แม้จะยังไม่เห็นหน้า ก็รู้แล้วว่าเสียงนั้นเป็นของผู้ใด
ดวงตาสดใสของเจียงหลี กวาดสายตาที่ปรากฏความเย็นชาเล็กน้อยมองเพียงผู้นำของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งซึ่งกำลังเดินเข้ามาจากระยะไกล บุคคลผู้นั้นคือหมาแก่อู๋เชียน
ขณะที่ข้างหลังของอู๋เชียนมีบุคคลสองคนสวมชุดคลุมฝึกฝนของสถานบันหลิงอู่ นอกจากสามคนนี้แล้ว ก็มีอีกแปดคนที่ติดตามพวกเขาอยู่ด้านหลัง
ในบรรดาแปดคนนี้ ผู้นำคนสำคัญมีรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาเด็ดเดี่ยวและดุดัน มีลักษณะน่าเกรงขามยิ่งนัก โดยระดับของความเย็นเยือกนั้น มิได้แพ้ลู่จ้านเลย
เขามีแววตาที่สงบนิ่ง สายตาอันเด็ดเดี่ยว ราวกับเรื่องทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขาเลยแม้แต่น้อย ทั้งหมดล้วนมิได้อยู่ในสายตาของเขา
บุคคลทั้งเจ็ดที่อยู่ยืนอยู่ข้างหลังเขา พลังอำนาจห่างไกลจากเขามาก ถึงขั้นขณะที่มองสำรวจไปที่สถาบันไป๋หยวนอย่างประหลาดใจ มุมตาของพวกเขาก็ยังเผยความหยิ่งผยองและความภาคภูมิใจออกมา
ดูแล้ว เหมือนมาหาเรื่องเสียมากกว่า แววตาของเจียงหลีเปลี่ยนไปเล็กน้อยและคาดเดาในใจ
อู๋เชียนนำคนกลุ่มนี้ไปยังบริเวณที่ที่มีมวลชนมากที่สุด
และภายหลังที่พวกเขาปรากฏตัว ก็ได้สร้างความประหลาดใจให้แก่บรรดาอาจารย์และลูกศิษย์ของสถาบันไป๋หยวน
ศิษย์ปัจจุบันบางคนมองแขกที่มิได้รับเชิญกลุ่มนี้อย่างระมัดระวัง ขณะที่ ศิษย์ใหม่แม้จะประหลาดใจ แต่ก็มิได้รู้สึกกังวลจนเกินไป
พออู๋เชียนพูดจบ อาจารย์จากสถาบันไป๋หยวนก็เดินออกมาทันที
“พวกท่านมาเยี่ยมเยียนถึงที่นี่ มีเหตุอันใดหรือ”
ประโยคนี้ มิได้พูดผิดแต่อย่างใด
แต่ทว่า สายตาของอู๋เชียนกวาดมองไปที่เขาอยู่หลายครั้งแล้วหัวเราะเยาะว่า “เจ้าไม่มีคุณสมบัติมากพอมาพูดคุยกับข้า”
“เจ้า!” ใบหน้าของอาจารย์แห่งสถาบันไป๋หยวนผู้นี้ได้เปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำด้วยความโกรธแล้ว
ท่าทีของอีกฝ่ายไร้ความปรานีอย่างเห็นได้ชัด
พอได้ยินอาจารย์ของพวกเขาถูกเหยียดหยามเช่นนี้ เหล่าบรรดาลูกศิษย์ของสถาบันไป๋หยวนต่างแสดงอาการโกรธเคืองออกมาให้เห็นและตะโกนเรียกผู้มาเยือนของสำนักหลิงอู่…
“พวกเจ้าหมายความว่าอย่างไร”
“คนของสำนักหลิงอู่มาแสดงกิริยาจองหองถึงที่สถาบันไป๋หยวนเลยหรือ”
“คนของสำนักหลิงอู่มารังแกกันถึงสถาบันไป๋หยวน คิดว่าที่นี่ไม่มีคนอยู่หรืออย่างไร”
“นี่มาหาเรื่องกันชัดๆ !”
“สั่งสอนคนจองหองกลุ่มนี้ให้หลาบจำ ให้พวกเขารู้ว่าสถาบันไป๋หยวนของพวกเราแข็งแกร่งเพียงใด! ”
“…”
อาจารย์ท่านอื่นๆ ของสถาบันไป๋หยวนรีบควบคุมอารมณ์เกรี้ยวโกรธของบรรดาลูกศิษย์ มิให้กลายเป็นเรื่องใหญ่และตกหลุมพรางของสำนักหลิงอู่
พอฟังคำพูดของอู๋เชียนจบ ลู่เสวียนก็พับแขนเสื้อ เตรียมพร้อมที่จะก้าวออกไปข้างหน้า “นี่! คุณชายน้อยอารมณ์ฉุนเฉียวง่ายเสียจริงๆ!”
จากนั้น เขาก็กล้าขยับตัว แต่กลับรู้สึกว่าด้านหลังคอเสื้อถูกใครบางคนคว้าเอาไว้ ทำให้ร่างกายของเขาถอยหลังอย่างต่อเนื่อง
“ใครเป็นคนลากข้าเช่นนี้!” ลู่เสวียนหันหลังแล้วมองไปที่ใบหน้าของเจียงหลีที่หมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “หลียาโถ่วเองหรือ เจ้าดึงข้าไว้ทำไม ไม่เห็นหรือว่าคนของสำนักหลิงอู่กำลังหยามเกียรติพวกเราถึงที่นี่”
“หลายคนในสถาบันไป๋หยวนที่เก่งกาจกว่าเจ้ายังไม่ขยับตัวเลย ตอนนี้ยังไม่ถึงตาศิษย์ใหม่อย่างเจ้าที่จะออกหน้าเช่นนี้” เจียงหลียิ้มพร้อมกับมองไปที่เขา แต่คำเตือนในแววตาของนางนั้นเด่นชัดยิ่งนัก
นั่นหมายความว่าจะไม่ปล่อยให้ลู่เสวียนออกตัวคนแรก
VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์