“สิ่งที่องค์หญิงเปล่งวาจาออกมา มิได้มองว่าตระกูลลู่ของข้าอยู่ในสายตาเลย!” พระชายาลู่ลุกขึ้นยืนด้วยความสง่างามและเต็มไปด้วยความสูงส่งในคำพูดของนาง
พระชายาลู่รู้ดีแก่ใจว่าฮ่องเต้แห่งโฮ่วจิ้นคงไม่เห็นด้วยกับคำขอที่ไร้เหตุผลเช่นนั้นจากองค์หญิงน้อยแห่งรัฐฉู่อย่างแน่นอน จุดประสงค์เดียวของเขาคือ ทำให้ตระกูลลู่ต้องอับอายเพียงเท่านั้น
ทว่า นางก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืนเพื่อปกป้องบุตรชายของนาง
เจียงหลีซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ นาง ก็ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เช่นกัน แววตาที่เย็นชากวาดขึ้นไปที่แท่นสูงซึ่งมีคนสวมชุดสีเหลืองสดใสและสวมมงกุฎมังกรนั่งอยู่
ส่วนองค์หญิงแห่งรัฐฉู่นั่น
ถูกนางเพิกเฉย
“พระชายาลู่ ชิงชิงเพียงล้อเล่นเท่านั้น” มู่เจิ้งเฟิงยิ้มจางๆ และกล่าวอย่างไม่แยแส
น้ำเสียงนั่นปนความเอาอกเอาใจอยู่ด้วย ทำให้การแสดงออกของฉู่เฟยชิงยิ่งพึงพอใจนักแล้วมองไปที่ลู่เจี้ยและสายตาก็เต็มไปด้วยชัยชนะ “เจ้ากลับไปกับข้า เจ้าอยากได้อะไร ข้าจะจัดหาให้แก่เจ้าทั้งสิ้น”
นางไม่แยแสกับคำพูดของพระชายาลู่และเอ่ยกับลู่เจี้ยโดยตรง
กำเริบเสิบสาน! ช่างกำเริบเสิบสานยิ่งนัก!
ทุกคนต่างตกตะลึง
แม้แต่ฮ่องเต้ของพวกเขา ก็ไม่พูดจาโจ่งแจ้งเช่นนี้
องค์หญิงแห่งรัฐฉู่ ถือว่าลู่เจี้ยเป็นบุคคลยอดนิยมของสถานที่เริงรมย์เหล่านั้นจริงๆ หรือ
“ขอบพระทัยสำหรับความเมตตาขององค์หญิง รัฐฉู่อยู่ห่างไกลออกไปมากและร่างกายของเจี้ยก็อ่อนแอนัก ไม่สะดวกที่จะเดินทางระยะไกล ความเมตตาจากองค์หญิง ข้าคงไร้ซึ่งวาสนาที่จะรับไว้ได้” ลู่เจี้ยกล่าวด้วยเสียงเรียบ
ถูกทำให้อัปยศอดสูเช่นนี้ กลับมองไม่ออกว่ากำลังมีความสุขหรือโกรธเคืองอยู่
สิ่งนี้ทำให้แววตาของมู่เจิ้งเฟิงขุ่นมัว นายน้อยลู่ แม้ว่าจะขี้โรค แต่กลับรับมือยากเช่นนี้เชียวหรือ
“เจ้าอย่ากังวลไป ตราบใดที่เจ้ายอมตกลงไปกับข้า ข้าก็จะพาเจ้าไปยังรัฐฉู่อย่างสะดวกและปลอดภัยเอง” ฉู่เฟยชิงฟังคำปฏิเสธของลู่เจี้ยไม่เข้าใจ
ลู่เจี้ยละสายตาลงและเผยรอยยิ้มที่ไม่สามารถอธิบายได้พุ่งออกมาจากมุมปากแล้วหยุดพูด
“เจ้า!” พระชายาลู่โกรธเกรี้ยวยิ่งนัก
ท่าทีของฮ่องเต้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเจตนาตามใจองค์หญิง นางจะปกป้องบุตรชายของตนจากตำหนักบุปผานี้อย่างไรดี
“ชิงชิง อย่าพาลหาเรื่องเลย” ฉุนกุ้ยเฟยเอ็ดเบาๆ
ฉู่เฟยชิงหันไปมองนาง “เสด็จอาเพคะ คนที่รูปงามเช่นนี้ อาศัยอยู่ที่โฮ่วจิ้นนานมาแล้ว กลับรัฐฉู่กับข้าก็ไม่เห็นเป็นอะไรหนิเพคะ”
“ชิงชิง เจ้าเป็นหญิงสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือน จะพาผู้ชายกลับไปได้อย่างไร หากท่านพี่ทรงทราบเรื่องเข้า คงต้องลงโทษเจ้าเป็นแน่” ฉุนกุ้ยเฟยกล่าวด้วยความโมโห
ฉู่เฟยชิงยังคงไม่ยอมแพ้ “ข้าจะเอากลับไปดูเล่นไงเพคะ!”
“…”
นี่คือคำพูดที่ควรพูดออกมาหรือ
เอากลับไปดูเล่นหรือ นี่คือคน ไม่ใช่สิ่งของ!
ทุกคนต่างพูดไม่ออก ทำให้พวกเขาต้องทำความเข้าใจกับองค์หญิงน้อยแห่งรัฐฉู่ที่หยิ่งผยองนี้เสียใหม่
“กุ้ยเฟยที่รักของข้า เจ้าอย่ากังวลไปเลย” มู่เจิ้งเฟิงกล่าวขัดจังหวะพูดของฉุนกุ้ยเฟย
แววตาของฉุนกุ้ยเฟยเปลี่ยนไปเล็กน้อยพร้อมกับหยุดพูด แต่ดวงตาของนางไม่สามารถละสายตาจากลู่เจี้ยไปได้
การกระทำเช่นนี้ แม้จะหลบซ่อนมู่เจิ้งเฟิงที่ยืนอยู่ด้านหน้าของนางได้ แต่หลบไม่พ้นเจียงหลีที่ยืนอยู่ข้างๆ พระชายาลู่ไปได้ แววตาเขินอายและชื่นชมเช่นนั้นทำให้เจียงหลีเข้าใจทันทีว่าฉุนกุ้ยเฟยที่อยากช่วยอยู่นั้น ก็มิได้มีเจตนาที่ดีเลย
เพียงแต่ว่า หากฮ่องเต้โฮ่วจิ้นรู้ว่าสนมอันเป็นที่รักของตน ก็ชื่นชมคนที่เขาอยากทำให้อับอายเช่นกัน แล้วเขาจะรู้สึกเช่นไร
เจียงหลียิ้มออกมาทันทีและกล่าวกับพระชายาลู่ที่อยู่ข้างๆ ว่า “พระชายาเพคะ สนมท่านนี้ช่างดีกับนายน้อยของพวกเราจริงๆ เลยเพคะ นางก็ไม่ได้เต็มใจให้นายน้อยกลับไปพร้อมกับองค์หญิงแห่งรัฐฉู่เพคะ”
คำพูดเฉกเช่นคำพูดของเด็กๆ ไม่ควรถือสา


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์