความสงสัย ก็จะไม่แตะต้องแม่ทัพใหญ่เป็นการชั่วคราว เพื่อจะดึงแม่ทัพใหญ่มาเป็นพวก พี่ใหญ่จึงตั้งใจไปขอแต่งงานกับตระกูลหยุน คิดจะแต่งงานกับคุณหนูใหญ่ตระกูลหยุนน่ะ!”

เซียวจิ่นหมิงเหลือบตาขึ้นอย่างฉับพลัน ในตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง “พี่ใหญ่ขอหยุนหรั่นเฟิงแต่งงาน? เกิดบ้าอะไรขึ้นมา?”

“ไม่ได้เป็นบ้าสักหน่อย? พี่ชายแต่งงานกับภรรยาน้องชาย แม้ว่าประเพณีต้าหลี่ของเราจะเปิดกว้าง แต่นี่เผยแพร่ออกไปก็เป็นเรื่องน่าอายเรื่องหนึ่งจริงๆ แต่พี่ใหญ่พูดแล้ว เขาคือคนที่ภรรยาตายแล้ว หยุนหรั่นเฟิงก็เป็นคนที่เคยหย่าเช่นกัน ตามพิธีการก็ไม่มีความขัดแย้ง หลายปีมานี้พี่ใหญ่ก็อยู่อย่างเป็นทุกข์จริงๆ จึงคิดจะยืมประโยชน์จากอำนาจของแม่ทัพใหญ่”

แม้ว่าเซียวจิ่นหมิงจะเข้าใจความคิดขององค์ชายใหญ่ แต่ก็ยังรู้สึกผิดปกติไม่สมเหตุสมผล จึงกล่าวขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ตระกูลหยุนตกลงแล้วหรือ?”

“จะเป็นไปได้อย่างไร? บอกว่าเดิมทีได้พูดคุยกับฮูหยินหยุนไว้ดีแล้ว แต่ไม่รู้ทำไม ขณะที่ไปถึงบ้านก็ถูกปฏิเสธอย่างอ้อมค้อมแล้ว คุณหนูใหญ่ตระกูลหยุนนิสัยวางอำนาจ หน้าตาอัปลักษณ์ และบังเอิญเป็นยอดดวงใจของแม่ทัพใหญ่หยุนอีก เป็นธรรมดาที่จะไม่ยอมให้พี่ให้ย่ำยี”

“หน้าตาอัปลักษณ์?” เซียวจิ่นหมิงย้ำไปรอบหนึ่งด้วยท่าทางแปลกๆ “ใครบอกท่านว่านางอัปลักษณ์?”

หากว่ารูปโฉมเช่นนั้นเรียกว่าอัปลักษณ์ งั้นเกรงว่าโลกนี้ก็คงไม่มีใครสวยไปกว่านี้แล้ว

องค์ชายห้าเซียวจิ่นหยูรู้สึกประหลาดใจ “แล้วไม่ใช่หรือไง? พูดขึ้นมา ตั้งแต่ที่เจ้าแต่งงานและหย่า ข้าก็ยังไม่เคยเห็นนางมาก่อน นางอัปลักษณ์อย่างที่ร่ำลือกันจริงๆหรือ?”

สีหน้าของเซียวจิ่นหมิงเริ่มแปลกขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับไม่ได้พูดจา องค์ชายห้าเซียวจิ่นหยูรู้ว่าเขาไม่ชอบการนินทาคนอื่นลับหลัง ด้วยเหตุนี้จึงไม่ซักไซ้อีก พอนึกอะไรได้ ก็เอ่ยถามอีกว่า “ตอนนี้เรื่องในจวนของเจ้า ยังเป็นพระชายารองนั่นของเจ้าจัดการอยู่หรือ?”

“นางเฉลียวฉลาดโดยธรรมชาติ เรียนรู้ได้เร็ว”

“ไม่ว่าจะทำได้ดีเพียงใด ก็เป็นเพียงคนในยุทธภพธรรมดา ฐานะต่ำต้อย แบกรับตำแหน่งพระชายาเอกไม่ได้”

เซียวจิ่นหมิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง และกล่าวช้าๆ “ข้าก็เป็นแค่ลูกของนางสนม ฐานะก็ไม่ได้นับว่าสูงศักดิ์อะไร แม้ว่านางจะเป็นหญิงในยุทธภพ แต่ก็โตมาพร้อมกันกับข้า ไม่มีอะไรไม่เหมาะสมกัน”

ในเมื่อเขารับปากอาจารย์ว่าจะปกป้องศิษย์น้องให้ดี ศิษย์น้องจึงได้กลายเป็นภาระบนบ่าที่เขาต้องรับผิดชอบ เขาไม่รักนาง แต่ก็ไม่อยากให้คนอื่นดูถูกนางเพราะฐานะ

องค์ชายห้าเซียวจิ่นหยูจนปัญญา “เจ้าช่างดื้อรั้นซะจริงๆ พูดกับเจ้าไม่กระจ่าง เพียงแต่เรื่องวันนี้ที่ข้าพูดกับเจ้า ยังไงเจ้าก็ต้องใส่ใจ จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด”

“พี่ห้า มาอีกสักรอบดีกว่า?”

“.......ไม่เอาแล้ว!”

เซียวจิ่นหมิงยืนขึ้น “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ น้องแปดยังมีธุระ ก็ขอทูลลาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ไปเถอะไปเถอะ!”

เซียวจิ่นหมิงออกจากจวนองค์ชายห้า กระโดดขึ้นม้า จุยเฟิงรีบก็กล่าวทันที “องศ์ชาย พระชายารองส่งข่าวมา เชิญให้ท่านไปถนนใหญ่เจิ้งหนาน บอกว่าจะรอท่านอยู่ที่นั่นพ่ะย่ะค่ะ”

เซียวจิ่นหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “นางคิดจะทำอะไร?”

“พระชายารองบอกว่า ถนนใหญ่เจิ้งหนานมีบ้านเก่าตระกูลของนางอยู่หลังหนึ่ง ดังนั้นจึงอยากเชิญองศ์ชายไปสักรอบ เพื่อเซ่นไหว้ท่านพ่อท่านแม่เป็นเพื่อนนางพ่ะย่ะค่ะ”

อาจเป็นเพราะหยุนหรั่นเฟิงช่วยเขาไว้ครั้งหนึ่ง แม้ว่าจุยเฟิงจะรู้สึกจริงๆว่าพระชายามีนิสัยบ้าอำนาจ แต่พูดหนึ่งก็เป็นหนึ่ง ไม่เคยเสแสร้งไร้เหตุผล กลับกันกับพระชายารองที่นิสัยเดิมจองหองแต่กลับทำตัวน่ารักขึ้นมาตาสถานการณ์ ทั้งยังชอบเอาผู้อาวุโสซวนซานออกมาบังคับองศ์ชายให้ยอมจำนนอยู่เสมออีก!

หากไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสซวนซานมีบุญคุณ จากนิสัยขององศ์ชาย เกรงว่าก็คงไม่เหลียวมองนางแม้สักแวบเดียว

เซียวจิ่นหมิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “งั้นก็ไปกันเถอะ"”

เขาจะต้องพูดกับซินจื่อให้กระจ่างแบบดีๆจริงๆแล้ว

เขาฟาดบังเหียน รีบวิ่งมุ่งไปที่ถนนใหญ่เจิ้งหนานทันที

บนถนนใหญ่เจิ้งหนาน ฉีซินจื่อกำลังพาติงตังเข้าไปในร้านหนังสือแห่งหนึ่ง ติงตังกล่าวเสียงดังว่า “เจ้าของร้าน รีบหยิบหนังสือ《เพลงกว่างหลิงส่าน》เล่มเมื่อวานออกมา พวกเรายังมีเรื่องด่วนอีก ต้องการจะไปเดี๋ยวนี้แล้ว! เงินวางไว้ตรงนี้!”

เมื่อเจ้าของร้านเห็นว่าฉีซินจื่อแต่งตัวไม่ธรรมดา ก็รู้ว่าเป็นลูกค้าคนสำคัญ จึงรีบเอ่ยว่า “ลูกค้าท่านนี้ หนังสือเล่มนั้นถูกลูกค้าในห้องส่วนตัวหยิบไปอ่านแล้วขอรับ ท่านรอสักครู่”

ทั้งซ้ายและขวาล้วนเป็นลูกค้าคนสำคัญ ล้วนเป็นบุคคลที่ไม่สามารถล่วงเกินได้

ฉีซินจื่อขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวแบบข่มอารมณ์ไว้ไม่ได้ว่า “ให้เขารีบหน่อย ข้ายังมีธุระ ต้องรีบไป”

“ได้ได้ได้ขอรับ ข้าจะไปเร่งเดี๋ยวนี้” เจ้าของร้านรีบกล่าว ทันทีที่หมุนตัวก็แทบจะชนเข้ากับผู้เชี่ยวชาญด้านชา จึงกล่าวขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า “เจ้าจะรีบร้อนอะไรกัน!”

ผู้เชี่ยวชาญด้านชาพูดด้วยความดีใจ “เถ้าแก่ ห้องส่วนตัวทางนั้นส่งสารมา บอกว่าลูกค้าคนสำคัญห้องอักษรไม้ไผ่นั่นต้องการจะซื้อหนังสือ《เพลงกว่างหลิงส่าน》ที่มีอยู่เล่มเดียวเล่มนั้น เงินก็จ่ายแล้ว นี่เป็นการค้าที่ใหญ่ที่สุดของพวกเราในหลายเดือนมานี้เชียวนะขอรับ จะไม่ดีใจได้อย่างไร ท่านดูสิ กล่องนี้ข้าก็หยิบมาแล้ว จะไปช่วยเขาบรรจุหนังสือน่ะขอรับ!”

เจ้าของร้านยังไม่ทันได้ดีใจ ฉับพลันนั้นก็ดึงสติได้ กล่าวขึ้นด้วยความตกใจ “อะไรกัน ขายไปแล้วเหรอ?”

ผู้เชี่ยวชาญด้านชาตะลึงงัน “ขายไปแล้วสิขอรับ นี่ไม่ใช่เรื่องดีหรือ?”

เป็นเรื่องดี!

แต่ตอนนี้ลูกค้าคนสำคัญสองคนกำลังแย่งกันจะเอา ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีแล้ว

เจ้าของร้านร้องโอดครวญในใจ เพียงแค่หันกลับไป กล่าวขอโทษกับฉีซินจื่อด้วยความระมัดระวัง “ท่านก็ได้ยินแล้ว ช่างบังเอิญจริงๆ มีคนซื้อไปแล้วขอรับ ไม่เช่นนั้นท่านมาใหม่วันหน้า บางทีพวกเราอาจจะยังสามารถหามาได้อีกเล่ม.......”

“เมื่อวานพวกเจ้าก็บอกว่าหนังสือเล่มนั้นมีเล่มเดียวในโลก แล้วจะหาเล่มที่สองออกมาให้ข้าได้ยังไง? ข้าไม่สน เมื่อวานฮูหยินของข้าถูกใจหนังสือเล่มนี้แล้ว ก็ควรเป็นของพวกเรา!” ติงตังกล่าวด้วยความรีบร้อน “และเมื่อครู่พวกเราก็บอกกับเจ้าไปแล้ว เจ้าจะกลับคำได้อย่างไร?”

เจ้าของร้านแอบรู้สึกลำบากใจ คิดว่าเมื่อวานพวกท่านถูกใจแล้ว แต่พวกท่านก็ไม่ได้ซื่อนี่นา อีกทั้งถกกันเรื่องก่อนหลัง ก็เป็นลูกค้าคนสำคัญด้านบนพูดขึ้นก่อน อย่างน้อยคนอื่นเขาก็จ่ายเงินแล้วด้วย!

“นี่.......”

ฉีซินจื่อที่อยู่ข้างๆได้ยินว่าของที่ตัวเองต้องการถูกซื้อไปแล้ว ก็สูดหายใจเล็กน้อย อดทนต่อความวู่วามที่จะระเบิดออกมาไว้ กล่าวช้าๆว่า “เจ้าของร้าน ข้ารู้ว่าเจ้าลำบากใจ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่งั้นเจ้าก็นำทางข้าไปพบคนผู้นั้นสักหน่อย ข้ายอมจ่ายเงินมากขึ้นหนึ่งร้อยตำลึง เพียงแค่เขายอมตัดใจ อะไรก็คุยกันง่าย”

นางเป็นพระชายารองของจวนองค์ชายแปด เป็นคนที่จะเป็นพระชายาเอกในอนาคต จะทิ้งความผิดไว้ไม่ได้เด็ดขาด

เจ้าของร้านถอนหายใจเบาๆ “เช่นนั้นก็ได้......”

ขณะที่กำลังพูด ก็มีคนเดินลงมาจากบันได เสียงสดใสอันคุ้นเคยดังขึ้นตรงบันได “.......คุณหนู ท่านว่าหนังสือเล่มนี้ดีขนาดนั้นเชียวหรือ? พวกเราจ่ายเงินไปมากมายขนาดนั้น เสียเปรียบหรือไม่นะเจ้าคะ?”

“เสียเปรียบอะไร? นี่เป็นถึงของดีที่มีค่าเหลือล้นเชียวนะ” ผู้หญิงอีกคนหัวเราะเบาๆ

ติงตังตอบสนองได้ก่อนเป็นคนแรก มองไปทางฉีซินจื่อโดยสัญชาตญาณ “ฮูหยิน?”

ฉีซินจื่อจับจ้องไปที่ทางขึ้นของบันได

ชายเสื้อที่ทางขึ้นของบันไดพลิ้วไหวเล็กน้อย ผู้หญิงชุดดำเดินมาทางบันไดก่อน บนใบหน้าที่งดงามไร้ที่เปรียบเป็นรอยยิ้มสดใส ในมือถือหนังสือเล่มหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเป็น《เพลงกว่างหลิงส่าน》ที่ฉีซินจื่อมาซื้อด้วยความรีบร้อน!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีหงสาร้อยเล่ห์